แนะนำหนังสือที่เทรดเดอร์ทุกคนควรอ่าน
“ระบบเทรดนี้ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 30% ติดต่อกัน 20 ปี”
“ระบบเทรดนี้มีความแม่นยำ 80% และผ่านการทดสอบมาอย่างดี”
คำพูดเหล่านี้ หลายคนอาจเคยเห็นกันผ่านโฆษณาเกี่ยวกับการลงทุน คำพูดชวนเชื่อต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนชวนฝันได้ว่า ระบบเทรดขั้นเทพมีอยู่จริง แต่รู้หรือไม่ว่า
ต่อให้ระบบเทรดที่แม่นยำถึง 80% หรือมีการทดสอบในอดีตมาดีแค่ไหน ก็พานักลงทุนแพ้ยับจนถึงขั้นหมดตูดได้ !
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ ?
เพราะระบบเทรดมันไม่ได้มีเพียงแค่สัญญาณซื้อขาย แต่มันยังประกอบไปด้วยเรื่องสำคัญอีกมากที่เราไม่ได้นึกถึงกัน ทั้งการออกแบบเป้าหมายให้เหมาะสมกับตัวเอง บริบทในชีวิตเลือกสไตล์การเทรดที่ใช่ เช่น ระบบเทรดที่ดีสำหรับนาย A อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับนาย B หรือคนอื่นๆเสมอไปก็ได้ และเรื่องสำคัญที่สุดอย่างขนาดการเทรด (Position Sizing) ระบบที่ใช้การโยนเหรียญมั่วๆ อาจสามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องได้ด้วยซ้ำ ถ้าออกแบบปัจจัยเหล่านี้ให้ดีพอ
นี่คือ สิ่งที่หนังสือ “ความลับระบบเทรด (TRADE YOUR WAY TO FINANCIAL FREEDOM)” จะมาเบิกเนตรให้กับทุกคนได้รับรู้
หนังสือที่เราจะมารีวิวกันในบทความนี้มีชื่อว่า…
Trade Your Way to Financial Freedom
ผู้เขียน: Van K. Tharp
ผู้แปล: ลภัสรดา เพ็ญสุข CFTe (แอดมินสาวสวยของเพจ วัคซีนหุ้น ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี)
หนังสือเล่มนี้มีความหนาทั้งหมด 624 หน้า 15 บท (อ่านกันจนตาแฉะเลยทีเดียว) เนื้อหาข้างในมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่าครับ
1. ตำนานแห่งจอกศักดิ์สิทธิ์
2. อคติที่มีผลต่อการตัดสินใจ (Judgmental Biases)
3. ตั้งเป้าหมายของคุณ
4. ขั้นตอนในการพัฒนาระบบ
5. เลือกใช้หลักการที่มีประสิทธิภาพ
6. กลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับภาพใหญ่
7. กุญแจ 6 ดอกที่จะนำไปสู่ระบบเทรดชั้นยอด
8. ใช้หน้าเทรดที่จะทำให้ระบบเทรดของคุณก้าวกระโดด
9. การเข้าซื้อหรือการจับจังหวะตลาด
10. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอย: วิธีการป้องกันเงินทุนของคุณ
11. การขายทำกำไร
12. มีเงินให้สำหรับทุกคน
13. ประเมินระบบของคุณ
14. ขนาดการเทรด-กุญแจที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายในการเทรด
15. บทสรุป
รายชื่อหนังสือแนะนำ
เกี่ยวกับผู้เขียน
เราจะพาทุกคนไปชมตัวอย่างเนื้อหาที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้กันครับ
“คุณไม่ได้เทรดหรือลงทุนกับตลาด แต่คุณเทรดหรือลงทุนตามความเชื่อของคุณเกี่ยวกับตลาดเท่านั้น”
Van K. Tharp
บทที่ 4 ขั้นตอนในการพัฒนาระบบ
เนื้อหาในบทนี้จะนำเสนอขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบที่เหมาะกับคุณ มันจะบอกเล่าถึงสิ่งที่ผู้เขียนได้จากการศึกษาเทรดเดอร์และนักลงทุนที่เก่งที่สุดในโลก ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร โดยจะมีขั้นตอนทั้งหมด 14 ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งผมจะยกตัวอย่างบางขั้นตอนที่น่าสนใจให้ทุกคนได้อ่านกันดูครับ
สะสมเสบียง
ขั้นตอนสำคัญประการแรกคือ การค้นหาจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาด คุณจะต้องพัฒนาระบบที่เหมาะกับตัวเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาเสบียงของตัวเองอย่างรอบคอบ เสบียงในที่นี้คือ ทักษะ อารมณ์ เวลา ทรัพยากร จุดแข็ง และจุดอ่อนของคุณ หากไม่มีการจัดเตรียมเสบียงต่างๆแล้ว คุณจะไม่สามารถพัฒนาวิธีการที่เหมาะสมกับตัวเองได้เลย
กำหนดไทม์เฟรมสำหรับการเทรด
คุณจะต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการใช้ไทม์เฟรมไหนในการเทรด ? คุณต้องการที่จะเป็นเทรดเดอร์ในหุ้นที่ถือสถานะเป็นเวลา 1 ปีหรือนานกว่านั้นหรือไม่ ? หรือว่าคุณต้องการจะเป็นเทรดเดอร์ที่มีส่วนร่วมอยู่ในตลาดตลอดเวลา (เดย์เทรด) ?
โดยเนื้อหาในส่วนนี้จะกล่าวถึงข้อดี-ข้อเสียของการเทรดทั้งแบบระยะยาวและระยะสั้นแบบละเอียดยิบให้ผู้อ่านได้ตระหนักกันครับ
ใช้ขนาดการเทรดเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของคุณ
การกำหนดขนาดการเทรดถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดไม่ว่าจะในระบบไหน เนื่องจากขนาดการเทรดจะเป็นตัวกำหนดว่า คุณจะบรรลุถึงเป้าหมายหรือจะพอร์ตแตก ขนาดการเทรดจะเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่จะช่วยให้คุณบรรลุถึงเป้าหมายของคุณได้
มีแผนการทางจิตใจเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
คุณต้องคิดว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้สำหรับระบบของคุณคืออะไร และจัดการกับมันอย่างไร ? กำหนดทุกสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอันตรายสำหรับระบบของคุณ วางแผนตอบสนองในใจและฝึกซ้อมมันเข้าไว้ เมื่อได้สิ่งที่ควรทำเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นเรียบร้อยแล้ว ระบบของคุณก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
สำหรับใครที่อยากรู้ขั้นตอนในการพัฒนาระบบเทรดที่เหลืออย่างละเอียด ผมขอแนะนำว่า อย่าได้ลังเลที่จะไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ
บทที่ 8 ใช้หน้าเทรดที่จะทำให้ระบบของคุณก้าวกระโดด
ใครที่อ่านมาถึงบทนี้แล้ว ผมขออนุญาตบอกก่อนเลยว่า บทนี้อาจจะขัดแย้งกับความเชื่อของคุณที่มีมาตั้งแต่เริ่มอาชีพเทรดเดอร์เลยก็ว่าได้…
“สิ่งสำคัญที่คุณควรจะได้เรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้ก็คือ หน้าเทรดนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบแค่ 10 เปอร์เซ็นต์หรือน้อยกว่านั้นในระบบของคุณ คนส่วนมากมักจะเน้นไปที่การหาหน้าเทรดที่สมบูรณ์แบบ แต่แท้จริงแล้วหน้าเทรดเป็นแค่หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญน้อยที่สุดของระบบ”
โดยในบทนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนทั้ง 5 ในการพิจารณาจุดเข้าซื้อ ได้แก่
1. เงื่อนไขที่เหมาะสมกับระบบของคุณ
2. การเลือกตลาด
3. ทิศทางของตลาด
4. เงื่อนไขของหน้าเทรด
5. การจับจังหวะตลาด (Market Timing)
นอกจากนี้ยังเล่าถึงหน้าเทรดแบบต่างๆที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนระดับโลกใช้กัน เช่น หน้าเทรดที่ใช้ในการสะกดรอยตามตลาด โดยจะมีแพทเทิร์นในการเข้าเทรดอยู่ 3 แพทเทิร์นด้วยกัน คือ
หน้าเทรดการทดสอบที่ล้มเหลว (“Failed-Test” Setup)
หน้าเทรดด้วยจุดกลับตัวแบบไคลแมกซ์ (Climax Reversal)
หน้าเทรดการย่อตัวของราคา (Retracement Setup)
และยังได้มีการอธิบายถึง 2 หน้าเทรดที่โด่งดังมากๆ และคาดว่าทุกคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน นั่นคือ
หน้าเทรดตามเทรนด์ CANSLIM ของ William O’Neil
และโมเดลการลงทุนเน้นคุณค่าของ Warren Buffet
ซึ่ง 2 ระบบนี้มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่เมื่อทำการเปรียบเทียบหน้าเทรดในระบบทั้งคู่แล้ว ผมคิดว่าคุณจะเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดสร้างวิธีการของตัวเองได้แน่นอนครับ
ถ้าใครอยากรู้ว่า ทำไมหน้าเทรดมีความสำคัญน้อย ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วอะไรคือสิ่งที่สำคัญกว่า ?
ห้ามพลาดบทนี้เลยครับ !
บทที่ 14 ขนาดการเทรด-กุญแจที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายในการเทรด
ส่วนที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาระบบนอกเหนือจากเรื่องของจิตวิทยาก็คือ หัวข้อเรื่องควรจะลงทุนเท่าไหร่ในแต่ละสถานะ โดยเนื้อหาในบทนี้ คุณจะได้เรียนรู้กลยุทธ์การกำหนดขนาดการเทรดที่เหมาะสมต่างๆและมีประสิทธิภาพ บางกลยุทธ์อาจจะเหมาะกับสไตล์ในการเทรดของคุณเป็นพิเศษ บางกลยุทธ์มีประสิทธิภาพมากกว่าถ้าใช้กับตลาดหุ้น ในขณะที่บางกลยุทธ์ก็เหมาะกับตลาดฟิวเจอร์มากกว่า
โดยบทนี้จะกล่าวถึงโมเดลขนาดการเทรดทั้ง 4 โมเดล ได้แก่
1. หนี่งหน่วยต่อจำนวนคงที่
2. หนึ่งหน่วยที่มีมูลค่าเท่ากัน
3. ความเสี่ยงแบบเป็นเปอร์เซ็นต์
4. ความผันผวนแบบเป็นเปอร์เซ็นต์
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ anti-martingale ที่จะอ้างอิงตามเงินทุนที่มี เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคนที่ทำงานให้กับธนาคารและบริษัทต่างๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะต้องขาดทุนไปเท่าไหร่ก่อนที่งานของพวกเขาจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย…
ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะอธิบายละเอียดยิบถึงวิธีการคำนวณ การนำไปใช้ ข้อดี ข้อเสียของแต่ละโมเดลด้วยกัน สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้ขนาดการเทรด (Position sizing) แบบไหนดี หรืออยากศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งถึงที่มาที่ไป ควรอ่านบทนี้เป็นอย่างยิ่งครับ
“ในความคิดของผม ส่วนที่สำคัญที่สุดของการออกแบบระบบเทรดคือ ส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องของการกำหนดว่า จะลงทุนเท่าไหร่ในแต่ละสถานะ”
ผมขออนุญาตแนะนำเลยว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ควรอ่านซ้ำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับจิตวิทยาและความเชื่อเป็นส่วนใหญ่ คนส่วนมากจึงมักจะกรองในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเชื่อของตัวเองออก ทำให้มองข้ามรายละเอียดบางอย่างไป หากคุณอ่านหนังสือเล่มนี้หลายๆรอบ จะทำให้คุณสามารถนำข้อมูลต่างๆไปปรับใช้กับระบบเทรดของคุณได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว…
อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะได้อะไร
- ได้เรียนรู้ถึงวิธีพัฒนาระบบการเทรดที่เหมาะกับความเชื่อของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณค้นพบระบบเทรดที่ใช่สำหรับตัวคุณเอง
- ได้ตระหนักถึงองค์ประกอบทั้งหมดในระบบเทรด ว่าเราควรโฟกัสกับสิ่งไหนมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้คุณลดระยะเวลาในการลองผิดลองถูกได้มากทีเดียว
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
- เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคน ไม่ว่าคุณจะมือใหม่ มือเก๋า สาย VI, สายเทคนิค, สาย Hybrid, etc. อ่านกันได้ทุกคนจริงๆครับ ผมมั่นใจเลยว่าถ้าคุณอ่านจบแล้ว คุณจะได้ไอเดียใหม่ๆ เคล็ดลับใหม่ๆ ไปใช้พัฒนาหรือปรับปรุงระบบเทรดของคุณได้แน่นอน
- เหมาะกับคนที่กำลังคิดจะสร้างระบบเทรดของตัวเอง หรือสร้างมาสักพักแล้ว แต่ยังหลงทาง จับต้นชนปลายไม่ถูกสักที หนังสือเล่มนี้จะเปรียบเสมือนเข็มทิศที่คอยนำทางคุณให้ไปสู่จุดหมายปลายทางได้ครับ
หนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะกับใคร
- ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไม่เปิดใจ หรือไม่พร้อมรับฟังมุมมอง ทัศนคติ หรือความเชื่ออื่นๆ ดังที่ผมกล่าวไปในข้างต้นว่า เนื้อหาหลายอย่างในหนังสือเล่มนี้จะขัดกับความเชื่อดั้งเดิมของคุณอย่างมาก แต่ทุกเนื้อหาจะมีทฤษฎีหรือข้อมูลรองรับหมด
ถ้าคุณไม่พร้อมเปิดใจ ก็อาจทำให้หนังสือดีๆเล่มหนึ่งกลายเป็นกระดาษเปล่าได้ - ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการรวยเร็ว รวยข้ามคืน หรือรวยทางลัด
“คุณจะสร้างระบบเทรดที่เหมาะสมกับตัวเองขึ้นไม่ได้เลย จนกว่าคุณจะรู้จักตัวเองดีพอ” Van K. Tharp
สามารถซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือจาก www.investing.in.th
“การลงทุนในความรู้ คือการลงทุนที่ดีที่สุด”
Investic