กว่าจะได้ App ดีๆ คน KBTG ต้องฝ่ากี่ด่านอรหันต์

อย่างที่พวกเรารู้กันว่า KBTG หรือ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ Spin-off มาจากธนาคารกสิกรไทย เพื่อโฟกัสการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเงินตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ พัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้กับ KBank พร้อมดูแลชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น

จากปี 2016 จนถึงปัจจุบัน เราได้สร้างนวัตกรรมและให้บริการแอปพลิเคชันมาแล้วมากมาย หากนับรวมแอปพลิเคชันที่เราใช้กันทั้งภายในและนอกองค์กร คน KBTG พัฒนาแอปมาแล้วร่วมๆ 1,000 แอป และถ้าพูดถึงแอปพลิเคชันที่เป็นที่รู้จักและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนไทย เราก็มีทั้งแอปพลิเคชันที่แสดงความเป็นกสิกรไทยอย่างชัดเจน ให้บริการลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดีและแอปพลิเคชันที่โดนเด่นด้าน Innovation ที่เข้ามาตอบโจทย์ชีวิตประจำวันให้ทุกคนสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

• ไม่ว่าจะเป็น K PLUS แอป Mobile Banking อันดับ 1 ของประเทศ ทั้งจากจำนวนผู้ใช้งาน ความพึงพอใจของลูกค้าและความเสถียรที่สุด
• หรือจะเป็น Mobile Banking อีกตัวหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กัน นั่นคือ MAKE by KBank มีจุดเด่นในเรื่องการเป็นตัวช่วยจัดการเงิน เปิดเพียงหนึ่งบัญชี สามารถแยกได้หลายกระเป๋า กับฟีเจอร์หลัก “Cloud Pocket” ที่สร้างได้ไม่จำกัด ช่วยให้คุณแบ่งเงินในบัญชีเป็นกระเป๋าย่อย ๆ ตามเป้าหมาย เช่น กระเป๋าเงินเก็บ กระเป๋าค่าใช้จ่าย กระเป๋าเที่ยว และอื่น ๆ
• มาที่แอปพลิเคชันด้านการลงทุนกันบ้าง Kubix ICO Portal ผู้ให้บริการระบบเสนอขาย Digital Token การลงทุนรูปแบบใหม่ ที่จะทำให้การลงทุนกับไลฟ์สไตล์ของคุณเป็นเรื่องเดียวกัน
• ต่อมาเป็นตัวช่วยในการเรียกเก็บเงิน หารบิลต่างๆ ที่ใครหลายคนใช้งานจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเช่นกัน ขุนทองเป็น Chatbot ใน LINE ที่จะส่งบิลเรียกเก็บเงินในแชทกลุ่มหรือส่วนตัว จะใช้ Mobile Banking ไหนก็จ่ายได้ และขุนทองจะช่วยเช็คให้ว่าใครจ่ายแล้วและแจ้งเตือนคนที่ยังไม่จ่ายได้ด้วย
• มาถึงแอปพลิเคชันที่ครองใจพ่อค้าแม่ค้าอย่าง K SHOP กันบ้าง K SHOP เป็นแอปพลิเคชันจัดการร้านค้า รับเงินทุกรูปแบบ แจ้งเตือนเงินเข้า ตอบโจทย์ร้านค้าออนไลน์และเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้าน
• และ Coral แพลตฟอร์ม NFT (Non-Fungible Token) Marketplace หรือสินทรัพย์ดิจิทัลงานศิลปะ ที่สามารถซื้อขายด้วยเงินบาท แบบไม่ต้องแลกเหรียญคริปโท

แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า

“กว่าจะได้แอปดีๆ คน KBTG ต้องฝ่ากี่ด่านอรหันต์”

วันนี้คนวงใน คนใต้โต๊ะทำงาน KBTG จะมาเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่าที่มาของด่านอรหันต์นั้นมาจากไหน แต่แน่นอนว่าความโหดนั้นไม่เกินจริงแน่นอน!!

ด้วยความที่ KBTG เราถูกก่อตั้งมาเพื่อเป็นหนึ่งด้านเทคโนโลยีและ Innovation คำเหล่านี้มักมาพร้อมกับความคาดหวังเรื่องความล้ำและความเร็ว ดังนั้นเราจึงได้พื้นที่ในการคิด การค้น และการทดลองสิ่งแปลกใหม่ทันสมัยอยู่เสมอ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เรื่องเล่นๆ อย่างการหารเงินค่าข้าวกับเพื่อนจนเกิดเป็น “ขุนทอง” จนไปถึงความ Innovative เรื่อง User Experience และ System Infrastructure ที่ใหญ่ระดับประเทศอย่าง “K PLUS”

แต่ลำพังความล้ำและความเร็วนั้นไม่สามารถทำให้แอปพลิเคชันของเราเรียกได้เต็มปากว่าเป็นแอปที่ดีได้ ลองนึกภาพตามว่าถ้าน้องขุนทองเจ๋งมากๆ เพราะช่วยเราหารค่าข้าวและเรียกเก็บเงิน แถมตามและสรุปยอดให้ได้ด้วย แต่เงินที่หารให้ดันผิด บัญชีที่โอนไปไม่ถูกคน หรือ K PLUS ที่รองรับผู้ใช้งาน 20 ล้านคนกลับชอบล่มทุกทีเวลาเงินเดือนออก จะสแกนจ่ายค่าข้าวก็เกิดสแกนไม่ได้ขึ้นมา แบบนี้ถึงจะล้ำและเร็วแค่ไหน ก็ไม่น่าจะเรียกว่าแอปที่ดีได้

อ่านมาถึงตรงนี้ยังไม่ต้องตกใจ เพราะนอกจาก KBTG เราจะถือธงเรื่องเทคโนโลยีแล้ว อีกมุมหนึ่งเรายังเป็นบริษัทลูกของธนาคารกสิกรไทยด้วย ขึ้นชื่อว่าธนาคาร ก็จะต้องมีคำคู่กันคือ Trust ความเชื่อมั่น ความวางใจ เพราะธุรกิจธนาคารจะอยู่ไม่ได้เลยถ้าลูกค้าไม่ Trust และยิ่งเป็นธนาคารกสิกรไทยด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องสงสัยในความเอาจริงเอาจังกับคำนี้

จุดนี้เองจึงทำให้เกิดด่านอรหันต์ให้คน KBTG ได้ฝ่ากัน เพราะเรายึดเรื่อง Innovation และ Trust ควบคู่กันเสมอ

ถ้าทุกคนรู้ที่มาและเข้าใจความเป็น KBTG ของพวกเรามากขึ้นแล้ว ก็ขอพามารู้จักกับด่านอรหันต์ที่จะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ Regulation, Business และ Delivery

Regulation ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้

ด่าน Regulation หรือระเบียบข้อบังคับ ไม่ว่าจะทำแอปพลิเคชันอะไรก็แล้วแต่ ต้องเริ่มจากด่านนี้ก่อนเลย Regulation คือด่านที่มีคำตอบแค่ Yes กับ No อะไรที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อประกาศ เราจะไม่สามารถดำเนินการได้เด็ดขาด

ยกตัวอย่างเช่น การที่ KBTG จะทำแอปพลิเคชันใดๆ นั้น ต้องดูว่าเป็นการดำเนินการภายใต้กิจของธนาคารหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะขายอาหารหรือให้บริการส่งพัสดุ อะไรแบบนี้ก็จะสามารถทำได้ ดังนั้นก่อนเริ่ม Coding บรรทัดแรก เราต้องฝ่าด่าน Regulation ให้ได้ก่อน เมื่อเช็คระเบียบข้อบังคับต่างๆ ผ่านแล้ว จึงสามารถผ่านไปด่านต่อไปได้

Business ทำอะไร ลูกค้าได้อะไร

ด่าน Business ที่ครอบคลุมตั้งแต่คำถามแรกว่าแอปพลิเคชันนี้ทำอะไร เพื่อใคร ลูกค้าได้ประโยชน์อย่างไร เพื่อให้เกิด Requirement สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันไปจนถึงการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ งาน Operation นำไปสู่การวางแผน User Journey ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมไปถึงการสื่อสารทางการตลาด การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และประเมินงบการเงิน

เรียกได้ว่าหาก KBTG จะออกแอปพลิเคชันอะไรออกมานั้น เราจะรับผิดชอบต่อลูกค้าเป็นอย่างดีและดูแลแบบ End to End เพราะเราผ่านด่าน Business กันมาแล้วตั้งแต่แรก

ในด่านนี้หากคิดเรื่อง Business มายังไม่รอบด้านหรือซ้ำซ้อน พิจารณาแล้วลูกค้าไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ลงทุน ก็หมายความว่าพวกเราจะต้องกลับไปเตรียมตัวกันมาใหม่ เพราะเราอยู่ในวงการการเงิน ทุกการลงทุนต้องคุ้มค้า และลูกค้าต้องได้ประโยชน์

Delivery ทำอย่างไรให้ดีที่สุด

Delivery เป็นด่านสุดท้ายที่มีรายละเอียดเยอะสุดๆ เมื่อเราผ่านเกณฑ์ Regulation มาแล้ว และ Business ก็ประกอบร่างกันมาอย่างดี ได้ Journey ที่ครบถ้วน ถึงเวลาที่เราจะลงมือทำให้แอปพลิเคชันดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

ก่อนจะกระโดดเข้าไปพัฒนาแอปพลิเคชัน เรายังมีด่านแรกกว่านั้น นั่นคือ Solution Review การที่ทีม Delivery ได้ออกแบบ Solution มาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะเริ่ม Coding ได้ทันที แต่ต้องผ่านการอนุมัติ Solution ก่อน เพราะคณะนี้จะรวมพี่ๆ ตัวท็อปในแต่ละด้านไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยให้มั่นใจว่าทุกแอปพลิเคชันได้รับการออกแบบอย่างละเอียดที่สุด ปิดความเสี่ยงได้มากที่สุด และใช้วิธีที่เป็น Practice ที่ดี ที่ Align กันใน KBTG ซึ่งความรู้ความชำนาญเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาแอปพลิเคชันของทีม Delivery

มาถึงขั้นตอนการ Coding ที่เราก็จะมีด่านย่อยๆ ในทีมกันเอง ทำ Peer Review โค้ดกันตลอดทาง จนเมื่อโค้ดเรียบร้อย ผู้พัฒนาก็ไม่ลืมที่จะผ่านด่านตัวเองด้วยเช่นกัน นั่นคือการทำ Unit Test ให้ผ่านก่อนส่งต่อไปยังทีม Test ที่เรามีทั้ง Manual Test และ Automated Test แบ่งตามความเหมาะสมในแต่ละแอปพลิเคชัน

ไม่เพียงแค่ด่านเรื่อง Functional เท่านั้น เรายังมีการทดสอบ NFT หรือ Non-Functional Test ที่ประกอบด้วย Load​ Test, Volume​ Test, Stress​ Test, Availability​ Test และ Endurance​ Test เพื่อให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันของเรานั้นไม่เพียงแต่ทำงานได้ถูกต้องตามดีไซน์ แต่ยังมีประสิทธิภาพในการรองรับการใช้งานตามที่ Business ได้ประเมินไว้ด้วย ให้ทุกคนลองนึกภาพว่าในวันเลขเบิ้ลอย่าง 12.12 เวลาเที่ยงคืน ทุกคนรอซื้อของออนไลน์และใช้ Mobile Banking พร้อมกันทั้งประเทศ หนึ่งใน NFT ก็จะโดนทดสอบจำลองสถานการณ์นี้เช่นกัน เพื่อให้มั่นใจเวลาเวลาสำคัญแห่งการแย่งชิงโปรที่ดีที่สุดของลูกค้าจะไม่สะดุดเพราะแอปพลิเคชันของเรา

แต่ด่านอรหันต์ยังไม่หมดแค่นี้ เรายังมีการทำ Pentest หรือ Penetration Test ซึ่งก็คือการจำลองการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อทดสอบความปลอดภัยของระบบ มองหาช่องโหว่เพื่อปิดมันก่อนเปิดให้บริการ ให้ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่ามาตรฐานความปลอดภัยเช่นนี้ เราก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน

และแล้วก็มาถึงด่านที่เข้าใกล้การ Deploy เข้าไปทุกที ถ้าเราฝ่าด่านนี้ไปได้ เราก็จะได้เข้าสู่การเตรียม Deploy แล้ว ซึ่งด่านนี้ก็คือ UAT หรือ User Acceptance Test เรามีคนทดสอบเป็น Programmer Tester และผู้เชี่ยวชาญด้าน Security ไปแล้ว ถึงตาของ User หรือ BU ที่ดูแลเรื่อง Product กันบ้าง ด่านนี้บอกเลยว่าละเอียดทุกมิติ เพราะไม่เพียงแต่แอปพลิเคชันจะทำงานถูกต้องเท่านั้น แต่ User Interface ยังต้องถูกแบบ ตรงตามดีไซน์เป๊ะๆ อีกด้วย แล้วแอปจะมารันช้า โหลดนาน User ไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ เพราะนั่นหมายถึงคุณภาพของแอปพลิเคชันที่พาไปสู่นิยามสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “แอปที่ดี”

ดูแล้วอาจมีหลายคนสงสัยว่าต้องทำทั้งหมดนี่เลยหรือ และดูเหมือนว่าเนื้องานส่วน Coding จะกลายเป็นส่วนน้อยไปเลย ความจริงแล้วกระบวนการและด่านอรหันต์ทั้งหมด กลับเป็นประโยชน์ต่อตัว Programmer และทีมงานเอง เพราะจะได้ประสบการณ์ที่รอบด้านในการออกแบบและวางแผนครั้งต่อไป เราจะเก่งและรอบคอบขึ้น เป็นการลงแรงที่คุ้มค่าแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ ที่บริษัทจะมี Practice ที่แน่นปึ้กขนาดนี้ เรียกว่าได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะลูกค้าของเรา

ด่านอรหันต์ที่เราฝ่ามา บอกได้เลยว่าเยอะและไม่ง่าย แต่ถ้าเราเข้าใจถึงความสำคัญในทุกกระบวนการแล้ว จะรู้เลยว่าเป็นด่านที่ควรค่าแก่การฝ่าฟัน เพราะทุกด่านที่ผ่านไปได้ มันคือการการันตีคำว่า “แอปดีๆ” ได้ครบทุกด้านในแบบฉบับของคน KBTG

สำหรับใครที่ชื่นชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตาม Medium: KBTG Life เรามีสาระความรู้และเรื่องราวดีๆ จากชาว KBTG พร้อมเสิร์ฟให้ที่นี่ที่แรก