ไปเที่ยว NY กันเถอะ
Chapter 60/1: New York trip has begun
--
เมษานี้มีโอกาสมาอเมริกาอีกละ ทริปนี้ตั้งใจเที่ยวแถว NY เหมือนเดิม โดยเราจะเดินทางขึ้นตอนเหนือของรัฐ NY ไปจนถึง Niagara Falls ค่ะ จะเป็นไงมาติดตามอ่าน series อเมริกา 2023 นะคะ
เราออกเดินทางเมื่อวันที่ 2 เมษา 2023 ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีใครห่วงเรื่อง Covid กันเท่าไหร่ละ มาสนามบินก็จะเห็นคนใส่หน้ากากบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งก็แทบไม่ใส่หน้ากากกันแล้ว และตอนนี้ที่สนามบินก็คือคนเยอะมากๆๆๆๆๆ
ทริปนี้เราเดินทางกันด้วยสายการบิน ANA เพราะอยากทดลองนั่ง The Room ของเค้าบ้าง ซึ่งก็บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ตอนนี้เป็นที่นั่งที่รู้สึกชอบมากที่สุดละ ถ้าเปรียบเทียบเรื่องราคา บริการและที่นั่ง คิดว่าน่าจะเป็นสายการบินที่เราน่าจะได้ใช้บริการอีกแน่นอน
ไฟล์ทแรกเราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสนามบินฮาเนดะที่ญี่ปุ่นใช้เวลาเดินทางประมาณ 5.30 ชม. เครื่องออกประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งพอขึ้นเครื่องเค้าก็ไม่ได้เสริฟอาหารละ จะปล่อยให้ผู้โดยสารนอน แต่ใครไม่นอนจะสั่งอาหารมาทานก็ได้
ในไฟล์ทนี้เค้าจะมีอาหารว่างที่เราสั่งได้ตลอดเวลาซึ่งเราก็สั่ง Ippudo Ramen มาทานด้วยแต่มันเป็นเส้นราเม็งแบบ Plant-based ซึ่งเรารู้สึกว่ามันนิ่มไปหน่อยเราชอบเส้นแบบเดิมที่แข็งๆ สู้ฟันหน่อยมากกว่า แต่น้ำซุปคือดีย์เหมือนเดิม โดยรวมอร่อยค่ะ
เครื่องถึงสนามบินฮาเนดะประมาณ 6 โมงเช้าและต้องรอเปลี่ยนเครื่องอีกประมาณ 5 ชั่วโมงเลยได้มีเวลาไปอาบน้ำที่เลานจ์ของ ANA อาบน้ำเสร็จสบายตัวมากๆ
จากนั้นก็นั่งรอนอนรอต่อไปอีก 😴 จนได้เวลาขึ้นเครื่องค่ะ
ขานี้จะได้นั่ง The Room แล้ว
ตื่นเต้นกับการได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มาก สำรวจนั่นนี่ใหญ่ 😆
นั่งรอซักพักเครื่องก็ออกละค่ะ
ไปละนะญี่ปุ่น อยู่มา 5 ชม. เต็มเลย
ที่นั่งติดหน้าต่างของลำนี้ (ที่ชิดหน้าต่างจริงๆ) จะเป็นที่นั่งกลับหลังหันเหมือน Qsuite ของ Qatar แต่ไม่ได้มีผลใดๆ กับความรู้สึกเวลาเครื่องขึ้นหรือลงเลยค่ะ ปกติมากๆ
พอปิดประตูแล้วก็ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ ค่ะ ถ้าเปรียบเทียบกับที่นั่งของ SQ เราว่าขนาดใกล้เคียงกันเลย แต่ของ ANA ให้ความเป็นส่วนตัวกว่าเพราะปิดประตูได้ และถ้าเทียบกะ Qatar Qsuite ที่เป็นห้องเหมือนกัน เราว่าที่นั่งของ ANA ก็ยังได้เปรียบกว่าตรงที่มันกว้างกว่า Qatar
หลังจากทานมื้อหลักและหลับๆ ตื่นๆ มาหลายชั่วโมงก็หิวอีกละสิ มา…ขอมื้อพิเศษมาชิมหน่อยว่าเป็นไง ในไฟล์ทนี้ไม่มีราเม็งแต่เป็นข้าวหน้าหมูทงคัตสึ
เป็นหมูแบบ Plant-based อีกแล้ว ความรู้สึกหลังจากได้ลองเมนูนี้ หมูมันแปลกๆ อ่ะ ไม่โดนเท่าไหร่ 😅 อ้อ !!! อย่าลืมลองดื่มน้ำ Kabosu น้ำมะนาวของเค้านะ (ที่เห็นแก้วน้ำสีขุ่นๆ ข้างๆ ชามข้าวนั่นแหละค่ะ) มันหอมมากเลย ดื่มแล้วชุ่มคอ สดชื่นดี เราดื่มไป 5 แก้วได้มั้ง แต่พี่สาวบอกไม่ชอบ ชีว่ากลิ่นมันแปลกๆ เหมือนดื่มน้ำหอมไงไม่รู้ อันนี้ความชอบส่วนตัวล้วนๆ 😁
ในที่สุดเครื่องก็ถึง NY ละค่า
เดินมาถึง ต.ม. ก็ต้องทำใจเลย แม่เจ้ามี ต.ม. อยู่ 3 คนถ้วนค่ะ 😬
ผ่าน ต.ม. เรียบร้อยก็ออกมารอรถ เราใช้บริการรถของคุณจิมมี่ที่เคยใช้เมื่อคราวที่แล้วค่ะ (อยู่ใน Chapter นี้นะคะ 😄) ตอนนี้เพิ่งจะประมาณ 10 โมงยังเข้าบ้านที่จองไว้ไม่ได้ ก็เลยไปเดินเล่นที่ Flushing Meadows Corona Park ก่อน
ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่มีลูกโลกใหญ่ๆ ตั้งอยู่ ปีที่แล้วก็กะจะมาที่นี่แต่ฝนตกเราเลยอดกัน คราวนี้เลยได้มาเที่ยวซ่อมซะเลย
ในอดีต Flushing Meadows Park เคยเป็นที่ทิ้งขี้เถ้ามาก่อนเพราะแต่ก่อนบริเวณนี้ถือเป็นที่ห่างไกลเมือง ต่อมาที่บริเวณนี้ก็ถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในย่าน Queens และกลายเป็นที่แฮงเอาท์ของคนในพื้นที่
นอกจากนั้น ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะควีนส์ (Queens Museum) ซึ่งจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยและศิลปะท้องถิ่นด้วย แต่พวกเราก็อดเข้าเพราะวันนี้เค้าปิดจ้า 😮💨
เดินเล่นกันพักนึงก็แวะหาข้าวเที่ยงทานที่ร้านอาหารไทย (เพิ่งจากบ้านมาได้วันเดียวก็โหยหาซะละ 🤣) ทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาเข้าบ้านละค่ะ
เราเช่าบ้านจาก AirBnb อีกเช่นเคย คราวนี้ลองมานอนใน Manhattan ในย่าน Hell’s Kitchen บ้าง เพราะสะดวกเรื่องการเดินทางดี อยู่แถวนี้จะเดินไปไหนมาไหนง่ายกว่าตอนอยู่ที่ Brooklyn และเราจะอยู่ที่บ้านนี้กัน 4 คืนค่ะ
ที่นี่เป็นอพาร์ตเม้นท์ที่ค่อนข้างใหญ่เลย ส่วนที่เราเช่าเป็นชั้น 1 และชั้น 2 มี 3 ห้องนอน 1 โซฟาเบด ห้องน้ำ 2 ห้องครึ่ง (ครึ่งห้องคือห้องน้ำที่ไม่มีส่วนอาบน้ำ)
โซฟาในห้องนี้ปรับเป็นเตียงนอนได้ ก็ได้เพิ่มมาอีก 1 ห้องนอน
พี่สาวเป็นคนเลือกบ้านเป็นหลัก ชีชอบทำอาหารเลยได้ครัวที่ค่อนข้างใหญ่
เนื่องจากที่พักทุกที่ของเราในทริปนี้จะพักกัน 5 คน (เดี๋ยวพี่ชายจะตามมาอีกคน) การหาบ้านหลายห้องนอนในทำเลที่ต้องการก็จะยากหน่อย ต้องยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้ตรงตามความต้องการ ซึ่งบ้านนี้ก็ตอบโจทย์ได้ตรงเลย
ไปดูส่วนของห้องนอนกัน ด้านล่างจะมีห้องนอน 3 ห้องและห้องน้ำอีก 2 ห้อง
ถัดมาเป็นห้อง Master และห้องนอนเล็กๆ อีก 1 ห้อง 2 ห้องน้ำจะใช้ห้องน้ำร่วมกัน
ที่เก๋คือห้องนี้จะมีทางออกไประเบียงหลังบ้านด้วย เป็นสวนส่วนตัวเลย (เอ๊ะ เอาจริงก็ไม่ส่วนตัวเท่าไหร่หรอก เพราะเพื่อนบ้านก็เห็นทุกกิจกรรมของเราหมด 🤣) ซึ่งเราก็ไม่ได้ใช้เลยเพราะว่าออกไปลำบากอยู่ ต้องเดินลงมาข้างล่างและเดินทะลุห้อง Master มาอีกที
ถัดมาเป็นห้องนอนเล็ก กะทัดรัดเชีย จุคนได้ 1 คนถ้วน
แต่ห้องน้ำของ 2 ห้องนี้ก็กว้างขวางพอสมควรเลย แถมด้วยเครื่องซักอบผ้าพร้อม
แต่ก็มีความลำบากเล็กน้อยสำหรับบ้านนี้เพราะบ้านจะต้องเข้าจากชั้น 2 นั่นหมายความว่าเราจะต้องยกกระเป๋าทั้งหมดขึ้นบันไดหน้าบ้านไปที่ชั้น 2 จากนั้นก็ต้องยกของ (เกือบทั้งหมด) ลงไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่ที่ชั้น 1 🤣 เล่นเอาหอบกันเลย ก็งงๆ กะบ้านที่นี่เหมือนกัน
หลังจากเก็บของเรียบร้อย พี่ๆ ก็อาสาออกไปหาซื้อเสบียงมาตุนไว้พร้อมทั้งทำข้าวเย็นให้กิน ก่อนจะแยกย้ายกันไปสลบเหมือด
วันแรกก็ประมาณนี้ค่ะ เป็นการรีวิวการเดินทางและที่พักให้ดูเผื่อมีใครสนใจ แล้วเดี๋ยวมาอ่านกันต่อนะว่าตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวไหนบ้าง
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊