4 เหตุผลที่เลือกใช้ iPhone ในการฟังเพลง
“Music make the people come together” - Music by Madonna
ท่อน hook ในเพลง Music ของ Madonna ที่กล่าวถึง “เพลง” และเราก็ต้องยอมรับว่า เพลง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ ผมเริ่มชอบฟังเพลงตั้งแต่สมัยที่เป็นเทปคาสเซท ต้องใช้เครื่องเล่นเทปที่มีขนาดใหญ่มาก เสียงก็… ตามประสา จนมาถึงยุคของเครื่องฟังเพลงพกพา ตอนนั้นคงหนีไม่พ้น Walkman ของ SONY เลยมาถึงยุคแผ่น CD และในที่สุดก็ MP3 ในปัจจุบัน เมื่อสื่อในการบันทึกเปลี่ยนไป อุปกรณ์ฟังเพลงก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย
พูดถึงเครื่องฟังเพลง MP3 ผมยกให้ iPod คือสุดยอดแห่ง MP3 Player เลยครับ ไม่ว่าจะดีไซน์, คุณภาพเสียง, ความง่ายในการใช้งาน และ การที่มันสามารถ Sync กับ iTunes ได้อย่างดีเยี่ยม ผมเริ่มใช้ iPod ตัวแรกในชีวิตก็คือ iPod nano ประทับใจมาก ใช้จนพังคามือ (ใช้ตั้งแต่เรียนปี 1 จนออกมาทำงาน รวมเป็นระยะเวลา 5 ปี) หลังจาก “ติด” iPod ทำให้ผมไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้ฟังเพลงจากอุปกรณ์พกพาอย่างอื่นได้เลย ลองๆ ของเพื่อนหลายยี่ห้อ ก็ไม่โดนใจ
หลังจากที่ iPod nano พังคามือไปแล้ว ก็ไม่ได้ใช้อีกเลย เพราะ “มือถือ” ได้เข้ามาทำหน้าที่แทน ใช้มาหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Nokia, BlackBerry, Samsung และ iPhone บอกตามตรงนะครับ ถ้าจะฟังเพลงแบบที่ใช้แทน iPod ได้ ต้อง iPhone เท่านั้นครับ เพราะอะไร? ผมมีเหตุผลอยู่ 4 ข้อ ดังนี้ครับ
1. เพราะมันใช้แทน iPod ได้เกือบ 100%
แน่นอนครับ เพราะ iPod และ iPhone มาจากผู้ผลิตเดียวกัน แต่ผมกำลังพูดถึงในแง่ของ “ประสบการในการฟังเพลง” เพราะผมเป็นคนที่จะฟังเพลงแยกตามอารมณ์เพลง เพลงเศร้า, เพลงสนุกสนาน, เพลงฟังสบายๆ ฯลฯ ผมจะแยก Playlist ไว้ชัดเจน เวลาฟัง จะได้ไม่ต้องขัดใจกับการสุ่มเพลง หรือการเลือกเพลง
สิ่งที่ iPhone ทำได้เหมือน iPod ก็เพราะเขาออกแบบ UI ของ Music ใน iPhone ได้เหมือนใน iPod มากคใช้ง่าย เหมือนกำลังฟังจาก iPod ไม่มีผิดเลยครับ แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการฟังเพลงแต่อย่างใด รวมไปถึงหูฟัง ก็ให้ความรู้สึกเดียวกันเลย สิ่งสำคัญที่ทำให้เหมือนกันมากที่สุดก็คือ การ sync กับ iTunes ได้ ทำให้ Playlist บน iTunes ของผม ที่ผมจัดการเพลงไว้แล้วนั้น มาอยู่บน iPhone เหมือนได้พก iTunes ออกมาฟังเพลงข้างนอกได้
2. เพราะ iTunes
iTunes คือสุดยอดโปรแกรมสำหรับการฟังเพลงบนคอมฯ ไม่ว่าจะเป็น PC หรือ Mac ที่ผมใช้มานาน และติดใจไม่มีวันเปลี่ยน ทั้งหน้าตาที่สวยงาม น่าใช้, ความง่ายในการใช้ สิ่งที่ทำให้ผมชอบ iTunes มากก็คือ Smart Playlist เป็นระบบการจัดการรายการเพลงแบบอัตโนมัติ ตามเงื่อนไขที่เรากำหนดขึ้นเองได้ เช่น เลือกเฉพาะเพลงที่เราบ่อยที่สุด, เพลงที่เราให้คะแนน 4 ดาวขึ้นไป, เฉพาะประเภทเพลง Rock ฯลฯ นอกจากนี้ iTunes ยังสามารถปรับปรุง info ของเพลงได้ตามที่เราต้องการ เปลี่ยน Genres, ใส่ชื่ออัลบั้ม, หน้าปก CD หรือแม้กระทั่งเนื้อเพลง ก็ใส่ได้ เพื่อความง่ายในการจัดเพลง ให้เป็นไปตามที่เราต้องการ
แล้ว iTunes เกี่ยวอะไรกับ iPhone??
เพราะ iPhone สามารถ sync กับ iTunes ได้ไงครับ!! สำหรับหลายๆ คน มองว่าการ sync เป็นอะไรที่ยุ่งยาก แต่สำหรับผมมันคือ “ความง่าย” ครับ เพราะผมใช้ iTunes บน PC จัดการเพลงอย่างเป็นระเบียบ มี Playlist ตามที่ต้องการ แล้วถ้าผมจะเอาเพลงจาก PC มาลง iPhone ให้ผม copy แล้ว pastes หรอครับ? ไม่ละครับ ผมขอ sync จาก iTunes แทนครับ เพราะทุกอย่างที่เข้า iPhone จะเหมือนกับบน PC เป๊ะเลยครับ อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า เหมือนได้เอา iTunes ออกมาฟังเพลงนอกบ้าน :)
3. เพราะมี iTunes Store
iTunes Store เป็นร้านขายเพลงออนไลน์ของ Apple ที่มีให้เลือกทั้งเพลงไทย และเพลงสากล ทำให้ไม่ต้องไปหาซื้อ CD อีกต่อไป คุณภาพเพลงที่ได้จาก iTunes Store อยู่ที่ 256kbps ขนาดเพลงอยู่ที่เพลงละประมาณ 8MB ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่มีคุณภาพใช้ได้เลยทีเดียว
ความง่ายในการซื้อเพลงใน iTunes Store ก็คือ มีระบบ Auto Download นั่นก็คือ ไม่ว่าเราจะซื้อเพลงจาก PC หรือ iPhone (ด้วย Apple ID เดียวกัน) เพลงที่เราซื้อนั้น จะถูกดาวน์โหลดลงอีกเครื่องอัตโนมัติ ไม่ต้องกดซื้อหลายรอบ เช่น ขณะที่ผมกำลังเดินทาง เกิดไปเจอเพลงๆ หนึ่ง แล้วกดซื้อจาก iPhone พอกลับมาที่บ้าน อยากฟังเพลงนั้นบน PC ก็แค่เปิด iTunes ต่อเน็ต รอไม่นาน เพลงที่ผมเพิ่งซื้อจาก iPhone ก็จะเข้ามาอยู่ใน iTunes PC ผมทันที ฟังได้เลย ยิ่งถ้ามี iPhone, iPad ด้วยละก็ ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะทุกอุปกรณ์จะดาวน์โหลดเพลงให้เหมือนกันทุกเครื่อง
และใน iOS7 ซึ่งเป็น OS ตัวใหม่ของ iPhone ที่กำลังจะเปิดให้ใช้เร็วๆ นี้นั้น เท่าที่ผมได้ลองใช้เบต้าดู พบว่า Music ของ iPhone จะแสดงรายการเพลงทั้งหมดที่เราเคยซื้อจาก iTunes Store มาโชว์ให้เราเลือกฟังออนไลน์ได้ทันที (โดยไม่ต้องโหลด) หรือถ้าจะกดโหลดลง iPhone ก็ทำได้ ทำให้ลดขั้นตอนการ sync กับคอมฯ ลงไปได้ และทำให้เรามี Library เพลงพกติดตัวตลอดเวลา
สิ่งสำคัญที่สุดของ iTunes Store ก็คือ เพลงที่เราซื้อแล้วนั้น เราไม่ต้องเสียเงินซื้ออีกต่อไป เพราะสามารถดาวน์โหลดได้แบบไม่จำกัดครั้ง ไม่ต้องกังวลเรื่อง แผ่นเสีย, แผ่นกระตุก, แผ่นหาย แล้วต้องไปซื้อใหม่เลยครับ เพราะเพลงจะอยู่กับเราตลอดไป :)
4. เพราะมันคือ iPhone ?!
ใช่ครับ เพราะมันคือ iPhone ซึ่งนอกจากจะใช้ฟังเพลงได้เหมือน iPod แล้ว มันยังใช้โทรศัพท์ และอะไรอีกหลายๆ อย่างได้ด้วย ^^
โดยเฉพาะในชีวิตประจำวันของเราที่ต้องมีเพลงเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ตอนวิ่งออกกำลังกาย เป็นต้น iPhone มี App ที่จะทำให้การวิ่งของเรา เป็นอะไรที่ไม่ใช่แค่การวิ่ง นั่นก็คือ Nike+ เป็นแอพจาก Nike ที่จะคอยเป็นเหมือนครูฝึกให้เราขณะที่เราวิ่งอยู่ มันจะคอยนับระยะทาง คำนวณเวลา ฯลฯ และที่สำคัญก็คือ กำหนด Playlist ของเพลงที่เราต้องการฟังขณะวิ่งและใช้ Nike+ ได้
นอกจาก Nike+ ก็คงเป็น App ต่างๆ นาๆ ที่เรามี การใช้ iPhone ในการฟังเพลง ทำให้เรไม่ใช่แค่ฟังเพลง แต่ทำอย่างอื่นไปได้ด้วย
ไม้เด็ดที่สุดก็คือ EarPods ครับ EarPods คือหูฟังที่แถมมากับ iPhone 5 (ราคาแยกขายอยู่ที่ 1,090.- บาท) เป็นหูฟังที่ใส่สบาย ให้คุณภาพเสียงที่คุ้มกับราคา (สำหรับผม) การที่ซื้อ iPhone5 มา ทำให้ผมคิดว่า เหมือนได้ iPod มาอีกเครื่องในตัวเลยครับ
เป็นเหตุผล 4 ข้อ คร่าวๆ ที่ผมเลือกใช้ iPhone ในการฟังเพลง แต่คนเรานั้น รสนิยม และความต้องการต่างกัน ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ได้แปลว่า iPhone จะดีที่สุดในการฟังเพลง แต่ขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการอะไร และพฤติกรรมการฟังเพลงของคุณเป็นแบบไหน ส่วนตัวผมนั้น ยกให้ iPhone ครับ ปิดท้ายโพสท์นี้ด้วยโฆษณาตัวใหม่จาก Apple “Music Everyday”
