ซีรีส์นี้จะพาเที่ยวลอนดอนช่วงคริสต์มาส 2022 กันค่ะ
Chapter 55/1: My London Day 1
--
ได้กลับมาลอนดอนอีกแล้ว 🥰 หลังจากผ่านไป 4 ปีกะความทรงจำที่ดูจะเลือนลาง คราวนี้มาพร้อมกับการทำการบ้านมาอย่างดีว่าจะต้องไปไหนมั่ง จะได้มีรูปมีเรื่องมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันอีกครั้ง พร้อมความทรงจำครั้งใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม 😆
ต้องขอเท้าความเล็กน้อย จริงๆ ตั้งใจจะมาลอนดอนตั้งกะ ธ.ค. ปี 2021 แล้วล่ะ ตอนนั้นเตรียมทุกอย่างพร้อมเดินทางละ แต่เจ้า Omicron ก็มาดับฝันของเราซะนี่ เพราะเรามีวันหยุดอันน้อยนิดแค่ 7 วันเท่านั้น เลยไม่สามารถเสียเวลาไปกับการกักตัวโน่นนี่ได้อีก ก็เลยตัดใจล้มทริปซะดีกว่า
จากนั้นก็เฝ้ารอเวลามาหนึ่งปีเต็มๆ ตั้งใจว่าจะต้องกลับไปให้ได้ในช่วงคริสต์มาสนี่แหละ เพราะอยากไปดูไฟคริสต์มาสมากๆ…ในที่สุดก็สมหวังซะที เป็นคนที่แน่วแน่มากนะเนี่ย 😁
งานนี้ตื่นเต้นมากๆ เพราะ 1. จะไปคนเดียวอีกแล้ว 2. จะได้ไปดูไฟคริสต์มาสที่เราคิดว่าสวยที่สุดแล้วล่ะ 3. จะได้ขึ้นการบินไทยไฟล์ทยาวอีกครั้ง (ครั้งสุดท้ายคือเดือน ธ.ค. 2019 โน่นแน่ะ)
เอาล่ะ เกริ่นนำมาก็เยอะละ ไปเที่ยวกันซักทีดีกว่าเนอะ
วันแรกของการเดินทาง เราออกเดินทางด้วยไฟล์ท TG910 เครื่องออกเที่ยงคืนกว่า ก็เลยมาถึงสนามบินประมาณ 21.30 กะชิลเลย แต่สิ่งที่เจอก็คือแถวรอ Check-in ของชั้น Business Class ยาวมาถึงปากประตูทางเข้า 1 ของสนามบิน เห้ย…ม่ายช่ายม้างงงงง 🤨 ถาม จนท. การบินไทยที่ยืนคุมท้ายแถวอยู่ก็ได้ความว่า “ใช่ค่ะ หางแถวอยู่ตรงนี้จริงๆ” เกิดไรขึ้นกะการบินไทยเนี่ย 😱
อ๊ะ…ช่างมัน คิวยาวก็รอต่อไป เดี๋ยวก็ถึงเรา 😁 ไปเที่ยวทั้งทีไม่หุดหิดๆ เดี๋ยวจะหมดสนุกซะเปล่าๆ
รอพักใหญ่ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าก็ได้ Check-in ในที่สุด จากนั้นก็เข้าไปนั่งรอใน Lounge จนถึงเวลาเรียกขึ้นเครื่อง
ป.ล. อยากจะบอกว่านอกจากจะรอคิว Check-in นานแล้ว ยังมาเจอเรียกขึ้นเครื่องช้า และสุดท้ายเจอเครื่อง Delay อีก ครบองค์เลยจ้าคุณการบินไทย 🤣
แต่บนเครื่องนี่ประทับใจการบริการของลูกเรือมากๆ เลย ดูแลผู้โดยสารอย่างดี อาหารก็อร่อย ค่อยลบล้างเรื่องที่เจอข้างล่างหน่อย 😆
หลังจากนั่งๆ นอนๆ กินๆ จนเวลาผ่านไปประมาณเกือบ 12 ชั่วโมง เครื่องก็ถึงลอนดอน
โอย…ตื่นเต้นมาก ไม่ได้มาตั้งนาน แต่เท่าที่จำได้ทางเดินไป ตม. นี่จะไกลมาก 😕 และก็ใช่ค่ะไกลจริงๆ เดินประมาณ 15 นาทีกว่าจะถึง
ตอนเดินไปเข้าแถว ตม. เห็นเจ้าหน้าที่เค้าใส่ชุดลายทหารนั่งกันเต็มเลย เอ๊ะ! ปกติเค้าเป็นตำรวจนี่ 🤔 ปรากฎพี่คนไทยที่ยืนอยู่ข้างหน้าช่วยไขปริศนาว่า “รู้มั้ยคะ วันนี้เจ้าหน้าที่ ตม. เค้าสไตรค์กัน เลยต้องเอาทหารมาทำหน้าที่แทน” โห ได้ยินมาว่าคนที่นี่ชอบสไตรค์กัน เชื่อละ นี่สไตร์คกันยันเจ้าหน้าที่ ตม. เลย 😳
จนถึงคิวเราก็มีเรื่องให้ฮาอีก เพราะคุณ ตม. (ทหาร) ก็มือใหม่เนอะ เค้าก็จะถามเยอะหน่อย แต่เราข้อมูลแน่นอยู่แล้ว มมปห ฉลุยค่ะ ผ่านมาโดยดี แต่ปรากฎคุณ ตม. (ทหาร) เค้าดันไปสแตมป์ขาเข้าให้เราที่ visa อันเก่า เราซึ่งเหลือบเห็นพอดีก็เลยบอกไปว่า “ยู อันนั้นมันอันเก่าที่หมดอายุไปแล้ว อันปัจจุบันอยู่หน้าถัดไปห่ะ” เค้าเลยยกขึ้นมาดู แล้วชะงักไปเล็กน้อย พร้อมทั้งกล่าว “sorry” และสแตมป์อันที่ถูกอีกที ฮาไป… 😂
ผ่าน ตม. ออกมาก็ไปรับกระเป๋าจากนั้นก็เดินไปหาทางขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังที่พัก Airbnb ที่จองไว้ ซึ่งไปไม่ยากเลย จาก Terminal จะมีป้ายบอกทางตลอด
ถึงรถไฟใต้ดิน จากนั้นก็ไปซื้อ Oyster Card ซึ่งเป็นบัตรเติมเงินของโครงข่ายรถโดยสารสาธารณะในลอนดอน บัตรเดียวใช้ได้หมดไม่ว่าจะขึ้นรถไฟใต้ดิน รถไฟ รถเมล์ แม้กระทั่งเรือ สะดวกซะเหลือเกิน แต่ต้องเสียค่ามัดจำบัตร 5 ปอนด์และเติมเงินในบัตรก่อนที่จะเริ่มใช้ด้วยนะจ๊ะ
ป.ล. เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเดี๋ยวนี้ ไม่จำเป็นต้องซื้อบัตร Oyster Card เลยด้วย 🧐 เราสามารถใช้บัตรเครดิตแตะเพื่อใช้บริการรถสาธารณะเหล่านี้ได้เลย…..โห เจ๋งอ่ะ เพราะถ้าซื้อบัตร Oyster ก็ต้องเสียค่ามัดจำบัตรและก่อนกลับไทยก็ต้องเอาบัตรไปแลกเป็นเงินคืนที่สนามบินอีก (แต่เราไม่ได้ทำหรอกนะ เพราะกะไปอีกเรื่อยๆ เลยเก็บบัตรไว้)
เดินทางจากสนามบินไปที่พักด้วยรถไฟสาย Piccadilly ต่อเดียว นั่งยาวๆ ไปประมาณ 50 นาที ขึ้นจากสถานีปุ๊บ เดินอีก 5 นาทีถึงบ้านเลย 😆 (แม๋…เลือกที่พักเก่งจริงๆ เลยเรา 😁)
ที่พักสำหรับทริปนี้เราเลือก Airbnb อีกเช่นเคย เพราะคราวก่อนที่เรานอนโรงแรม รู้สึกว่ามันช่างอ้างว้างและโดดเดี่ยวซะเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าห้องใหญ่โตอะไรนะ แต่มันเล็กหยั่งกะรูหนู ขนาดแค่ 12 ตรม. 🥴 เลยทำให้รู้สึกไม่อยากอยู่ห้องเอาซะเลย
คราวนี้เราก็เลยหาที่พักที่มีห้องครัวและห้องนั่งเล่นด้วย จะได้รู้สึกเหมือนมาพักบ้านเพื่อนอะไรหยั่งงี้ มันดีกว่ากันเยอะเลย ขอบอก 😄
เราเลือกที่พักที่ SOHO เลยเพราะอยากอยู่ในย่านที่มีคนเยอะๆ หน่อยจะได้ไม่เหงา และที่สำคัญใกล้ที่เที่ยวทั้งหลายที่เราอยากไปด้วย แบบเดินถึงได้ง่ายๆ เลย ซึ่งที่นี่ตอบโจทย์มาก แต่ก็แลกกะราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่ 😤
ป.ล. ไล่อ่านรีวิวที่นี่ซะตาแฉะ กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนตอนไปเกาะสีชัง 😂
เราบอกเจ้าของบ้านไว้แล้วว่าจะขอ check-in เข้าบ้านเลยเพราะเครื่องลงตั้งแต่ 6 โมงกว่า กะเวลาโน่นนี่นั่นและเวลาเดินทางทั้งหมดน่าจะถึงที่พักประมาณ 9 โมงเช้า เจ้าของบ้านบอก มมปห แต่ช่วยจ่ายเพิ่ม 50 ปอนด์เป็นค่ารถให้คนดูแลบ้านเค้ามาเปิดประตูให้ก่อนเวลาหน่อย ซึ่งเราว่าคุ้มนะแลกกับการต้องรอถึงบ่ายสามซึ่งเหนื่อยมาก
ถึงแล้วบ้านเรา (ขอเรียกว่าบ้านนะ 😊)
บ้านน่ารักดี เป็น apartment แบบ 2 ห้องนอน ส่วนที่เป็นที่พักแขกจะมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องครัว
ซึ่งเจ้าของบ้านเค้าอยู่ด้วยใน apartment นี้แต่เค้าจะอยู่ในห้องส่วนตัวของเค้าและจะไม่มายุ่งกะแขกที่มาพักเลย ใช้แค่ทางเข้าบ้านร่วมกันเท่านั้น อืม เป็นส่วนตัวอยู่
ตอนไปถึงเจ้าของบ้านก็ไม่อยู่ไปต่างประเทศ จะกลับมาอีกทีวันที่ 27 เลย เดี๋ยวคงได้เจอกัน
เราก็ไม่เคยพักในบ้านที่ต้องแชร์ห้องกะเจ้าของบ้านมาก่อนเลย ตอนแรกก็กลัวๆ เหมือนกัน แต่อาศัยอ่านจากรีวิวนั่นแหละ และเราคิดว่ารีวิวใน airbnb เชื่อถือได้อยู่ ก็เลยตัดสินใจลองดูแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ
ใครสนใจที่พักก็คลิกที่ ลิงค์ นี้ได้เลยค่ะ (ป.ล. ไม่ได้รู้จักเจ้าของบ้านเป็นการส่วนตัวใดๆ แต่เค้าน่ารัก เฟรนด์ลี่ และที่พักดีเลยอยากแนะนำค่ะ 😊)
เก็บข้าวของเสร็จเราก็ออกไปหาเสบียงมาตุนก่อนเลย อากาศยามเช้าเย็นสบายกำลังดี
ถึงแล้ว M&S (Marks & Spencer) Supermarket ที่เราชอบมากๆ เพราะของน่ากินสุดๆ
สาขาใกล้บ้านร้านเล็กนิดเดียวเสียดายจัง…..แต่ถึงจะเล็ก ก็ได้ของมากองใหญ่อยู่ 😁
และมื้อเที่ยงวันนี้คือ…..อาหารแช่แข็งค่า เป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ
เหยยย อาหารเค้าอร่อยจริง จานนี้หมดเรียบในพริบตา
หลังจากอิ่มท้องก็ไปงีบแพร๊บนึงเพื่อเตรียมตัวออกไปเดินดูไฟคริสต์มาสคืนนี้
ชะแว๊บ ตื่นมาสดชื่น เปลี่ยนจากลุคซอมบี้มาเป็นผู้เป็นคนหน่อย ไป…ไปดูไฟคริสต์มาสกันค่ะ 🥳
เราเริ่มเดินจากถนน Charing Cross หน้าบ้านไปที่ Trafalgar Square ไฟสวยมากกก
เดินย้อนกลับมาที่ Leicester Square
ทะลุมา SOHO
เดินต่อไป Covent Garden
ออกมา Seven Dials
มาถึง Regent Street
และ Hilight ของ Regent Street
เห็นแต่ใน youtube ได้มาเห็นของจริง สวยมากกกกก 🤩
เดินต่อมาที่ Carnaby
คืนนี้คืนเดียว เราเดินเก็บไฟคริสต์มาสที่อยากมาดูได้หมดทุกที่เลย ชอบลอนดอนก็ตรงนี้แหละ เดินได้ทั่วถึงกันหมด แล้วตลอดทางที่เดินก็ไม่น่ากลัวเลยเพราะคนเต็มไปหมด
เรารู้สึกสนุกมากๆ เพราะมีคนเดินร่วมทางกะเราตลอดเวลาทำให้ไม่เหงาเลย 😄 ทุกคนดูตื่นตาตื่นใจกับไฟคริสต์มาสที่เห็นเหมือนกะเรา
นี่แค่วันแรกนะ เดินไปกว่า 19,000 ก้าวละค่ะ 🥴 หมดแรงวันแรกไปโดยสิ้นเชิง ขอกลับไปพักผ่อนก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่กับซีรียส์ London ตอนหน้าค่ะ
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊