Benefit I Need
ถ้าผมจะมองหาสิทธิประโยชน์จากบริษัทที่ผมอยากจะร่วมงานด้วย
การทำงานนอกสถานที่
ผมแค่คิดว่าเราอยู่ในโลกที่ไร้พรมแดนอย่างแท้จริงแล้ว เหตุผลที่ต้องเข้ามาทำงานแบบเห็นหน้ากันที่สำนักงานทุกวันไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไป ที่พูดแบบนี้อาจจะเพราะผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบติดตามความขยันแบบซึ่งหน้า และผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการวัดผลการทำงานด้วยจำนวนชั่วโมง
การทำงานนอกสถานที่ ที่บ้าน ร้านกาแฟ ห้องสมุด บนเครื่องบิน … มันคือข้อได้เปรียบ มันคือสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสมาธิ และสมาธิก็เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการทำงานทุกวันนี้ … ครั้งสุดท้ายที่เรามีเวลาได้ทำงานอย่างจริงจังและลึกซึ้งโดยไม่มีใครมารบกวนที่สำนักงานนั้นคือเมื่อไร?
เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น
ทำไมต้อง 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ทำไมต้องพักกินข้าวตอนเที่ยง ทำไมต้องเริ่มงานอีกครั้งตอนบ่ายโมง? ถ้าผมเป็นคนตื่นเช้า ถ้าผมเป็นคนชอบทำงานตอนเช้า ถ้าประสิทธิภาพของผมพุ่งถึงจุดสูงสุดในช่วง 7 โมงถึง 11 โมง … ทำไมผมต้องรอถึง 9 โมงหละ?
ถ้าอยากได้งาน 8 ชั่วโมงต่อวัน ผมขอเลือกเป็น 7 โมงถึง 11 โมงและเที่ยงถึง 4 โมงเย็นได้มั้ย?
กลับกันถ้าเพื่อนผมอีกคนชอบทำงานช่วงบ่ายจนถึงดึกๆ สมองเค้าแล่นฉิวตอนนั้น สภาพร่างกายและจิตใจเค้าพร้อมจะลุยงานตอนนั้น … ทำไมต้องไปบังคับให้เค้าตื่นนอนแต่เช้าเพื่อรีบมาเริ่มงานตอน 9 โมง?
แล้วถ้าเพื่อนอีกคนมีธุระต้องไปจัดการช่วงบ่ายวันนี้แต่เค้ารู้ดีว่าเค้าจะทำงานที่ค้างอยู่ชดเชยให้ช่วงเช้าวันอาทิตย์ … ได้มั้ย?
การกำหนดเวลาทำงานแบบยืดหยุ่นไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่จริงแล้วมันเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทุกคนในทีม และผมเชื่อว่ามันหมดยุค 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นไปนานแล้วครับ
พื้นที่ส่วนตัวในสำนักงาน
ผมไม่ชอบสำนักงานแบบเปิด ผมเชื่อว่ามันส่งผลเสียมากกว่าผลดี … หลายคนคิดว่าการมีสำนักงานแบบเปิดจะช่วยส่งเสริมการทำงานแบบเป็นทีม เป็นตัวช่วยในการสร้างการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจจะใช่แต่ผมเชื่อว่าประโยชน์ที่ได้รับนั้นเทียบไม่ได้กับความเสียหายที่เกิดจากการมีสิ่งรบกวนที่มากเกินไป
เสียงพูดคุย การถูกขัดจังหวะ สิ่งที่เคลื่อนไหวผ่านสายตาตลอดเวลา … มันเป็นการถูกรบกวนอย่างไม่เต็มใจ เราไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้เลย และนั่นแหละคือข้อเสียของสำนักงานแบบเปิด การสร้างสมาธิเป็นเรื่องยาก และเมื่อไม่มีสมาธิ ประสิทธิภาพในการทำงานของเราจะลดลงอย่างช่วยไม่ได้
แม้แต่ตอนนี้เอง … ถ้าวันไหนผมต้องการสมาธิมากๆเพื่อทำงานยากและซับซ้อนที่ต้องใช้ความคิดเยอะๆให้เสร็จ ผมจะบอกกับเพื่อนร่วมทีมทันทีว่า “วันนี้ทำงานจากบ้านนะ”
สำนักงานที่เอื้ออำนวนต่อทั้งการทำงานแบบคนเดียวและการทำงานแบบกลุ่มคือสิ่งที่ผมมองหา … โต๊ะทำงานที่ไม่ต้องติดกัน ห้องสมุดที่ต้องการความเงียบ และแน่นอนการอนุญาตให้ทำงานนอกสถานที่ได้
งบประมาณในการพัฒนาตัวเอง
ผมเชื่อว่าเราทุกคนพร้อมจะพัฒนาตัวเองด้วยกันทั้งนั้น คำว่า “พัฒนา” นั้นสำคัญ แต่ผมรู้สึกว่าคำว่า “ตัวเอง” ก็สำคัญไม่แพ้กัน
ตัวเอง … ในความหมายที่ผมมีสิทธิเลือกสิ่งที่ผมอยากเรียนรู้ อยากอ่าน อยากทดลอง อยากศึกษา อยากเข้าอบรม ผมอยากได้รับความไว้วางใจให้เลือกในสิ่งที่ผมอยากเลือก ไม่ใช่ถูกบังคับให้ต้องศึกษาเรื่องนั้นหรือเข้าอบรมหัวข้อนี้
ผมอยากได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณตรงนี้ ได้มั้ย? ถ้าผมเป็นโปรแกรมเมอร์ที่อยากเรียนรู้อย่างจริงจังเรื่องการตลาด ได้มั้ย? ถ้าเพื่อนผมเป็นโปรเจกต์ เมเนเจอร์ที่อยากเก่งเรื่องการออกแบบโปรดักท์ เค้าจะได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาตัวเองไปในทิศทางนั้นมากแค่ไหน?
ความโปร่งใส
ผมสงสัยมานานแล้วว่าทำไมเงินเดือนและผลตอบแทนถึงต้องถูกเก็บเป็นความลับ? ทำไม? มันมีอะไรเป็นเรื่องลึกลับและหาคำอธิบายไม่ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์และความยุติธรรมงั้นหรือ?
ทำไมถึงเปิดเผยไม่ได้? จะมีใครอิจฉาใคร? จะมีคนเก็บไปคิดเล็กคิดน้อย? จะมีคนหมดใจในการทำงาน?
ผมว่าสาเหตุมันเกิดจากความไม่โปร่งใสนั่นแหละ ยิ่งตอบคำถามไม่ได้เราก็ยิ่งต้องปิดบัง เมื่อปิดบังก็ยิ่งมีคนอยากรู้ และเมื่อมีคนสืบจนรู้ … ความไม่พอใจจึงเกิดขึ้น
มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเปิดเผยทุกอย่างให้ทุกคนรับรู้? จริงๆแล้วมันน่ากลัวนะเพราะมันกลายเป็นข้อบังคับให้เราทำอะไรอย่างโปร่งใส มีกระบวนการ มีมาตรฐาน อย่างยุติธรรม ทำไมคนนี้ถึงได้เงินเดือนเท่านั้น ทำไมคนนั้นถึงได้โบนัสเท่านี้ …
แต่จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ? ความโปร่งใสที่นำมาซึ่งความเป็นระเบียบและยุติธรรม
เงินเดือน โบนัส กำไร ขาดทุน เงินสดในมือ จำนวนลูกค้า … มันเปิดเผยได้ทั้งนั้นถ้าเรื่องเลือกจะทำ … และผมอยากทำงานกับบริษัทที่เลือกความโปร่งใสมาก่อนการสร้างและปิดบังความลับ
ห้าสิทธิประโยชน์ที่ผมมองหาครับ … ถ้าได้แค่สามจากห้าข้อนี้ ผมพร้อมจะยอมสละสิทธิที่มีในแมคบุ๊คเครื่องใหม่ โต๊ะปิงปองที่ลานสันทนาการ ห้องเล่นเกมส์และซ้อมดนตรี อาหารเช้ากลางวันขนมและเบียร์ฟรี ปาร์ตี้ประจำปี และกิจกรรมนอกสถานที่แบบไม่ต้องคิดเลย
คิดและเขียนคือสิ่งที่ผมชอบ แบ่งปันคือสิ่งที่ผมรัก เพราะแบบนี้ทุกวันผมเขียนเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวจากชีวิตจริง จากประสบการณ์ จากแนวคิด จากอนาคตที่ดีผมมองเห็น และทุกอย่างที่ผมประยุกต์ใช้เพื่อสร้างให้อินเท็นติกเป็นบ้านที่น่าอยู่ บ้านที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่สร้างความแตกต่างในสังคมได้ — มันน่าภูมิใจที่ผมรู้ว่า … ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวที่อยากเห็นการพัฒนา :)
Inthentic On Facebook | Inthentic On Twitter | Inthentic On Instagram