Chapter 5 : Hong Kong Here I Come
เสริมศิริมงคลให้ชีวิตต้อนรับปีใหม่ ไหว้พระที่ฮ่องกงกัน
ครอบครัวเรามีธรรมเนียมว่า ทุกๆ ปีหลังเทศกาลตรุษจีน จะต้องไปไหว้พระที่ฮ่องกงเพื่อความเป็นศิริมงคล และขอให้การค้าเจริญรุ่งเรือง เราไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกไปฮ่องกง รู้แต่ว่าเค้าไปกันสี่ห้าปีแล้วก่อนที่เราจะมาร่วมทริปด้วย
อาจจะเพราะพี่เราเคยไปไหว้พระขอลูกแล้วสำเร็จ เลยถือเป็นข้ออ้างว่าจะต้องไปไหว้พระขอบคุณเจ้าที่ฮ่องกงทุกปีนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจ้าจะโกรธ (อันหลังนี่เราพูดเอง 😁)
ส่วนอาเรามีความเชื่อว่าการไหว้เจ้าที่ฮ่องกงจะช่วยให้การค้าขาย การทำธุรกิจเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น เพราะฮ่องกงก็เป็นประเทศที่เด่นเรื่องการค้าขายใช่มะ และคนฮ่องกงก็ชอบไหว้พระขอพรกันมาก เพราะฉะนั้นเจ้าที่โน่นต้องเด่นเรื่องการค้าขายชัวร์…😆
ส่วนตัวเราอะไรที่ใครว่าดี เราไม่มีปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะเราก็ชอบไหว้พระเหมือนกัน เราเชื่อว่าหากขอพรอะไรก็ตาม ตัวคนขอก็ต้องเป็นคนดี คิดดี ทำดีด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านถึงจะเมตตาให้พรตามที่เราอธิษฐาน จริงมะ (แม๋แต่เรื่องคู่นี่ไม่มาซักทีนะท่าน 🤣)
ทุกครั้งที่ไป เราจะจัดทริปแค่สามวันสองคืน และไปให้ได้ 9 วัด แรกๆ ที่ไปกัน รู้สึกจะไปกันแค่ 7–8 วัดเพราะยังไม่รู้จักวัดมากพอ อาศัยได้ยินใครแนะนำว่าวัดไหนศักดิ์สิทธิ์ก็ใส่เพิ่มเข้าไปในลิส จนตอนหลังได้ครบ 9 วัด พวกเราเคยไปแบบ 4 วันด้วย แต่ปรากฎว่าเยอะวันไปหน่อยจนเบื่อ เพราะเอาจริงๆ ที่เที่ยวในฮ่องกงเราก็มีโอกาสไปมาเกือบหมดแล้ว เลยไม่รู้จะไปไหนอีก เลยสรุปว่าทริปฮ่องกงนี่แค่ 3 วัน 2 คืนคือลงตัวสุดละ
ก่อนเดินทาง พี่สาวเราผู้เป็นนักวางแผนชั้นเลิศก็จะจัดทริปก่อนเลยว่างวดนี้ในแต่ละวันจะต้องไปวัดไหนมั่ง จากนั้นก็เช็คไฟลท์เดินทางซึ่งเราก็ใช้สายการบินแห่งชาติอีกเช่นเคย และก็จะต้องเป็นไฟลท์ที่ออก 8 โมงเช้าจะได้ไปถึงฮ่องกงประมาณเที่ยงๆ และขากลับจะถึงไทยประมาณ 3 ทุ่มเพื่อไม่ให้ดึกเกินไป
ส่วนโรงแรม เราเลือกพักที่โรงแรม Gateway Marcopolo ย่าน Tsim Sha Tsui กันมาตลอด เพราะมันสะดวกที่จะไปไหนมาไหน หาของกินก็ง่าย ร้านอาหารที่กินประจำก็อยู่ละแวกนี้หมด ที่ช็อปปิ้งก็อยู่หน้าโรงแรมเลย ไม่ต้องไปไหนไกล ก็เลยไม่เคยไปใช้บริการโรงแรมอื่นเลย และโรงแรมก็ renovate ใหม่ดูทันสมัย สวยงาม สะอาดสะอ้าน ห้องพักถือว่าขนาดโอเค ไม่เล็กจนเกินไป มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
หลังจากจองโรงแรม จองตั๋วเครื่องบิน จากนั้นก็จองรถ ทุกปีสมาชิกที่ร่วมเดินทางก็จะเป็นคนในครอบครัวมีกันประมาณ 15 คน เราก็จะเช่ารถบัสคันใหญ่ 1 คันเลยจะได้นั่งกันสบายๆ เพราะสมาชิกบ้านเราแต่ละคนเป็นคนไซส์ใหญ่กันทั้งนั้น เรื่องของเรื่องเคยลองเช่ารถบัสไซส์เล็กที่เค้ารองรับประมาณ 16 ที่นั่ง นั่งเบียดกันซะเหน็บกิน 🥴 เลยไม่เอาแล้วจ้า ขอรถใหญ่เลยดีฝร่า
อ้อ อีกเรื่องสำหรับคนรักการกิน ร้านอาหารทุกร้านควรจองไปก่อนล่วงหน้าด้วยนะ ไม่ว่าจะไปกี่คนก็ตาม เพราะร้านอร่อยๆ มักจะเต็มเสมอ เพราะฉะนั้นจองไว้ก่อนดีที่สุด
ปีแรกๆ ที่เราเริ่มไปไหว้พระที่ฮ่องกง จะมีคนรู้จักที่เป็นคนฮ่องกงไปวัดกะพวกเราด้วย เพื่อช่วยสื่อสารกับคนขับรถว่าเราจะไปวัดไหนกันมั่ง เพราะคนขับเค้าก็ไม่ได้รู้จักทุกวัด
แต่ปีหลังๆ เราเห็นควรกันว่าการไหว้พระมันก็ต้องมีหลักการกันหน่อย มีวิธีการไหว้ การขอพรที่ถูกต้อง message ที่ขอจะได้ส่งถึงเจ้าท่านจริงๆ ไม่ใช่ไหว้กันแบบไม่ถูกวิธี เดี๋ยวเจ้าท่านจะไม่ได้ยินคำอธิษฐานของเรา (บ้านนี้จริงจังมากนะบอกเลย 🤣🤣🤣) เลยเริ่มลองใช้ไกด์ local ช่วยแนะนำวิธีการไหว้ที่ถูกต้อง
ปรากฎว่าดีแฮะ ผู้ใหญ่ชอบ เพราะเค้าจะบอกว่าให้ทำไง ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ เพราะอะไร คือ มันก็อาจจะเป็นกุศโลบายอ่ะนะ เพื่อให้พวกเค้ามีงานทำ แต่เราก็เห็นว่ามันก็ดูดีมีหลักการกว่าตอนที่พวกเราไหว้กันเองจริงๆ แหละ ก็เลยมีไกด์ไปด้วยตั้งแต่นั้นมา
เอาล่ะ เรามาดูกันว่า ทริปไหว้พระที่พวกเราไปมาปีล่าสุด 2019 เราไปวัดไหนกันมั่ง เผื่อมีคนสนใจไหว้พระ 9 วัดที่ฮ่องกง จะได้มีข้อมูลเพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ จากเราที่จะพอเป็นประโยชน์มั่ง
เริ่มจากวันแรก เครื่องถึงฮ่องกงประมาณเที่ยง ออกจากสนามบินปุ๊บ หาไรกินกันจุ๊บจิ๊บนิดหน่อยที่สนามบิน จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปวัดแรกของทริปกันเลย สมาชิกพร้อม !!! ปีนี้มีสมาชิกมาร่วมทริปเพิ่ม 4 คน คึกคักกันใหญ่ (สว.เยอะนะกรุ๊ปเนี๊ยะ 😁)
- Wong Tai Sin Temple หรือ วัดหวังต้าเซียน
เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ชาวฮ่องกงให้ความศรัทธาวัดนี้กันเป็นอย่างมาก มีชื่อเสียงเรื่องการขอพรเรื่องสุขภาพ
ที่วัดนี้จะมีเทพทั้งหมด 5 องค์ ได้แก่ เทพเจ้าหวังต้าเซียน, เจ้าแม่กวนอิม, ศาลเจ้าที่, เทพหยุคโหลว และศาลของท่านขงจื้อ ซึ่ง hi-light ของวัดนี้คือ…เทพหยุคโหลว เทพเจ้าแห่งความรัก หรือที่คนเรียกกันว่าเทพเจ้าด้ายแดงนี่เอง
เชื่อกันว่า ใครที่ต้องการขอเรื่องคู่ เรื่องความรัก ท่านนี่ศักดิ์สิทธิ์นักแล เค้ามีวิธีการไหว้แนะนำให้ด้วยนะ มีทั้งวิธีการพันด้ายที่นิ้ว วิธีการขอพร ซึ่งละเอียดยิบย่อยมากเราจำรายละเอียดไม่ค่อยได้ สามารถหาอ่านได้ในพันทิปนี่แหละค่ะ คนแชร์กันเพียบ (เราก็ไม่พลาดขอกะเค้ามั่ง 🤣)
นอกจากนั้นที่วัดหวังต้าเซียน ยังมีห้องใต้ดินที่มีเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยประจำปีเกิดด้วย เราสามารถเข้าไปไหว้พระเพื่อทำบุญแก้ปีชงได้ด้วย ข้อดีคือเค้าไม่ให้จุดธูปที่ห้องนี้เลยไม่เหม็นควันเลย (อ้อ ในห้องเค้าไม่ให้ถ่ายรูปนะ เราเผลอถ่ายไปแล้วถึงได้รู้ 😅)
2. Chi Lin Nunnery หรือ วัดนางชี
เป็นวัดขนาดใหญ่มาก มีแต่แม่ชีพำนักอยู่ที่นี่ ไม่มีพระเหมือนวัดอื่นๆ
วัดนี้ถูกสร้างในรูปแบบของราชวงศ์ถังซึ่งในการก่อสร้างวัดนี้ไม่มีการใช้ตะปูเลย สวยงามมากๆ และที่ไม่น่าเชื่อคือวัดถูกห้อมล้อมด้วยตึกสูงมากมาย แต่ภายในเงียบสงบมาก ในวัดจะมีสระบัวและต้นบอนไซเต็มไปหมด นอกจากนั้นข้างในวัดแต่ละห้องก็จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน เราสามารถเข้าไปไหว้ได้ แต่เค้าห้ามถ่ายรูป
ออกจากวัดเดินตรงไปเรื่อยๆ จะมีสะพานหิน เราสามารถเดินข้ามมาได้จะเจอสวน Nan Lian สวยมาก เป็นสวนขนาดใหญ่ มีต้นไม้เต็มไปหมด ร่มรื่น สวยงามมาก
โดยส่วนตัว เราชอบวัดนี้มากที่สุด เพราะไม่วุ่นวายเลย คนก็ไม่มาก ด้วยความที่วัดมีขนาดใหญ่มาก ทำให้ไม่รู้สึกแออัดเลย
จบวันแรกของทริป ที่ 2 วัดนี้ค่ะ จากนั้นก็เดินทางไปโรงแรม พักผ่อนเล็กน้อย แล้วก็ออกไปทานข้าวเย็นกัน ซึ่งเราก็มักจะไปร้านประจำก็คือ Chuk Yuen เป็นร้านขายอาหารทะเล อยู่ถนน Hankow เดินจากโรงแรมไม่ถึง 10 นาทีเอง เมนูเด็ดของร้านนี้มีเยอะนะ แต่ที่สั่งกันประจำก็เป็นกั้งทอดกระเทียม พลาดไม่ได้
วันที่ 2 ของทริป วันนี้เราไปลุยฝั่ง Hong Kong กัน เริ่มจาก
3. Hung Hom Kwun Yum Temple หรือ วัดเจ้าแม่กวนอิมฮองฮำ
วัดนี้เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากอีกวัดนึงของฮ่องกง เป็นวัดขนาดเล็ก ข้างในเลยจะอบอวลไปด้วยควันธูปและแสบตาสุดๆ 🥴
มีความเชื่อกันว่า ในแต่ละปีจะมีวันทำพิธียืมเงินเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งในวันนั้นคนจะเยอะมากกกก ใครที่มาอธิษฐานขอยืมเงินเจ้าแม่ไปทำมาค้าขายแล้วประสบความสำเร็จ ก็จะนำเงินที่ยืมไว้มาคืนเจ้าแม่ แต่เรายังไม่เคยไปยืมท่านเลย เคยแต่ไหว้ขอให้ท่านคุ้มครองเฉยๆ
4. Man Mo Temple หรือ วัดหมั่นโหม่ วัดที่เก่าแก่ที่สุดของฝั่งฮ่องกง
ชื่อวัด มาจากชื่อเทพ “หมั่น” ซึ่งเป็นเทพแห่งวรรณกรรมหรือเทพฝ่ายบุ๋น และ “โหม่” ซึ่งเป็นเทพแห่งสงคราม หรือเทพฝ่ายบู๊
ในสมัยก่อนใครที่อยากขอพรเรื่องการศึกษา หรือการสอบให้ได้เป็นจอหงวนมักจะมากราบไหว้ขอพรกันที่วัดนี้ (ในรูปเป็นตัวแทนของเทพหมั่น แต่ไม่ได้ถ่ายอีกฝั่งมาเพราะคนเยอะมาก แสบตาไปหมด 🥴)
ช่วงเช้าจบไปสองวัดก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี เที่ยงวันที่สองพวกเรามักจะไปที่ร้าน Seven Son ที่อยู่ฝั่งฮ่องกงนี่แหละ เป็นร้านที่อร่อยมาก อาหารจะเป็นแนวติ่มซำ ของขึ้นชื่อก็เป็นหมูหัน ซึ่งอร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ หนังกรอบมาก ไม่มีกลิ่นเลย เราซึ่งปกติไม่ค่อยชอบหมูหัน ยังรู้สึกว่าของเค้าเด็ดจริงๆ นอกจากนั้นติ่มซำทั้งหลายก็อร่อยมาก ใครมีโอกาสมาทานร้านนี้อย่าพลาดสั่งเมนูนี้มาลองชิมกันนะคะ
อิ่มท้องจากมื้อเที่ยงละ ก็ไปต่อกันเลยที่
5. Yuen Yuen Institution Temple หรือ วัดหยวนหยวน ออกจากฝั่งฮ่องกงกลับมาฝั่งเกาลูน
วัดนี้เป็นวัดเดียวในฮ่องกงที่เผยแพร่ศาสนาหลักของจีนทั้ง 3 ศาสนาในวัดเดียวกัน คือ พุทธ, เต๋า และขงจื้อ วัดจะอยู่บนเนินเขาซึ่งห่างออกมาจากตัวเมืองพอสมควร ทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบ ร่มรื่นมาก
highlight ของวัดนี้คือ วิหารสวรรค์ที่เป็นอาคารรูป 6 เหลี่ยม สร้างขึ้นตามแบบของวัดท้องฟ้า Tian Tan ของเมืองปักกิ่งประเทศจีน ชั้นล่างสุดของวิหาร 6 เหลี่ยมจะมีเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยประจำปีเกิดให้ผู้คนเข้าไปกราบไหว้เหมือนที่วัดหวังต้าเซียนด้วย ซึ่งคนนิยมไปไหว้พระทำบุญแก้ปีชงที่วัดนี้กันมาก
6. Western Monastery สำนักสงฆ์ฝั่งตะวันตก หรือ อุทยานพระโพธิสัตว์กวนอิม
เป็นวัดที่อยู่ติดกับวัดหยวนหยวนเลย เดินตรงออกจากวัดหยวนหยวนประมาณ 5 นาทีก็จะพบกับสำนักสงฆ์นี้ (แต่เดินเหนื่อยนิดนึงนะ เพราะทางเดินจะขึ้นเนินชันนิดๆ ผู้ใหญ่เดินจะลำบากนิดหน่อย)
ภายในวัดมีเจดีย์ 9 ชั้นที่สวยงามมาก ซึ่งภายในบรรจุพระพุทธรูปองค์เล็ก 10,000 องค์ และ 5 ร่างอวตารของพระพุทธเจ้าด้วย
นอกจากนั้นที่วัดนี้ยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม พร้อมกับร่างอวตารต่างๆ ของท่านอีกจำนวนมากมาย
7. วัดพระใหญ่เทียนถาน หรือ พระใหญ่นองปิง
การไปวัดนี้จะต้องนั่งกระเช้านองปิงขึ้นไป (แนะนำว่าให้ซื้อตั๋ว online ล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วซึ่งแถวจะยาวมาก)
กระเช้าก็จะมี 2 แบบ คือแบบ Standard และ Crystal ซึ่งแบบ Crystal จะเป็นแบบที่มีพื้นกระเช้าเป็นกระจก สามารถมองเห็นวิวข้างล่างได้ สวยและหวาดเสียวไปพร้อมๆ กัน 😆 (ขอโทษด้วยที่ไม่มีรูปประกอบความเสียว เนื่องจากถ่ายไว้แล้วคงเผลอลบไป หาไม่เจอ 😅)
ลงจากกระเช้าจะเป็นเจอกับร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ร้านกาแฟข้างบนมากมาย สำหรับคนที่ไม่อยากเดินขึ้นไปที่องค์พระ ก็สามารถนั่งรอที่นี่ได้ แต่คณะเราใจสู้ เดินกันไม่หวั่นแม้ไขข้อจะไม่ค่อยอำนวยแล้ว 🥴
จุดไหว้พระขอพรที่วัดนี้ จะมีตำแหน่งที่เราต้องยืนด้วยนะ เพื่อการขอพรส่งคำอธิฐานไปยังพระใหญ่เทียนถานจะได้ส่งตรงถึงท่าน ซึ่งจะอยู่ที่ลานวงกลมหน้าองค์พระใหญ่ ที่จะเป็นวงกลมวงเล็กที่สุด เปรียบเสมือนเป็นจุดรับพลัง แต่ถามว่าเราได้เข้าไปยืนมั้ย ตอบเลยว่าไม่ คนเยอะมาก ต้องเข้าแถวรอ เราเลยขอไหว้จากมุมอื่นแทน
เอาน่า ถ้าเราคิดดี ทำดีซะอย่าง จะยืนตำแหน่งไหนท่านก็คงเมตตา รับฟังคำอธิษฐานขอพรของเราเหมือนกันเนอะ 😄
เสร็จจากวัดพระใหญ่เทียนถาน ก็เป็นอันจบการทัวร์ไหว้พระวันที่ 2
มื้อค่ำวันนี้ พวกเราจองร้านอาหารเล็กๆ ไว้ซึ่งร้านอยู่ในฝั่งฮ่องกง ชื่อร้าน The Chairman Restuarant
อาหารร้านนี้อร่อยถูกปากเกือบทุกอย่าง กินกันพุงแตกอีกเช่นเคย (อย่าถามชื่อเมนูนะ เพราะเราก็ไม่รู้ มีหน้าที่คือกินอย่างเดียว 😋) หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อยก็พาพุงอ้วนๆ กลับโรงแรม
ปล. ปกติเราไม่ได้ถ่ายรูปอาหาร แต่ละร้านที่ไปเลยไม่มีรูปอาหารหน้าตายั่วๆ มาให้ดู (ต้องขอโทษด้วยค่ะ 😅) แต่สาเหตุที่ร้านนี้มีภาพอาหารประกอบ เพราะน้องชายถ่ายไว้
วันที่ 3 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว หลังจาก check out ออกจากโรงแรม พวกเราก็เดินทางไปที่
8. Man Fu Ji Temple (Ten Thousand Buddhas Monestery) หรือ วัดหมื่นพุทธ
จริงๆ แล้วสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่วัดเพราะไม่มีพระจำวัด แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าวัดเพราะมีรูปปั้นพระพุทธรูปจีนในท่วงท่าต่างๆ ถึงหมื่นกว่าองค์รายล้อมอยู่ตามทางเดินขึ้นวัด
ทางขึ้นวัดจะต้องเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ บันไดเป็นขั้นสั้นๆ ไม่ชันนักเดินได้สบายอยู่ เราไม่เคยนับได้เลยว่ามีบันไดทั้งหมดกี่ขั้นเพราะเหนื่อยซะก่อน 🥴 แต่คาดว่าน่าจะประมาณเจ็ดแปดร้อยขั้นได้มั้ง
กว่าจะขึ้นถึงวัดก็เหนื่อยและเมื่อยขาเอาการอยู่ แต่ผู้ใหญ่อายุ 76 อย่างแม่เราก็ยังสามารถเดินขึ้นได้นะ ใช้เวลานานหน่อยซักครึ่งชั่วโมงแต่ก็ถึง ยิ่งถ้าไปช่วงเดือนมีนาคมที่อากาศยังเย็นๆ อย่างที่เราไปยิ่งเดินสบาย
ข้างในวัดนอกจากมีพระพุทธรูปแล้ว ก็จะมีเจดีย์ซึ่งมีป้ายชื่อมากมายเรียงรายอยู่ โดยที่ทางวัดจะทำพิธีสวดมนต์ให้กับชื่อต่างๆ เหล่านี้ปีละ 1 ครั้งเพื่อความเป็นศิริมงคล โดยจะเป็นได้ทั้งชื่อของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วหรือจะเป็นชื่อของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ เราสามารถติดต่อที่ office ของวัด ถ้าหากมีป้ายว่างทางวัดก็จะใส่ชื่อเข้าไปให้ แล้วเราก็เสียค่าใช้จ่ายในการทำพิธีให้กับทางวัด
หลังจากไหว้พระกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินลง เดินขึ้นว่าเมื่อยแล้วนะ เดินลงนี่เมื่อยกว่ามาก เพราะต้องเกร็งขากันซะน่องแข็งเลย 😆
ออกจากวัดหมื่นพุทธแล้วเราก็ไปกินอาหารเที่ยงต่อเลย เพราะที่วัดนี้ใช้เวลาเดินขึ้น-เดินลง กว่าจะถึงรถก็เที่ยงพอดี เรามักจะไปกินข้าวเที่ยงกันที่ร้าน Lei Garden Restaurant อยู่ใน New Town Plaza ซึ่งเดินทางจากวัดหมื่นพุทธประมาณแค่ 10 นาทีเอง เราว่าร้านนี้เป็นร้านติ่มซำที่อร่อยมากร้านนึงเลยนะ
9. Che Kung Temple (แชงกงหมิว) หรือ วัดกังหัน เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากอีกวัดนึงที่คนไทยนิยมไปไหว้พระกันมากๆ เราไปทีไรต้องเจอคนไทยทุกครั้ง ดาราไทยดังๆ ยังเคยเจอด้วยน้า 😁
วัดกังหันจะเป็นวัดสุดท้ายของทริปเสมอ เพราะจากวัดไปสนามบินไม่ไกลมาก ภายในอาคารวัดจะมีรูปปั้นท่าน Che Kung สีทองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ (จริงๆ ท่านเป็นนักรบ แต่ด้วยคุณงามความดีที่ท่านปกป้องประเทศ ทำให้ชาวฮ่องกงยกย่องท่านให้เป็นเทพองค์นึง และสร้างวัดเพื่อเป็นที่ระลึกถึง) ขนาบข้างด้วยกลอง และกังหัน (ที่หน้าตาเหมือนพัดลมโบราณ)
หลังจากไหว้ท่าน Che Kung แล้ว ก็ให้ตีกลองบอกให้ท่านรับรู้แล้วเดินไปหมุนกังหันที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ โดยให้หมุนกังหันไปตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง เพราะเชื่อกันว่าเมื่อเราหมุนกังหัน ใบพัดของกังหันจะช่วยปัดเป่าเอาสิ่งไม่ดีออกไป และรับสิ่งดีๆเข้ามาแทน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนที่ไปไหว้พระจะเยอะมาก ทางวัดก็จะเอากังหันมาตั้งที่เต็นท์ด้านนอกเพื่อให้คนเข้าไปหมุนแทน
เมื่อเสร็จจากการไหว้พระที่วัดกังหันแล้ว พวกเราก็จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งการจัดทริปตามนี้จะทำให้เราไปได้ครบทุกวัดตามที่ต้องการ สามารถใช้เวลาในแต่ละวันแบบพอดีๆ ไม่เหนื่อยเกินไป และปิดทริปไปสนามบินแบบเวลาพอดีๆ ไม่ต้องกระหืดกระหอบไปสนามบิน หรือมีเวลาเหลืออยู่ที่สนามบินนานเกินไป เรียกว่าพี่เราเป็นนักบริหารจัดการเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
หลังจากไหว้พระครบ 9 วัดแล้ว พวกเราก็จะรู้สึกอิ่มเอิบกันมากๆ เพราะร่างกายจะอบอวลไปด้วยควันธูปทุกวัน 🥴 55555 ล้อเล่น เรารู้สึกดีมากๆ เลยนะที่มีโอกาสดีๆ แบบนี้ทุกปีที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัว ได้มาไหว้พระด้วยกัน ได้กินของอร่อยๆ ด้วยกัน ได้เฮฮาด้วยกัน
การได้มีเวลาแบบนี้ร่วมกันมันทำให้คนในครอบครัวสนิทสนมกันมากขึ้น เรียกว่าเป็น quality time ที่ครอบครัวเราจะให้ความสำคัญกับมันเสมอ เสียดายมากๆ ที่ปี 2020 เจอ Covid-19 เข้ามาเล่นงานซะจนต้องยกเลิกทุกทริปรวมทั้งทริปไหว้พระนี้ด้วย ซึ่งจริงๆ เราได้แพลนทุกอย่างแล้วทั้งจองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จองรถ จองร้านอาหาร เพราะเรากะจะไปกันต้นเดือนมีนาคมเหมือนทุกปี แต่โชคดีมากๆ ที่เราสามารถยกเลิกทุกอย่างได้ และขอ refund เงินคืนได้หมด
ปี 2021 อาจจะมีหวังที่จะเริ่มเดินทางไปต่างประเทศได้บ้าง แต่ก็คงไม่ใช่ช่วงต้นปี ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่มีทริปไหว้พระฮ่องกงปี 2021 แน่ๆ เท่ากับเราอดไปเที่ยวฮ่องกง 2 ปีติดกันเลย 😩 น่าเสียดายจริงๆ แต่ไม่เป็นไรไหว้พระ 9 วัดที่ไทยแทนก็ได้เนอะ ดีเหมือนกันหมดแหละ คิดดี ทำดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเทศไหนๆ ก็ช่วยปกป้องคุ้มครองเราเสมอเนอะ 😊
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😄