รีวิวหนังสือหุ้น สาย Hybrid EP.2

Tom Jakkarin
investic
Published in
3 min readMay 24, 2022

ต่อเนื่องมาจากบทความที่แล้ว (รีวิวหนังสือหุ้นสาย Hybrid EP.1) สำหรับคนที่อ่านหนังสือ Trade Like a Stock Market Wizard จบแล้วหรือกำลังอ่านอยู่ก็ตาม คิดว่าหลายๆคนคงจะได้รู้ถึงแนวคิด เทคนิค และแผนการเทรดของ Mark Minervini กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เนื่องจากหนังสือหนึ่งเล่มมีพื้นที่จำกัด จึงไม่สามารถใส่ทุกอย่าง ทุกรายละเอียดลงในหนังสือเล่มเดียวได้ หนังสือเล่มนี้ (Think & Trade Like a Champion) จึงถูกเขียนมาเพื่อเติมเต็ม ลงลึกรายละเอียดที่ไม่สามารถกล่าวไว้ได้ทั้งหมดในหนังสือเล่มแรกให้ทุกคนได้อ่านกัน !

ไม่ว่าคุณจะเทรดด้วยหลักการใดอยู่ก็ตาม หนังสือเล่มนี้จะทำลายอีโก้ กระชากความคิด ท้าทายความเชื่อ และเปิดมุมมองใหม่ๆที่คุณไม่เคยตระหนักถึงมาก่อน

คุณพร้อมหรือยังที่จะเปิดมุมมองใหม่ๆ ด้วยการเปิดหน้าแรกของหนังสือเล่มนี้และบรรจงอ่านไปจนถึงหน้าสุดท้าย เพื่อคิดและเทรดให้ได้อย่างแชมป์เปี้ยน !

หนังสือที่เราจะมารีวิวกันในบทความนี้มีชื่อว่า…

Think Trade Like a Champion by Mark Minervini

Think Trade Like a Champion

หนังสือเล่มนี้มีความหนาทั้งหมด 300 หน้า 11 บท (ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป) เนื้อหาข้างในมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยดีกว่าครับ

บทนำ: ก้าวแรกสู่การคิดและเทรดอย่างแชมป์เปี้ยน
1. เดินหน้าพร้อมแผนการอยู่เสมอ
2. คิดถึงความเสี่ยงก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง
3. อย่าเสี่ยงเกินกว่ากำไรที่คุณคาดหวัง
4. รู้ข้อเท็จจริงในการเทรดของคุณ
5. ทบต้นกำไร ไม่ใช่ทบต้นข้อผิดพลาด
6. วิธีการและจังหวะในการซื้อหุ้น ตอนที่ 1
7. วิธีการและจังหวะในการซื้อหุ้น ตอนที่ 2
8. ขนาดการเทรดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
9. จังหวะขายหุ้นและเก็บกำไรของคุณ
10. กุญแจ 8 ข้อเพื่อปลดล็อคผลตอบแทนระดับสุดยอด
11. ความคิดของเทรดเดอร์ระดับแชมป์เปี้ยน
เกี่ยวกับผู้เขียน
คำขอบคุณ

ถ้าจะให้รีวิวเนื้อหากันทุกบทเลยนั้น คาดว่าจากบทความอาจจะกลายเป็นเรียงความไปก่อนได้… ดังนั้น ผมจะพาทุกคนไปชมเนื้อหาที่น่าสนใจแบบคร่าวๆ กันครับ

“คุณอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์ 30 ปีเหมือนอย่างผม แต่คุณก็มีบางสิ่งที่จะช่วยลดระยะเวลาที่คุณต้องใช้ในการเรียนรู้ลงได้มากเช่นกัน นั่นคือโอกาสที่จะนำความรู้ของผมไปเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางการเทรดของคุณ ซึ่งหมายความว่า คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผมทำได้อีกด้วย…” Mark Minervini

บทที่ 3 อย่าเสี่ยงเกินกว่ากำไรที่คุณคาดหวัง

ในบทนี้จะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของค่า Reward/Risk Ratio, Batting Average (ความแม่นยำเฉลี่ย), Average Gain, Average Loss และ Expectancy อย่างละเอียดว่า ค่าสถิติทั้งหมดนี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างไรและสำคัญมากแค่ไหนในการสร้างระบบเทรดของคุณ

โดยที่ Mark Minervini ได้อธิบายให้เราเห็นภาพกันง่ายๆ ที่ความแม่นยำเฉลี่ย 40% การเทรดโดยได้กำไรเฉลี่ย 4% ต่อครั้ง จะทำเงินให้คุณได้มากกว่า การได้กำไรเฉลี่ย 42% หากสมมติว่าคุณมี Reward/Risk Ratio ที่ 2:1 ทุกครั้ง (จำนวนเทรด 10 ครั้งขึ้นไป)

เรื่องนี้อาจฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อเถอะครับ มันคือเรื่องจริง ! ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ ?

เป็นเพราะว่ายิ่งคุณปล่อยให้ผลขาดทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะยิ่งส่งผลเชิงลบกับคุณมากขึ้นเรื่อยๆ แบบทวีคูณ เมื่อคุณเข้าใจประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ คุณก็จะได้เรียนรู้ความลับขั้นสุดยอดอย่างหนึ่งของการเทรดให้ได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ ลองมาคำนวณกันดู !

  • ความแม่นยำเฉลี่ย 40%
  • กำไรเฉลี่ยครั้งละ 4%
  • ขาดทุนเฉลี่ยครั้งละ 2%
  • Reward/Risk Ratio = 2:1

เมื่อคุณเทรดไป 10 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้คือกำไรสุทธิ 3.63%

  • ความแม่นยำเฉลี่ย 40%
  • กำไรเฉลี่ยครั้งละ 42%
  • ขาดทุนเฉลี่ยครั้งละ 21%
  • Reward/Risk Ratio = 2:1

เมื่อคุณเทรดไป 10 ครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้คือขาดทุนสุทธิ (-1.16%)

สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการค้นหาอัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น ถ้าค่านี้ต่ำลงคุณจะทำเงินได้น้อยลง หรือถ้าค่านี้สูงขึ้นคุณก็จะทำเงินได้มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ในบทนี้ยังกล่าวถึงเทคนิคการบริหาร Risk/Reward Ratio, การตั้งจุด stop loss หลายราคา (กระจายจุดตัดขาดทุน), ที่มาและความสำคัญของ Expectancy,
การเพิ่มสัดส่วนหุ้นโดยไม่เพิ่มความเสี่ยง ซึ่งผมคิดว่ามีประโยชน์และสามารถใช้ในการเทรดจริงได้แน่นอนครับ

บทที่ 3 อย่าเสี่ยงเกินกว่ากำไรที่คุณคาดหวัง

ผลตอบแทนของผมเปลี่ยนจากระดับธรรมดามาเป็นระดับสูงได้เมื่อผมตัดสินใจว่า ผมจะต้องทำให้ทุกการเทรดมี Reward/Risk Ratio ที่ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

บทที่ 4 รู้ข้อเท็จจริงในการเทรดของคุณ

ต่อเนื่องจากบทที่แล้ว หลังจากที่คุณรู้ความสำคัญของค่าสถิติต่างๆในการเทรดแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปคือ จดบันทึกการเทรดของคุณเอง (Trading Journal) !

ที่งานสัมมนา Master Trader Program ของ Mark Minervini ในทุกๆปี เขาจะถามคำถามแล้วให้ผู้ร่วมงานยกมือตอบทุกครั้งว่า มีกี่คนที่รู้ตัวเลขผลกำไรเฉลี่ย (Average Gain), ผลขาดทุนเฉลี่ย (Average Loss) และเปอร์เซ็นต์การเทรดที่ชนะของพวกเขา (% of winning trades) โดยทุกงานสัมมนาที่เขาจัดมาหลายปี เขาเห็นคนยกมือเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับความจริงที่น่าเศร้าคือ มีเทรดเดอร์น้อยคนมากที่รู้ข้อเท็จจริงในการเทรดของพวกเขาเอง…

ความจริงแล้ว สาเหตุที่การประเมินผลการเทรดของตัวเองไม่เป็นที่นิยมก็เพราะว่า คนส่วนใหญ่ไม่ชอบเห็นหรือไม่อยากวิเคราะห์การเทรดแย่ๆของตัวเอง ซึ่งนี่คือความขี้เกียจและความผิดพลาดข้อใหญ่ เพราะสิ่งแรกที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้คือ การมองให้เห็นปัญหาที่แท้จริงของคุณ ข้อมูลที่มีค่าและสำคัญมากที่สุดในการเทรดของคุณก็คือ ผลการเทรดของคุณเองนั่นแหละ !

บทที่ 4 รู้ข้อเท็จจริงในการเทรดของคุณ

มันไม่สำคัญเลยถ้ากลยุทธ์ของคุณสามารถเก็บเกี่ยวผลตอบแทนได้ถึง 100% แต่ในความเป็นจริงคุณกลับขายทำกำไรตั้งแต่ตอนที่หุ้นขึ้นไปแค่ 10% สิ่งเดียวที่สำคัญคือตัวเลขบรรทัดสุดท้าย ซึ่งก็คือผลลัพธ์หรือผลการเทรดที่เกิดขึ้นจริงของคุณ

บทที่ 9 จังหวะขายหุ้นและเก็บกำไรของคุณ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเนื้อหาบทนี้เป็นส่วนที่ผู้อ่านรอคอยอย่างกระตือรือร้นมากที่สุดในหนังสือเล่มนี้ นั่นคือหัวข้อ “จะขายหุ้นตอนไหนและขายอย่างไร” ซึ่งเนื้อหานี้ในหนังสือเล่มที่แล้ว (Trade Like a Stock Market Wizard) ได้อธิบายเรื่องนี้แบบสรุปคร่าวๆไว้ เนื่องจากมีเนื้อที่จำกัด แต่ในเล่มนี้ จะอธิบายแบบละเอียดยิบไปเลยครับ

ในเบื้องต้นจะมีสองทางเลือกในการขายหุ้น ทางเลือกแรกคือ การขายช่วงที่ราคาหุ้นยังแข็งแกร่งอยู่ (selling into strength) เช่น การขายเมื่อ P/E ขยายตัว, การขายเมื่อหุ้นทำ climax top หรือการพุ่งขึ้นไปจบรอบ ส่วนทางเลือกที่สองคือ การขายเมื่อราคาหุ้นเริ่มอ่อนแอ (selling into weakness) เช่น การจับตาดูการกลับตัว (Reversal) ที่มาพร้อมกับ Volume จำนวนมาก, เทคนิคการใช้ trailing stop, การขายครึ่งหนึ่งเมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นไป 2R และเลื่อนจุด stop loss มาเท่าทุน จากนั้นปล่อยให้กำไรรันเทรนด์ไป ซึ่งผมคิดว่าเป็นเทคนิคที่ดีมากๆและสามารถนำไปใช้งานจริงได้ด้วยครับ

มีบางอย่างที่คุณควรจะรู้ไว้คือ คุณไม่มีวันที่จะซื้อหุ้นที่ราคาต่ำสุดหรือขายหุ้นที่ราคาสูงสุดได้ตลอดในช่วงชีวิตการเทรดของคุณ เป้าหมายหรือสิ่งสำคัญที่คุณควรจะโฟกัสคือ การทำกำไรตอนที่ชนะให้มากกว่าผลขาดทุนตอนที่แพ้ และทำการขายหุ้นเพื่อเก็บกำไรก้อนโตเมื่อคุณได้มันมา

บทที่ 9 จังหวะขายหุ้นและเก็บกำไรของคุณ

การมีกฎหรือสัญญาณขายที่ชัดเจน จะทำให้คุณตัดสินใจเทรดโดยอ้างอิงจากหลักการและเหตุผลที่ดี แทนที่คุณจะเทรดไปตามอารมณ์ ความรู้สึกโดยเฉพาะความกลัวและความเสียดาย

และยังมีเนื้อหาระดับคุณภาพอีกมากมายที่ผมไม่ได้มารีวิวให้ในวันนี้ โดยเฉพาะบทที่ 10: กุญแจ 8 ข้อเพื่อปลดล็อคผลตอบแทนระดับสุดยอด โดยจะแบ่งเป็น 2 หัวข้อคือ 1. กุญแจ 4 ข้อ เพื่อสร้างผลตอบแทนก้อนโต
2. กุญแจ 4 ข้อเพื่อจำกัดการขาดทุน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นบทที่ผมชื่นชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้และอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสอ่านกันด้วยตัวเองจริงๆครับ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น”ครับผม

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะได้อะไร

  1. ได้คำตอบของคำถามต่างๆ ที่หลายคนมองว่ายากและสับสนที่สุด เช่น เมื่อไหร่ที่เราควรถือหุ้นที่มีกำไรในระยะสั้นเอาไว้ต่อไปเพื่อหวังกำไรก้อนโตในระยะยาว, เวลาไหนที่เราควรรีบตัดขาดทุนถึงแม้หุ้นจะยังลงมาไม่ถึงจุดตัดขาดทุนที่ตั้งไว้, วิธีกำหนดขนาดการเทรด เป็นต้น
  2. ได้เรียนรู้ว่าสิ่งไหนที่คุณควรทำและสิ่งไหนที่คุณควรหลีกเลี่ยงในการเทรด โดยกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ในการเทรดกว่า 33 ปีของ Mark Minervini ที่ทำให้เขาเป็นผู้ชนะการแข่งขัน U.S. Investing Champion

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร

  1. เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคน ไม่ว่าคุณจะเทรดแบบไหนอยู่ก็ตาม หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้คุณเทรดหุ้นเป็น แต่คือหนังสือที่สอนคุณ เพื่อให้เป็นเทรดเดอร์ระดับแชมป์เปี้ยน !
  2. เหมาะกับคนที่อยากรู้เนื้อหาที่ลึกขึ้น เทคนิคที่ละเอียดขึ้น ที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว (Trade Like a Stock Market Wizard) และเครื่องมือสำคัญต่างๆ ที่จำเป็นต่อการนำคุณไปสู่ความสำเร็จในการเทรดได้

หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับใคร

  1. ไม่เหมาะกับมือใหม่มากๆที่เพิ่งเข้ามาเทรดในตลาดหุ้น หรือคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานด้าน Fundamental, Technical เลย เพราะอาจทำให้คุณไม่เข้าใจเนื้อหาในบางส่วนได้ หรืออย่างน้อยคุณควรอ่านหนังสือเล่มที่แล้ว (Trade Like a Stock Market Wizard) ให้เข้าใจเสียก่อน
  2. ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน

สามารถซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือจาก www.investing.in.th

“การลงทุนในความรู้ คือการลงทุนที่ดีที่สุด”

Investic

--

--