วิธีการของลีนสตาร์ทอัพ

Bright Peerapato
IT@KMUTNB
Published in
2 min readFeb 15, 2017

แปลจาก http://theleanstartup.com/principles

“สตาร์ทอัพจะประสบความสำเร็จนั้น มันต้องถูกออกแบบการทำงานให้เป็นขั้นตอน ซึ่งก็คือการเรียนรู้และการสอน” Eric Ries

ลีนสตาร์ทอัพใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการสร้าง และการจัดการสตาร์ทอัพ และทำผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า และส่งไปสู่มือของลูกค้าให้เร็วที่สุด วิธีการของลีนสตาร์ทอัพจะสอนคุณถึงวิธีการขับรถ เริ่มตั้งแต่วิธีการบังขับพวงมาลัย เมื่อไหร่ควรจะเลี้ยว และเมื่อพยายามขยายธุรกิจด้วยการเร่งความเร็วสูงสุด มันคือวิธีการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

THE LEAN STARTUP PROCESS — DIAGRAM

มีอยู่หลาย ๆ โครงการสตาร์ทอัพที่เริ่มต้นด้วยการคิดไอเดียสำหรับผลิตภัณฑ์ และมักจะคิดว่าลูกค้าต้องการ จากนั้นพวกเขาเริ่มลงมือสร้างผลิตภัณฑ์ อาจจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี จนเสร็จสมบูรณ์ โดยที่ไม่เคยแสดงหรือเปิดตัวผลิตภัณฑ์เลย เมื่อพวกเขาล้มเหลว มันมักจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยพูดคุยถึงสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังหรือสนใจในผลิตภัณฑ์ เมื่อลูกค้าไม่สนใจกับไอเดียนั้น สตาร์ทอัพก็ล้มเหลว

ELIMINATE UNCERTAINTY

ขจัดความไม่แน่นอน

ไม่มีกระบวนการจัดการที่เหมาะสมสำหรับสตาร์ทอัพ ดังที่ Ries เคยกล่าวเอาไว้ คือ “สถาบันมนุษย์ออกแบบมาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ภายใต้เงื่อนไขของความไม่แน่นอนที่สุด” จะละทิ้งกระบวนการทั้งหมด พวกเขาจะใช้วิธี “เพียงแค่ทำมัน” หลีกเลี่ยงการเข้าหาการบริหารจัดการ แต่นี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง วิธีของลีนสตาร์ทอัพ, บริษัทสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ได้ง่ายไม่วุ่นวาย โดยที่ใช้เครื่องมือในการทดสอบแนวคิดหรือวิสัยทัศน์นั้นอย่างต่อเนื่อง ลีนไม่ใช่แค่การใช้จ่ายเงินน้อยลงในการผลิต ลีนไม่ใช่แค่การล้มเหลวอย่างรวดเร็ว มันคือการวางกระบวนการหรือวิธีการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

“วิธีของลีนสตาร์ทอัพ, บริษัทสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ได้ง่ายไม่วุ่นวาย โดยที่ใช้เครื่องมือในการทดสอบแนวคิดหรือวิสัยทัศน์นั้นอย่างต่อเนื่อง”

CONTINUOUS INNOVATION

WORK SMARTER NOT HARDER

ทำงานอย่างฉลาดไม่ใช่ทำงานหนัก

หลักการของลีนสตาร์ทอัพมีการกล่าวถึงทุก ๆ สตาร์ทอัพ คือการทดลองที่สำคัญในการพยายามที่จะตอบคำถาม คำถามก็คือทำไมไม่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์นี้ แทนคำถาม ผลิตภัณฑ์นี้ควรสร้างอย่างไร และ เราสามารถสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนด้วยสินค้าและบริการได้หรือไม่ การทดลองนี้เป็นอะไรที่มากกว่าหลักการทางทฤษฎี มันคือสินค้าตัวแรก ถ้ามันประสบความสำเร็จ จะช่วยให้ผู้จัดการเริ่มเผยแพร่ รับสมัคร early adopters , เพิ่มพนักงานในการทดลองเพิ่มเติม และในที่สุดก็เริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ เมื่อถึงเวลาที่จะเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ มันจะต้องพร้อมเมื่อถึงมือของลูกค้า มันจะมีการแก้ไขปัญหาจริง และนำเสนอข้อมูลเฉพาะสำหรับสิ่งที่สร้างขึ้น

“เมื่อถึงเวลาที่จะเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ มันจะต้องพร้อมเมื่อถึงมือของลูกค้า”

DEVELOP AN MVP

พัฒนา MVP

ส่วนประกอบหลักของลีนสตาร์ทอัพคือ ลูป สร้าง-วัดผล-เรียนรู้ ขั้นตอนแรกคือการหาปัญหาที่ต้องแก้ไข และพัฒนา MVP เพื่อเริ่มกระบวนการเรียนรู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อ MVP เสร็จสมบูรณ์ สตาร์ทอัพจะสามารถทำงานได้ยืดหยุ่น ปรับแต่งกลไกการทำงานได้ ซึ่งเกี่ยวกับการวัดผล และการเรียนรู้ และต้องมีตัวชี้วัดการดำเนินการที่สามารถแสดงให้เห็นถึงสาเหตุและผลกระทบของคำถาม

LEARN WHEN IT IS TIME TO PIVOT

นอกจากนี้ สตาร์ทอัพยังมีวิธีการสืบค้นการพัฒนาที่เรียกว่า “Five Whys” คือการถามคำถามง่าย ๆ เพื่อศึกษา และแก้ปัญหาไปพร้อมกัน เมื่อกระบวนการวัดผลและการเรียนรู้ทำอย่างถูกต้อง มันจะบ่งบอกได้ชัดเจนว่า บริษัทนั้นสามารถที่จะขับเคลื่อนไปต่อได้หรือไม่ ถ้าไม่ มันคือสัญญาณเตือนว่าควรที่จะเปลี่ยนไอเดีย หรือทำการทดสอบสมมติฐานใหม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ และกลไกของการเติบโต

VALIDATED LEARNING

ตรวจสอบการเรียนรู้

ความคืบหน้าในการผลิตคือการวัดผลโดยการผลิตสินค้าคุณภาพสูง หน่อยของความคืบหน้าสำหรับลีนสตาร์ทอัพคือ ผ่านการตรวจสอบที่เข้มงวด เมื่อผู้ประกอบการยอมรับข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบ ,กระบวนการพัฒนาจะสามารถตัดส่วนที่ไม่สำคัญออกไปได้จำนวนมาก เมื่อคุณเน้นหาสิ่งที่ถูกต้องเพื่อสร้างสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจะลงทุนเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ต้องลงทุนไปกับเดือนที่รอเปิดตัวสินค้าตัวเบต้าเพื่อเปลี่ยนทิศทางของบริษัท แต่ผู้ประกอบการสามารถปรับเปลี่ยนแผนการของพวกเขาได้ตลอดเวลา

Principles

1.Entrepreneurs are everywhere

คุณไม่มีงานในอู่ซ่อมรถ ก็สามารถทำสตาร์ทอัพได้

2.Entrepreneurship is management

สตาร์ทอัพเป็นสถาบัน ไม่ใช่แค่สินค้า ดังนั้นต้องมีการบริหารจัดการ การจัดการรูปแบบใหม่ต้องมุ่งเน้นเฉพาะที่บริบทของมัน

3. VALIDATED LEARNING

สตาร์ทอัพไม่ได้มีไว้ทำเงินหรือให้บริการลูกค้า สตาร์ทอัพมีไว้เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน การเรียนรู้นี้สามารถตรวจสอบด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยการทดลองช่วยให้เราสามารถทดสอบองค์ประกอบของวิสัยทัศน์ของเราได้

4. INNOVATION ACCOUNTING

เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ประกอบการและจะถือว่าผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ เราต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่น่าเบื่อ : วิธีการวัดความก้าวหน้า , วิธีการจัดลำดับความสำคัญของการทำงาน สิ่งนี้คือการบัญชีรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ

5. BUILD-MEASURE-LEARN

กิจกรรมพื้นฐานของสตาร์ทอัพคือการเปลี่ยนไอเดียเป็นผลิตภัณฑ์ วัดผลการตอบรับจากลูกค้า และจากนั้นก็เรียนรู้ว่าต้องเปลี่ยนไอเดียหรือทำต่อ ทุก ๆ สตาร์ทอัพที่ประสบความเร็จ ควรมุ่งเน้นเร่งทำ feedback loop ให้ได้มากที่สุด

--

--