ชิมไวน์ ชมวิวที่ Hammondsport
Chapter 60/4: Good Taste Great View @Hammondsport
Blog นี้เราจะออกจากเมือง Swan Lake มุ่งหน้าขึ้นเหนือไป Upstate New York เพื่อไปยังเมือง Hammondsport กันค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ไกลพอสมควรแต่มีวิว 2 ข้างทางให้เพลิดเพลินไปตลอดทางแน่
วันที่ 7 ตื่นเช้ามาเจ้าของบ้านเค้าก็โชว์ฝีมือระดับมิชลินทำพิซซ่าให้พวกเราทานกัน อิ่มแปร้ไปเลย จากนั้นก็ร่ำลากันและเริ่มออกเดินทางได้ค่ะ
คณะที่จะเดินทางกันวันนี้เหลือกัน 5 คนเพราะหลานชายกลับไปโรงเรียนละ เดี๋ยวเข้าเมือง NY ละค่อยมาเจอกันใหม่ แต่กระนั้นก็เกือบนั่งไม่ลงเหตุเพราะสัมภาระที่เยอะอยู่แล้ว ยังถูกเพิ่มเติมบางส่วนอิตอนไป Woodbury Common Outlet นี่แหละ และความที่ดิชั้นเป็นสมาชิกที่ตัวเล็กที่สุดในคณะนี้จึงเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ไปนั่งเบาะหลังเคียงคู่กองสัมภาระไปโดยปริยาย 😑
ระหว่างทางก็แวะตามจุดพักรถกันเป็นระยะๆ ปั๊มที่อเมริกาก็ดีมากนะ ห้องน้ำสะอาด แต่ส่วนใหญ่จะมีแค่ห้องเดียว บางเมืองเวลาจะเข้าต้องขอกุญแจจากเจ้าของปั๊มเพราะเค้าจะล็อกกุญแจไว้เสมอป้องกันคนไร้บ้านมาอาศัยหลับนอน
เราแวะที่ McDonald’s หาอะไรรองท้องกัน ด้วยความที่ไม่ได้กิน Mc มานานนนนนมาก ไม่เคยรู้เลยว่าชิ้นมันจะเล็กขนาดนี้
แต่ก็โอเค กินหมดพอดี
นั่งมาเพลินๆ ก็ถึงเมือง Hammondsport ละค่า
เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ขนาดกะทัดรัด (หมายถึงเล็กมากนั่นเอง 😆) ขับรถวนๆ นิดนึงก็รอบเมืองละค่ะ บ้านที่เราเช่าอยู่นอกตัวเมืองไปอีกประมาณ 20 นาที เป็นบ้านอยู่ในหุบเขาเลยแหละ ตอนจองอยากได้อารมณ์กระท่อมกลางป่าไง พอมาเจอจริงๆ แอบอ้างว้างเหมือนกัน
บ้านเป็นบ้านชั้นเดียว ดู homey อบอุ่นน่ารักดี มีความเป็นชนบทมาก
จอดรถเสร็จก็เข้าบ้านทางประตูหลังเลยสะดวกดี เข้าบ้านมาจะเจอกับห้องครัวที่ค่อนข้างใหญ่ พี่สาวเป็นคนหาบ้านอีกเช่นเคย เลือกเพราะครัวนี่แหละ แล้วครัวเค้าก็สวยตรงปก ของใช้ครบครันมากๆ
ถัดมาเป็นโต๊ะกินข้าวที่อยู่ในมุมที่เหมาะเจาะมากๆ ได้แสงธรรมชาติจากระเบียง
ถัดมาเป็นห้องรับแขกที่เราชอบมาก
เดินผ่านประตูหน้าบ้านซึ่งพวกเราไม่เคยใช้เลย อีกฝั่งจะเป็นโซนห้องนอน บ้านหลังนี้มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และโซฟาด้านนอกทำเป็นโซฟาเบดได้
ความที่อากาศเย็น เรารู้สึกขอบคุณพรมขึ้นมาเลยมันช่วยให้บ้านอุ่นขึ้นมาเยอะเลย บ้านนี้เค้าปูพรมทั้งหลังเลยนะ ยกเว้นโซนครัวและกินข้าว ปกติเราจะแพ้ฝุ่นแต่โชคดีอยู่บ้านหลังนี้ไม่เป็นอะไรเลย
ชอบบรรยากาศในบ้านมากๆ เลย ห้องทุกห้องเจ้าของบ้านเค้าใส่ใจในการตกแต่งให้แขกที่มาพักรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเลย
ไม่ลืมที่จะต้องมีเครื่องซักผ้า อบผ้าให้พร้อม
มาดูหลังบ้านกันมั่งค่ะ เค้ามีสวนหลังบ้าน (หรือควรจะเรียกว่าป่าหลังบ้านดีเนี่ย 😆) ที่กว้างใหญ่มากๆ ไม่รู้กลางคืนจะเจอตัวอะไรออกมาหาอาหารมั้ยเนี่ย อุ้ย! พูดละเสียวเหมือนกันนะ
เสียดายช่วงกลางคืนจะมีแมลงค่อนข้างเยอะ ไม่งั้นคงได้ออกมานั่งเล่นกันบ้าง
เอาจริงเราก็สงสัยเรื่องการเลือกบ้านของคนที่นี่เหมือนกันนะ ทำไมเค้าช๊อบบชอบการออกมาอยู่ในชนบทมากๆ หมายถึงชนบทที่อยู่ในป่าแบบบ้านหลังนี้เลยอ่ะนะ ทำไมเค้าไม่เข้าไปอยู่ในตัวเมืองกว่านี้ซักหน่อย เพราะมันค่อนข้างเปลี่ยวมากๆ เลย แทบไม่มีรถผ่านมาให้เห็นเลยซักคัน นี่คงแสดงว่าประเทศเค้ามีความปลอดภัยสูงด้วยใช่มะ เราคงไม่เจอ Jason หรือฆาตกรต่อเนื่องวิ่งถือเลื่อยไฟฟ้ามาไล่ล่าพวกเราหรอกเนอะ 😱
เอาล่ะ พูดจาเพ้อเจ้อกันไปใหญ่ละ (แต่หลานสาวเห็นบรรยากาศแถวนี้แล้วบอกว่ากลัวซอมบี้มากๆ เออดูๆ ไปก็ได้อยู่นะ 😣) ออกไปหาข้าวเย็นกินกันดีกว่า ต้องขับรถเข้าเมืองอีก
แล้วพวกเราก็ดั๊นนมาเวลาดีมาก เป็นช่วง Easter พอดี ร้านเริ้นใน Hammondsport ก็ปิดหมดจ้า อ้าววว…ละจะกินอะไรกันละเนี่ย เปิด Google Map ดูที่เมือง Bath ข้างๆ มีร้านอาหารจีนเปิดอยู่ และเชื่อมะเป็นร้านอาหารร้านเดียวที่เปิดอยู่ในละแวกนั้นเลย…รอดตายละพวกเรา 🤩
ด้วยความหิวลืมตัวอีกละ สั่งกันมาทั้งหมด 6 อย่าง เป็นไงล่ะ กินไม่หมดอีกตามเคย ลืมไปว่าอาหารที่นี่ portion เค้าใหญ่มากๆ 😅
จบการรีวิววันนี้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ
วันที่ 8 วันนี้จะไปแอ่วไร่องุ่นชิมไวน์สวยๆ กันจ้า แต่ก่อนอื่นต้องเติมพลังงานวันนี้ด้วยอาหารเช้าที่เลิฟมากๆ ข้าวต้มและกับข้าว
อิ่มละ ไปสำรวจเมือง Hammondsport กัน
Hammondsport เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ทางใต้ของทะเลสาป Keuka Lake 1 ในกลุ่มของทะเลสาป Finger Lakes (ฟิงเกอร์ เลค)
Finger Lakes คือกลุ่มทะเลสาปน้อยใหญ่ 11 แห่งที่มีรูปทรงเรียวยาวเหมือนนิ้วมือเกาะกลุ่มเรียงตัวกันก็เลยถูกขนานนามว่า Finger Lakes นั่นเอง
นอกจาก Hammondsport จะขึ้นชื่อเรื่องที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ขึ้นชื่อของฝั่งตะวันออกอีกด้วย และนั่นคือสาเหตุที่พวกเราอยากมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง 😁
ตัวเมืองของ Hammondsport เล็กมากๆ แบบเดินวันเดียวก็เที่ยวหมดแล้วล่ะ แต่ถึงเมืองจะเล็กแต่มีความน่ารักมากๆ เลย
ที่นี่มีสวนสาธารณะชื่อ Depot Park สวยมากกกกก น้ำโคดใส
แดดดีสุดๆ มางวดนี้มีดำแน่ๆ
เราแวะไป Supermarket ที่เมื่อวานเค้าปิดเพราะเทศกาล Easter ไปหาของเพิ่มเติมนิดหน่อย
แล้วก็พบเข้ากับเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ
ทุกคนดูนี่ นี่เมืองเล็กกะจิ๋วหลิวนะ แต่เค้ามี craft beer ขายโคดเยอะ ไม่เคยเห็นยี่ห้อเบียร์เยอะขนาดนี้มาก่อน ละลานตาไปหมด ทีแรกกะจะหาเบียร์ดื่มเล่นๆ ซักป๋องสองป๋อง นี่เลยต้องยืนเลือกกันอยู่นานเลย 😆
ออกจาก supermarket ก็แวะกินไอศครีมร้านเดียวในเมืองนี้ เป็นไอศครีม Home made ที่รสชาติใช้ได้ไม่หวานเกินไป แล้วร้านนี้เค้าขายอาหารเช้าด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาชิมกัน
สำรวจเมืองกันจนทั่วก็ได้เวลาออกไปเที่ยวไร่ไวน์กันแล้วค่ะ
ที่แรกที่เรามากันคือ Point of the Bluff Vineyards
เป็นร้านเล็กๆ ที่มีโต๊ะ Tasting อยู่แค่ 2 โต๊ะ เพราะฉะนั้นต้องจองมาก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวอด
เค้าจะให้ไวน์ลิสมา เรามีหน้าที่ติ๊กเลือกไวน์ที่อยากชิม โดยทั่วไปแล้วร้านเค้าจะแบ่งประเภทไวน์ไว้เพื่อให้เราเลือกง่ายขึ้น Tasting Set ที่เราซื้อราคา $15/คน ชิมได้คนละ 5 แก้วค่ะ
พนง.จะอธิบายไวน์แต่ละตัวให้เราฟังว่าเป็นยังไง เราก็ชิมไปฟังไป รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง 😅
ป.ล. พี่เขยซึ่งรับหน้าที่คนขับได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ดมกลิ่นอย่างเดียว เรายังเข้มข้นเรื่องเมาไม่ขับกันค่ะ ไม่ต้องห่วง 🫡
ไปต่อไร่ที่สองกันค่ะ Dr. Konstantin Frank หนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดในตะวันออกของอเมริกา ผลิตไวน์กันมาถึงสี่ชั่วอายุคนแล้ว wow!
ร้านนี้ใหญ่กว่าร้านแรก มีคนมา Tasting กันหลายโต๊ะเลย
เริ่มหิวละเลยสั่ง Cheese board มาแกล้มด้วย อาหย่อย
แล้วก็ร้านสุดท้าย Domaine Leseurre Winery ชิมกันจนกรึ่ม 🤣
ร้านนี้น่ารักมากเลย
แถมวิวด้านนอกมองออกมานี่สุดยอด
เอาจริงไร่ไวน์ทั้ง 3 ที่ที่เราไปมาดีเหมือนกันหมด บรรยากาศดี โดยเฉพาะที่สุดท้าย สวยมากกกก ไวน์รสชาติดีใกล้เคียงกันเลย (ตามประสาคนดื่มไปเรื่อย แค่รสชาติถูกปากก็ถือว่าดีแล้ว 😁) มาเที่ยวนี้ถือว่า mission completed ได้ประสบการณ์ชิมไวน์ที่ไร่ในที่สุด
สำหรับ Blog นี้ก็มีที่เที่ยวมาแนะนำประมาณนี้ค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้ากะที่เที่ยวสวยๆ ที่ใหม่นะคะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊
