Web Accessibility Standard : ความสามารถและการเข้าถึงเว็บไซต์โดยไม่มีข้อจำกัด
หากพูดถึง Accessible design คนส่วนใหญ่จะนึกถึงกระบวนการออกแบบที่เป็นการแก้ปัญหาสำหรับคนที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็นหรือการได้ยินเท่านั้น แต่วันนี้เราอยากจะมาพูด Accessible design ในส่วนที่เป็นมาตรฐาน ประสบการณ์การใช้งานและแนวทางที่ดี โดยมีเป้าหมายหลักคือ การทำเว็บไซต์ที่ใช้งานได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตใจก็ตาม
Web accessibility Standard หรือที่เรารู้จักกันว่า Web Content Accessibility Guideline (WCAG)
Web Content Accessibility Guideline (WCAG) เป็นแนวการการออกแบบเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึง เป็นการใช้ความคิดที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและปฏิบัติตามข้อกำหนดความสามารถในการเข้าถึงเว็บต่างๆที่กำหนดโดย W3C ไม่เพียงแต่มีความสำคัญและมีความจำเป็นเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้จริงอีกด้วย จึงเกิดเป็นมาตรฐานสากลและเป็นแนวทางในการสร้างเว็บไซต์
ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย การพัฒนาและออกแบบเว็บไซต์จึงต้องมีปรับเปลี่ยนและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการพัฒนาเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ต้องมีการทบทวน Guideline กันใหม่ และได้มีการปรับเนื้อหาให้รองรับและครอบคลุมกับเทคโนโลยีใหม่ๆให้เข้ากับปัจจุบันอยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เป็นไปตามหลักสากล
Web Content Accessibility Guideline (WCAG) แบ่งเป็น 4 หลักการ 12 Guideline ตามวัตถุประสงค์ในการออกแบบเว็บไซต์
1.Perceivable — ผู้อ่านต้องสามารถรับรู้เนื้อหาได้
- จัดเตรียมข้อมูลที่เป็นข้อความ (Text) แทน เนื้อหาที่มีรูปแบบเป็นอื่น
- จัดเตรียมข้อความบรรยายที่ตรงกับเหตุการณ์ในสื่อมัลติมีเดีย
- การออกแบบโครงสร้าง และเนื้อหา ต้องสามารถทำงานเป็นอิสระจากกันและกัน
- ต้องมั่นใจได้ว่าพื้นหน้าและพื้นหลัง(สีและเสียง) ต้องมีความแตกต่างกันมากพอที่ผู้ใช้จะสามารถแยกแยะได้
2.Operable — องค์ประกอบต่าง ๆ ของการอินเตอร์เฟสกับเนื้อหาจะต้องใช้งานได้
- การทำงานทุกอย่างต้องรองรับการใช้งานจากคีย์บอร์ดได้
- จัดเตรียมเวลาให้เพียงพอในการอ่าน หรือการกระทำใดๆ ของข้อมูล สำหรับผู้ใช้ที่เป็นคนพิการ
- ไม่สร้างเนื้อหาที่อาจเป็นสาเหตุของอาการลมชัก
- จัดเตรียมทางช่วยเหลือสำหรับผู้ใช้ในการสืบค้นเนื้อหา รู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งใดในเนื้อหา และท่องไปในเนื้อหานั้นได้
3.Understandable — ผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหา และส่วนควบคุมการทำงานต่างๆ ได้
- สร้างเนื้อหาให้สามารถอ่านและเข้าใจได้
- การทำงานของระบบต่างๆ หรือการแสดงผลบนหน้าเว็บ ต้องเป็นสิ่งที่ผู้ใช้สามารถคาดเดาได้
- จัดเตรียมส่วนการช่วยเหลือให้ผู้ใช้ให้สามารถกรอกข้อมูลได้ถูกต้อง
4.Robust — เนื้อหาต้องมีความยืดหยุ่นที่จะทำงานกับเทคโนโลยีเว็บในปัจจุบันและอนาคตได้ (รวมถึงเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก)
- รองรับการใช้งานร่วมกับ User Agent ได้ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต (รวมถึงเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก)
การออกแบบเว็บไซต์ตาม Web Content Accessibility Guideline (WCAG) ได้รับการจัดระเบียบเป็นสามระดับ
ระดับ A — ระดับการเข้าถึงเว็บไซต์ขั้นต่ำและครอบคลุมความสามารถในการเข้าถึงเว็บขั้นพื้นฐาน
ระดับ AA — ระดับความสามารถในการเข้าถึงระดับกลาง สามารถจัดการกับอุปสรรคที่พบบ่อยในการเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ที่พิการ
ระดับ AAA — ระดับการเข้าถึงเว็บไซต์ขั้นสูงสุดและซับซ้อนที่สุด สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับทุกๆคน
Web Content Accessibility Guideline (WCAG) Checklist สามระดับ
ตัวอย่างการใช้ Accessibility Guideline สำหรับระบบปฏิบัติการ(operating system)ต่างๆ
Microsoft accessibility features
Accessibility Features for Windows 10
Accessibility Guideline for Android and Web Apps
Apple’s accessibility features for ios
จากหลักการของ WCAG จะเห็นได้ว่า Accessibility guidelines ไม่ใช่แค่ทางเลือกสำหรับคนที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย แต่เป็นสิ่งที่ควรมีในการออกแบบที่ดี เป็นประสบการณ์ใช้งานที่ดี (UX) และควรนำไปใช้ให้ได้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เพราะในทุกวันนี้ Web accessibility Standard ควรจะต้องเป็นสิ่งพื้นฐานที่อยู่ในดิจิทัลแพลตฟอร์มในทุกสภาวะ เช่น ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วต่ำที่ทำให้มีการแสดงผลบนเว็บไซต์ได้ช้า ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆอยู่ในสภาวะฝนตก, แดดจ้า, ไฟดับ หรืออยู่ในพื้นที่เสียงดัง ผู้ที่ใช้งานบนอุปกรณ์อื่นๆไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, Smart TV, Smart Watch เป็นต้น