แชร์ประสบการณ์การเขียน Blog มาครบหนึ่งปีแรกแล้ว ได้อะไรกลับมาบ้าง

Kittisak Phetrungnapha
iTopStory
Published in
4 min readJul 2, 2017

--

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณก่อนเลยละกันนะครับที่ติดตามบทความของผมมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เวลาช่างผ่านไปเร็วเสียจริง หนึ่งปีแล้วหรือเนี่ย นับแต่แต่บทความแรกที่ปล่อยออกไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว มาวันนี้ ผมก็เลยอยากเขียนแชร์เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการเขียน blog, ความรู้สึก, ประโยชน์, สถิติ สิ่งต่างๆ ที่ได้รับกลับมา ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยแหละเนาะ ไม่แง่มุมใดก็แง่มุมหนึ่งแหละ (ไม่ 18+ ครับ 555) เอาล่ะ เริ่มเลยดีกว่าาาา here we go!

จุดเริ่มต้นของการเขียน blog

ย้อนกลับไปช่วงประมาณหนึ่งปีที่แล้ว จำได้ว่าเป็นช่วงหลังจากงาน Google I/O 2016 ผ่านไปได้ไม่นาน ซึ่งตอนนั้นทาง Google ได้เปิดตัว Firebase ในฐานะ Backend-as-a-Service (BaaS) อย่างอลังการงานสร้าง ซึ่งผมก็รู้สึกสนใจ ได้ลองเข้าไปเล่นอะไรหลายๆ อย่างมาพอสมควร แต่ก็แค่ลองเล่นเฉยๆ นะ ไม่ได้มีความรู้สึกที่จะเขียน blog เกี่ยวกับ Firebase หรือเรื่องอะไรทั้งสิ้นเข้ามาในหัวเลยแม้แต้น้อย เอ้อ ลืมบอกไป ตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่ Ascend นะครับ ซึ่งตอนนี้คิดว่าคนสายเทคโนโลยีน่าจะรู้จักกันหมดแล้วแหละ

ระหว่างที่ลองเล่น Firebase ไปพลางๆ ก็มีพี่อีกคนในทีมเดียวกันที่หลงใหลในเทคโนโลยีของ Firebase เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นสาวก หรือผู้นำลัทธิด้าน Firebase เลยก็ว่าได้ (ซึ่งตอนนี้เขาได้กลายเป็น Google Developer Export ด้าน Firebase ไปเรียบร้อยล่ะ) ได้เริ่มต้นเขียน blog เกี่ยวกับ Firebase พร้อมกับชักชวนให้ทุกคนในทีมลองเขียนบทความแรกออกมากัน โดยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง Firebase, Technical แค่เป็นเรื่องที่เราสนใจ และมีความรู้สึกที่อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นๆ ก็พอ จำได้ว่าพี่เขาบอกว่า บทความแรก เป็นอะไรที่ยากที่สุด หลังจากนั้นการเขียน blog จะไม่ยากแล้ว ถ้าใจมันอยากจะเขียนต่อ มันก็จะเขียนออกมาเรื่อยๆ เอง ซึ่งผมก็เห็นด้วย ไม่เฉพาะกับเรื่องการเขียน blog เท่านั้น เรื่องอะไรก็ตามที่เรายังไม่เคยทำ มันเป็นครั้งแรก มันจะยากเสมอ ซึ่งผมก็ตัดสินใจลองเขียนดูบ้าง เพราะอยากรู้ว่าไอ้การเขียน blog เนี่ย มันจะให้ความรู้สึกยังไงกับเราบ้าง โดยปล่อยไปทีเดียวสองบทความพร้อมกัน โดยเกี่ยวกับ Firebase ในฝั่ง iOS

และมันก็จุดเริ่มต้นของการเขียน blog ของผมนั่นเอง

ความรู้สึกในการเขียน blog

หลังจากปล่อยสองบทความแรกในชีวิตออกสู่สายตาชาวโลกไปแล้ว ซึ่งผมก็แชร์มันหมดทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Google+, LinkedIn หรือแม้แต่การติดต่อไปยังแอดมินเพจที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีให้เขาช่วยอ่าน แล้วบอกว่าถ้าอ่านแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ ฝากแชร์ลงเพจให้ด้วยครับ อะไรทำนองนี้

หลังจากนั้นไม่นาน บทความผมก็เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวง IT บ้าง มีกดไลค์ กดแชร์ต่อ หรือบางทีก็มี private message มาถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขียน ประมาณว่า เขาลองทำตามในบทความแล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่ได้ เราก็ช่วยเขาดูๆ จนสุดท้ายก็ผ่านไปได้ในที่สุด ซึ่งบอกตรงๆ ว่าตอนนั้น ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนอื่น เริ่มเข้าใจถึงการ “แบ่งปัน” มากขึ้น

หลังจากนั้นก็เขียนมาเรื่อยๆ เลยครับ ไม่ว่าจะด้าน iOS, Software Development, Learning, Mindset, Lifestyle เขียนหมดเลย สนุกมากๆ แบบประมาณว่า วันนั้นอยู่ๆ นึกมีอารมณ์จะเขียนแนวไหนออกมา ก็เขียนเลย blog ผมก็เลยออกแนวจิปาถะไปนิดนึง 555

ประโยชน์ของการเขียน blog

หนึ่งปีที่ผ่านมากับการเขียน blog ผมคิดว่า ผมได้เรียนรู้ พัฒนา ได้รับประโยชน์หลาายๆ อย่างกลับมามากมาย เดี๋ยวยกตัวอย่างให้ฟังสักสี่ข้อละกันเนอะ

  1. ทักษะในการติดต่อสื่อสาร การเรียบเรียงคำพูด ความกล้าแสดงออกเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าไอ้การที่เราจะถ่ายทอดสิ่งที่เราเข้าใจให้ผู้อ่านเข้าใจตามไปได้ด้วยเนี่ย ผมถือว่ามันเป็น “ศิลปะ” อย่างหนึ่ง มันมีเรื่องที่เราต้องคิดมากมาย ว่าจะใช้คำพูดแบบไหนดี ใช้รูปภาพประกอบตรงนี้ดีไหม แนบลิ้งตรงนั้นดีไหม หรือจะมีการเล่นมุขไปด้วยบ้างดีไหม ซึ่งพอคิดและทำแบบนี้ไปซักระยะ มันจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปลองเขียน blog กันดูได้ครับ แต่ต้องเขียนต่อเนื่องนิดนึงนะ ไม่งั้นมันจะไม่เห็นผลลัพธ์ซักเท่าไหร่
  2. เราได้สัมผัสถึงความรู้สึก “ผู้ให้” หลังจากที่เป็น “ผู้รับ” มาโดยตลอด ตัวอย่างง่ายๆ เลยก็คือ เวลาเราเขียนโปรแกรมแล้วติดปัญหา เราก็ค้น Stack Overflow หรือบทความต่างๆ ที่เคยมีคนเขียนไว้แล้วมาช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ในที่สุด ทีนี้ลองมามองมุมกลับกันบ้างว่า มีคนติดปัญหาแล้วบทความที่เราเขียนสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ หรือช่วยให้กำลังใจเขาได้ในกรณีที่เป็นบทความเกี่ยวกับพวก Mindset, Positive Thinking มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดแบบเป๊ะๆ ไม่ถูก น่าจะประมาณอิ่มเอิ่ม อิ่มอกอิ่มใจ ตื้นตันใจ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก มันได้เปิดโลกของการแบ่งปันให้กับผม ได้เปลี่ยนแปลงความคิดบางอย่างของผมไปตลอดกาล เช่น คนเราเกิดมา แล้วก็ตายไปแค่นั้นหรอ? เราน่าจะทำอะไรให้กับผู้คนได้มากกว่านี้สิ เป็นต้น (คิดแบบนี้จริงๆ นะ)
  3. มีโอกาสต่างๆ วิ่งเข้ามาหาเรามากมาย เนื่องจากพอเราเริ่มเป็นที่รู้จักแล้ว มีคนติดตามมากขึ้น มันก็จะบางสิ่งบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรกที่เราเริ่มเขียนบทความนั้น เราไม่ได้คาดหวังสิ่งตอบแทนเลย เราเพียงแต่อยาก “แบ่งปัน” เฉยๆ เท่านั้นเอง ซึ่งไอ้เจ้าโอกาสที่ว่านี้ ก็มีทั้งเรื่องหน้าที่การงาน การได้รับเชิญให้ไปเป็น speaker ตามงานต่างๆ บ้าง เป็นครั้งคราว ซึ่งผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า และหาไม่ได้ง่ายๆ ในชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปอย่างผม
  4. ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทที่เราทำงานอยู่ คือ มันเป็นความรู้สึกที่ “แตกต่าง” จากการมาทำงานตอนเช้า แล้วเลิกงานในตอนเย็น มันเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ในการผลักดันให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าในอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากงานประจำที่เราทำแล้ว ยกตัวอย่างเช่น หลายๆ คนที่มาสมัครงานที่ Ascend ก็บอกว่า มาสมัครที่นี่เพราะติดตามมาจากบทความต่างๆ ที่เราเขียน คิดว่า Ascend ต้องเป็นบริษัทที่ดีแน่ และเขาก็อยากได้รับประสบการณ์ดีๆ แบบที่ผมเคยได้รับบ้าง อะไรทำนองนี้ (ผมไม่ได้ค่าจ้างจาก Ascend นะ ทุกอย่างทำด้วยใจ สนุกที่จะทำ รักในการแบ่งปัน ก็เท่านั้นเอง) รวมถึงผมได้เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้น Ascend blogger อีกด้วย ตอนนี้น่าจะมีบทความมากมายจากหลายๆ คนใน Ascend ที่ช่วยกันเขียนออกมาแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว และก็ออกมาสร้าง blog ส่วนตัวแล้วก็ตาม

สถิติของ blog ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

ถ้าอิงจากค่าเฉลี่ย ณ ปัจจุบัน (July 2017) เดือนนึง จะมีคนกดเข้ามาดูประมาณ 27,000 ครั้ง ส่วนที่อ่านจริงๆ ก็ประมาณ 10,000 ครั้ง ปีที่ผ่านมาเขียนไปทั้งสิ้น 32 บทความ แบ่งตามหมวดต่างๆ ได้ดังนี้

  1. iOS 15 บทความ https://itopstory.com/tagged/ios
  2. Software Development 6 บทความ https://itopstory.com/tagged/software-development
  3. Learning 1 บทความ https://itopstory.com/tagged/learning
  4. Mindset 4 บทความ https://itopstory.com/tagged/mindset
  5. Lifestyle 6 บทความ https://itopstory.com/tagged/lifestyle

มีคน follow Medium 72o คน https://medium.com/@itopstack

มีคน like Facebook fan page ประมาณ 900 คน ซึ่งเริ่มสร้างในเดือนมีนาคม 2017 ที่ผ่าน จาก 0 คน และไม่เคยส่ง invite เลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเรารู้สึกว่า เวลามีเพื่อนส่งคำเชิญให้ like page มา ถ้าเนื้อหาของ page นั้น เป็นเรื่องที่เราสนใจ เราก็จะ like แต่อันไหนส่งมาเชิญแบบมั่วๆ เราก็จะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งเราอยากให้คนที่มากด like นั้นมาจาก “ใจจริง” มากกว่าการ “ถูกบังคับ”

บทความที่ได้คะแนนน้อยที่สุด (วัดจากยอด Views และ Reads)

Views ประมาณ 230 ครั้ง Reads ประมาณ 150 ครั้ง

บทความที่ได้คะแนนสูงที่สุด (วัดจากยอด Views และ Reads)

Views ประมาณ 28,000 ครั้ง Reads ประมาณ 10,000 ครั้ง

ทีนี้พอมาลองเจาะบทความที่ได้คะแนนสูงสุดดูแล้วก็พบว่า ส่วนใหญ่มาจากการ search Google แล้วเจอนั่นเอง

ผมก็เลยลองเอา keyword กว้างๆ เกี่ยวกับการเขียน email ภาษาอังกฤษ ไปค้นใน Google ดู และพบว่า…

อันนี้ตอนเห็นครั้งแรกตกใจมาก เพราะเราไม่ได้ทำ SEO แต่อย่างใดเลย แต่ก็ยังคนเข้ามาอ่านเรื่อยๆ อันนี้รู้สึกดีใจมากที่สุดล่ะ ^^

แล้วก็มีคนส่งข้อความมาขอบคุณทาง Facebook fan page ด้วย มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ ครับ

ส่วนบทความอื่นๆ ที่ไม่ได้เอามาให้ดู ก็มียอด Views ประมาณหลักพันไปจนถึงหลักร้อยแหละครับ ไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด

สรุปทิ้งทาย

ก็ประมาณนี้แหละครับ สรุปภาพรวม สิ่งต่างๆ ที่ได้รับกลับมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของการเขียน blog ของผม ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับที่ติดตามมาตลอด และขอบคุณพี่ชายคนนั้นที่เริ่มต้นชักชวนผมให้มาเขียน blog จนผมได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย ที่ผมคิดว่าหาไม่ได้จากที่ไหนแน่นอน ส่วนสำหรับปีนี้ ก็จะยังคงเขียนต่อไปเรื่อยๆ ครับ แต่อาจจะลดน้อยลง เนื่องจากต้องเรียน ป โท พร้อมกับทำงานประจำไปด้วยแล้ว แต่ก็จะพยายามแบ่งเวลามา “แบ่งปัน” ให้ได้ครับ เพราะมันไม่ได้ดีแค่กับส่วนรวม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวผมเองก็มี “ความสุข” ด้วยเช่นกัน :)

สุดท้ายนี้ก่อนจากลากันไป ก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน และอยากขอเชิญชวนให้ทุกคนมาลองเขียน blog แรกของตัวเองในชีวิตกันครับ เอาเรื่องที่ตัวเองชอบแหละดีสุด เพราะว่าหลังจากเขียน blog แรกไปแล้ว ตัวเราจะรู้เองว่าเราชอบที่จะเขียนต่อไปหรือไม่ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ลงมือลองครับ ส่วนถ้าไม่รู้จะเริ่มเขียนยังไงดี ก็แนะนำ Medium เลยครับ เป็น platform blogger ที่คนเขียนกันทั่วทั้งโลก

มาช่วยกันสร้างสังคมไทยของเราให้เป็นสังคมแห่งการแบ่งปันมากขึ้นกันเถอะครับ :) รออ่าน blog ของทุกคนอยู่นะครับ และก็ขอให้จำไว้ว่า

ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ

สำหรับวันนี้ก็ขอลากันไปเพียงเท่านี้ก่อน แล้วพบกันใหม่ บทความหน้า สวัสดีครับ :)

ติดตามเรื่องราวต่างๆ ทั้งเทคโนโลยี มุมมองชีวิต การเรียนรู้ การใช้ชีวิต ได้ที่ https://www.facebook.com/itopstory/

https://www.facebook.com/itopstory/

--

--

Kittisak Phetrungnapha
iTopStory

I am a software engineer who fall in love to code, read, and write. :) itopstory.com