I GAER GEEK กับ จุดเริ่มต้นการทำงานของผม
How did I know “I GEAR GEEK”? → รู้จักที่นี่ได้ไง
ผมได้รู้จัก และรับรู้ถึงความเป็นซอฟต์แวร์เฮ้าส์ที่น่าสนใจมากแห่งนี้ ผ่านทางการโปรโมทในโซเชียลมีเดียของ 2 Co-Founder หลักอย่างพี่เซ็ท และพี่เต้ยเอง ซึ่งผมได้ติดตามพี่ๆเค้ามาตั้งแต่ผมไปเข้าร่วมค่ายอบรมการทำ Agile ที่พี่ๆทั้งสองมาจัด ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และแน่นอนด้วยความประทับใจส่วนตัวในทัศนคติ กับการให้ความรู้ของพี่ๆเค้า ผมจึงมั่นใจได้เลยระดับหนึ่งว่าการที่จะได้ร่วมงานพี่ๆเค้าเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน
สโลแกนดี มีแรงดึงดูดสูง → สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตกลงปลงใจให้ที่นี่
อ่านดูก็รู้ ว่าความบันเทิงในการทำงานรอผมอยู่ที่ I GEAR GEEK ไม่ต้องรออะไรแล้วสิครับ จัดไป!!
How did I get this job? → ได้งานได้ไง (แบบกระชับ)
[Start] → ส่งเรซูเม่ → ทำโจทย์ และทดสอบ → สัมภาษณ์ → รอผลดั่งคนเหงา → สายที่รอคอยโทรมา พร้อมกับผลลัพธ์ที่คาดหวัง — เย้!! →[Finish]
อยากรู้ว่าแบบทดสอบคืออะไร สัมภาษณ์ประมาณไหนสินะครับ
มาลองด้วยตัวเองเลย!!
A newbie geeker and his first day → ผมมาทำอะไรที่นี่(ในวันแรก)
เดินทางมายังบริษัทด้วยความตื่นเต้น ในใจก็คิดไป วันแรกจะเจอกับอะไรบ้าง
“วันแรก” เปิดมาก็แนะนำตัว หาโต๊ะที่จะเป็นที่ประจำสำหรับนั่งทำงาน แล้วก็เจอกับกำหนดการนัดคุยเรื่อง OKR ว้าว!! นี่เราจะมีเป้าหมายที่จะไม่ได้ฝ่าฟันไปให้ถึงด้วยตัวคนเดียวแล้วหรือนี่ เยี่ยม!! เพราะไปด้วยกันไปได้ไกล
OKR ย่อมาจาก Objective & Key result คือวิธีการตั้งเป้าหมายให้แต่ละคน โดยเป้าหมายของทุกๆคนสอดคล้องกันทั้งองค์กร
แล้วใน “วันแรก” นี่จะเริ่มทำงานทั้งที ทางบริษัทก็จัดสวัสดิการแรกมาให้เลย กับ MacBook Air กับ Touch ID ใหม่เอี่ยม แกะกล่องเองเลยทีเดียว จากนั้นก็เซ็ตอัพคอม กับสภาพแวดล้อมสำหรับการทำงานที่เหมาะสมกับแผนงาน รวมถึงโปรแกรม, เครื่องมือต่างๆที่จะได้ใช้งานแน่นอนของที่นี่
นึกว่าจะมีงานย่อย หรือโจทย์ทดลองอะไรให้ซ้อมมือก่อน “ไม่เลย”
เริ่มงานแรกประเดิมที่ “เว็บ Berdodee(เบอร์ดูดี)”
เปิดมาก็จับงานจริงเลย เข้าไปทำงานช่วยเหลือร่วมกับพี่ๆน้องๆที่พัฒนาเว็บตัวนี้มากันก่อนอยู่แล้ว ซึ่งผมเองค่อนข้างจะลน และตะกุกตะกักอยู่หน่อยๆ เพราะสกิลที่ติดตัวมาไปทางการใช้งาน javascript ล้วนๆ(Node.js, React, Angular, Firebase, MongoDB) แต่งานแรกประเดิมที่ laravel
ใจมา มุ่งมั่นจริง อะไรก็ขวางไม่ได้
บางทักษะที่ผมคิดว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในวงการ developer เลยก็คือ ทักษะการเรียนรู้ และทักษะการเผชิญหน้ากับอะไรที่เราไม่เคยเจอ หรือไม่คุ้นเคยมาก่อน
การที่เราพร้อมเปิดกว้าง สามารถที่จะเผชิญกับความรู้ใหม่ๆ ทักษะใหม่ๆ แล้วเรียนรู้ พัฒนาจากสิ่งเหล่านั้น หล่อหลอมมันให้กลายเป็นความสามารถติดตัวของเรา ไม่ว่าจะเจอกับอะไรก็ตาม เราก็สามารถรับมือกับมันได้อย่างอยู่หมัดแน่นอน
จึงทำให้ตั้งแต่วันแรกจนตลอดเดือนแรกนี้ผมได้ทำงานในรูปแบบประมาณว่า ทำงานไปเรียนรู้เพิ่มไปเรื่อยๆ แต่เมื่อติดปัญหาตรงไหน สงสัยอะไร ทั้งพี่เต้ยเองและคนอื่นๆที่ทำงานมาก่อนแล้วก็สามารถแนะนำ หรือลงมาช่วยเหลือได้เสมอ
Awesome I GEAR GEEK ecosystems → สภาพแวดล้อมสุดเจ๋งของที่นี่
ระบบนิเวศภายในบริษัทที่เหมาะสม จะมีความหลากหลายที่เกื้อหนุนกัน ทำให้เกิดการพัฒนาต่อทุกอย่างที่รวมอยู่ในนั้น
- คน → ทักษะ, ประสบการณ์, แนวความคิด, นิสัย, การตัดสินใจ
- พื้นที่ → ความน่าอยู่, ความน่าเชื่อถือ, แรงดึงดูด, รากฐานความมั่นคง
- งาน → ความท้าทาย, จำนวน, รูปแบบ
- กิจกรรม → การเรียนรู้, การสานสัมพันธ์
การเชื่อมโยงกันของห่วงโซ่ทางคุณค่า คือที่มาของ ecosystem
1 ส่วนประกอบหลักของ ecosystem ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ “การเรียนรู้”
การเรียนรู้ ที่จะทำให้คนเก่งขึ้น สามารถรับมือกับความท้าทาย และจำนวนงานได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทเติบโตขึ้นไปด้วย
อย่าท้อเพียงเพราะเรียนรู้ช้ากว่าคนอื่น ขอแค่อย่าหยุดเรียนรู้ก็พอ แล้วคุณจะพบกับทางเดินที่เต็มไปด้วยโอกาส และความหวังใหม่
ที่ I GEAR GEEK การเรียนรู้ ถือเป็นอีกหนึ่งสภาพแวดล้อมหลัก ในระบบนิเวศของบริษัท ที่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคคลในหลายๆด้าน
Flash talk → สิ่งหนึ่งที่เป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ของ I GEAR GEEK
Flash talk 5 นาที ในช่วงเช้าอันสดใสของทุกวันศุกร์ ที่ทุกๆคนจะหยิบเตรียมเรื่องที่ตนเองสนใจมาเล่า มาแบ่งปันให้กับทุกคนในบริษัท ซึ่งจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ เช่น การลงทุน, เทคโนโลยีใหม่, ข่าวต่างประเทศ, เทคนิคการพัฒนาซอฟต์แวร์, เครื่องมือเจ๋งๆสำหรับนักพัฒนา เป็นต้น
นอกจากจะได้รับฟังเรื่องสนุกๆในหลากหลายหัวข้อ ที่อาจทำให้เราค้นพบความสนใจและความรู้ใหม่ๆแล้ว เราเองก็ยังได้ฝึก soft skill การพูดบรรยายต่อหน้าผู้รับฟังคนอื่นๆไปด้วย
ยังมีส่วนประกอบอื่นใน ecosystem ของ I GEAR GEEK เองที่สำคัญและทรงคุณค่าไม่แพ้กันอีก เช่น
- เป้าหมาย หรือ OKR (ที่อยากจะบรรลุ, ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดที่เราลิมิตตัวเองไว้)
- การแข่งขัน(กับงานที่ได้รับมอบหมายรวมไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้)
- ความหลากหลาย(ทุกคนมีความถนัดของตน มีตัวตนของตนเองที่อาจจะแตกต่างกันและถูกพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ขัดเกลาให้กลายเป็นส่วนเสริมจุดแข็งของบริษัท)
อีก 1 ส่วนประกอบหลักของ ecosystem ที่ผมรัก “OKRs” …
ฮั่นแน่!! ยังก่อน!! OKRs ของผมจะค่อยๆเฉลยไปพร้อมๆกับการทำมันให้สำเร็จ แล้วผมจะมารีวิว OKRs ของผมกับผลลัพธ์ความสำเร็จของมันโดยจะสอดแทรกลงในเนื้อหาของบล็อกถัดๆไปนะครับผม
What are the challenges I faced at work? → ความท้าทายของผมในเดือนแรก
หลายๆคน อาจคิดว่าการเข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนเนี่ย เป็นขอบเขตที่จำกัดความสามารถ ความคิด ความกล้าของตัวเองเอาไว้ จากความกังวลต่างๆสำหรับน้องใหม่วัยทำงาน เช่น การผ่านโปร, การจ่ายเงินเดือน, ลำดับขั้นของคนในบริษัท, ชื่อเสียง, ภาพพจน์ต่อเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
ความมุ่งมั่น และความกล้า(ในทางที่ดี) คือทีเด็ดของผู้ประสบความสำเร็จ
เมื่อมีโอกาส ผมก็ไม่ลังเลที่จะคว้ามัน การตัดสินใจต่างๆในเดือนแรกที่ I GEAR GEEK นี้มาจากความคาดหวังที่จะพัฒนาตัวเองล้วนๆ โดยความท้าทาย และโอกาสที่ผมได้เจอะเจอในจุดเริ่มต้นการทำงานเดือนแรกของผมก็คือ
- ความท้าทายในการเรียนรู้งาน และการร่วมงานกับผู้อื่น (อันนี้ท้าทายแบบเบสิค)
- โอกาสในการไปงาน Code Mania 1001 X Digital Skill ที่ผมได้งบซัพพอร์ตบินไป กทม. เพื่อร่วมเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ในงานนี้ (อันนี้ท้าทายแบบเปิดโลก)
- ความท้าทายที่ว้าวสำหรับผมมากคือการเป็น Speaker ในงาน Tech on the Rock #3 : Tech for Thailand 4.0 ที่เชียงใหม่ อีกหนึ่งเช็คพอทย์สำหรับการพัฒนา soft skill ของผม (บ้ะ!! ท้าทายแบบสุดขั้ว)
- ความท้าทายที่ดีอีกอย่างในการเขียนบล็อกแชร์ความรู้และประสบการณ์ของผมเองทั้งจากการทำงาน การไปงาน Code Mania 1001 X Digital Skill, การเป็น Speaker และบล็อกนี้ บล็อกแชร์ประสบการณ์ใน I GEAR GEEK เดือนแรกของผม รวมไปถึงบล็อกที่จะเขียนในอนาคต (ถึงกับท้าทายในระยะยาว)
จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการรีวิว
จุดเริ่มต้นที่ I GEAR GEEK ของผม
อ่านผ่านๆไม่ว่า อ่านซ้ำไปซ้ำมาสาระเกิด อ่านจนเลยเถิดจะเกิดความเบลอ
ขอบคุณครับ..
