👇🏽 พูดเองทำเอง
รู้มั้ยอะไรที่ไม่เข้าท่ามากๆในการทำงานเป็นทีมและระหว่างทีม?
การให้คำสัญญาโดยผ่านคนกลาง
คนที่เป็นโปรเจกต์ เมเนเจอร์จะเข้าใจความอึดอัดนี้ดีที่สุด การเป็นคนกลางประสานงานระหว่างทีมต่างๆโดยไม่มีอำนาจอะไรทำให้เกิดบทสนทนาแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน
วันศุกร์:
“ทีมหลังบ้านบอกว่าจะทำงานนี้เสร็จพุธหน้าครับ” — โปรเจกต์ เมเนเจอร์ผู้โชคร้ายอัพเดทแผนในห้องประชุมรวมระดับผู้บริหาร
วันศุกร์ถัดมา:
“ไหนว่าจะเสร็จวันพุธไง ป่านนี้ผมยังไม่ได้แพกเกจเลย แบบนี้งานผมก็ดีเลย์ไปเรื่อยแบบไม่มีกำหนดนะครับ” — หัวหน้าแผนกพัฒนาโมบายแอพกล่าวตำหนิโปรเจกต์ เมเนเจอร์คนนั้น
“……..” — โปรเจก เมเนเจอร์ก็ได้แต่เงียบหรือไม่ก็แก้ตัวแทนคนนั้นไปอย่างลำบากใจ
จากความรู้สึกของโปรเจกต์ เมเนเจอร์คนนั้น … มันคือความน่าเบื่อ มันคือเรื่องไม่ยุติธรรม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าภูมิใจ
บางคนคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของโปรเจกต์ เมเนเจอร์ที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผนนั้นเป็นไปได้จริง แต่พวกเขาอาจจะลืมไปว่าหลายครั้งแผนนั้นถูกบังคับมาแล้วจากผู้มีอำนาจระดับสูง
บางคนคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของโปรเจกต์ เมเนเจอร์ที่ต้องผลักดันให้แผนนั้นเป็นจริงขึ้นมา แต่พวกเขาอาจลืมไปว่าความไม่แน่นอนคือความแน่นอนและไม่มีใครในโลกที่ควบคุมทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์
เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวกับความสามารถของโปรเจกต์ เมเนเจอร์ ไม่เกี่ยวกับความรับผิดชอบของโปรเจกต์ เมเนเจอร์ แต่มันคือเรื่องของวัฒนธรรมองค์กร มันคือเรื่องของรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
มันคือความกล้าหาญของคนที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงของคำมั่นสัญญาอันนั้นที่จะเดินไปพูดว่า
- อันนี้ทำได้ครับ
- งานนี้เสร็จพุธหน้าแน่นอนครับ
กล้าพูดเองแบบไม่ต้องผ่านคนกลาง ใส่ใจมากพอที่จะให้คำสัญญาโดยตรงกับกลุ่มคนที่เราต้องรับผิดชอบความเป็นไปของพวกเขา … ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ฝากบอก
การฝากบอกนั้นลดคุณค่าของคำสัญญา การฝากบอกนั้นลดภาระทางจิตใจของเจ้าของคำสัญญา … เพราะไม่ได้พูดเอง เพราะไม่ได้ออกไปยืนหน้าเวทีและพูดคำสำคัญด้วยตัวเอง
คำถามคือทำไมต้องฝากบอก? ทำไมไม่พูดเอง?
และทำไมเราในฐานะผู้นำองค์กรถึงไม่ต่อต่อต้านวัฒนธรรมการฝากบอกและส่งเสริมพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและรับผิดชอบจากทุกคน?