ชีวิตนักเรียน CCNA ในต่างแดนก่อนมาทำงานกับ KBTG
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน ในบทความที่แล้ว เราได้พูดถึงเดือนแรกของการเริ่มต้นงานใหม่กับ KBTG ไปแล้วนะคะ หากใครยังไม่ได้อ่าน สามารถลองเข้าไปอ่านก่อนได้เลย
ในส่วนของบทความนี้จะขอพาทุกท่านย้อนเวลาไปดูชีวิตนักเรียน CCNA ของเราในต่างประเทศกันค่ะ
เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสบินไปเรียน CCNA Short Courses ที่ London Metropolitan University ประเทศอังกฤษ เป็นเวลาถึง 6 เดือนเต็ม วันนี้เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ผ่านบทความนี้ค่ะ
CCNA คืออะไร? เกี่ยวกับอะไร?
เริ่มแรกขอพูดถึง CCNA ก่อนนะคะ ซึ่งหลายคนในวงการเทคคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่รู้จัก มาทำความรู้จักไปพร้อมกันเลยค่ะ
CCNA ย่อมาจาก Cisco Certified Network Associateค่ะ เป็น Certificate ที่รับรองและวัดความรู้ด้านพื้นฐานเกี่ยวกับระบบ Network นั่นเอง ซึ่งทาง Cisco Network Academy ก็มีเปิดสอนสำหรับผู้ที่สนใจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำไปสอบค่ะ แต่เชื่อมั้ยว่าใครๆ ก็เรียนได้ ไม่ต้องจบสาย Network โดยตรงก็เรียนได้และสอบได้ค่ะ อย่างเพื่อนร่วมคลาสของผู้เขียนเอง เป็นถึงผู้จัดการร้านอาหารในลอนดอน แต่ก็มีความคิดอยากเปลี่ยนสายงาน เขาจึงตัดสินใจมาเริ่มเรียนคอร์สนี้ค่ะ
ในส่วนของคอร์สเรียนที่เราได้มีโอกาสไปเรียน จะแบ่งออกเป็น 3 คอร์สย่อยๆ ด้วยกัน คือ
- Introductions to Network
- Switching, Routing, and Wireless Essentials
- Enterprise Networking, Security, and Automation
แต่ละคอร์สเรียนอะไร? เรียนยากมั้ย?
สำหรับคอร์สแรก Introductions to Network ก็ตามชื่อเลยค่ะ จะเป็นคอรส์ที่ปูพื้นฐานสุดๆ ให้กับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย แต่สำหรับใครที่พอมีพื้นความรู้มาบ้าง ถือว่าได้เป็นการทบทวนไปในตัวค่ะ และเมื่อเรียนจบเซคชั่นนี้แล้ว จะมีการสอบวัดผลทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยเกณฑ์คะแนนวัดผลคือต้องผ่าน 70% ขึ้นไปค่ะ (แอบโหดใช่มั้ยล่ะ)
ต่อมาเป็น Switching, Routing, and Wireless Essentials ค่ะ หลังจากที่เราผ่านคอร์สแรกมาแล้ว คอร์สนี้จะได้ลงมือปฏิบัติเยอะขึ้นค่ะ เพราะจะเกี่ยวกับ Command ที่ใช้ในการ Config อุปกรณ์ Router และ Switch เรียกได้ว่าเป็นคอร์สที่สนุกอยู่เหมือนกันค่ะ อาจารย์จะให้เราจับกลุ่มและช่วยกัน Config อุปกรณ์ตามโจทย์ และใช่ค่ะ เรียนจบแล้วก็มีสอบเช่นเคย แต่การสอบปฏิบัติจะเป็นการสอบแบบ Open Book นะคะ สำหรับใครที่เคยผ่านการสอบแบบนี้ จะรู้ว่าไม่ได้ง่ายและสบายอย่างที่คิดค่ะ เพราะสิ่งที่จดกับสิ่งที่สอบนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถค่ะ
สุดท้ายคือคอร์ส Enterprise Networking, Security, and Automation ในคอร์สนี้จะเรียนเกี่ยวกับอุปกรณ์ Security หรือการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายค่ะ ได้เรียนรู้ถึงประเภทของการคุกคามเครือข่ายแบบต่างๆ รวมถึงการป้องกัน หรือแม้กระทั่งการดีไซน์เครือข่าย การจัดการเครือข่าย ส่วนนึงที่น่าสนใจคือการนำ Automation มาช่วยงานนั่นเอง เช่น REST, APIs ในส่วนของการสอบนั้นถือว่ายากที่สุดเลยค่ะ เหมือนเราต้องใช้ความรู้จากทั้งสองคอร์สก่อนหน้ามาใช้ประกอบด้วย เพราะฉะนั้นในการสอบคอร์สนี้ เราจะอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะ ฝึกซ้อมโจทย์เยอะมาก จนในที่สุดเราก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ
พูดถึงเนื้อหาของคอร์สเรียนกันไปพอสมควร ต่อจากนี้จะขอรวบรวมเป็นลิสต์ FAQ เล่าถึงประสบการณ์โดยรวมและการเตรียมตัวไปเรียนค่ะ
Q: เตรียมตัวยังไง? ใช้เอกสารอะไรสมัครเรียนบ้าง?
A: เอกสารที่ใช้สมัครเรียนก็เหมือนทั่วไปเลยค่ะ คือใบรับรองจบการศึกษาแบบภาษาอังกฤษ, ทรานสคริปแบบภาษาอังกฤษ และใบผลสอบ IELTS ค่ะ จากนั้นก็กรอกใบสมัครผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเลย โดยปกติจะเปิดรับทั้งแบบ Full-Time และ Part-Time อยู่ช่วงมกราคม พฤษภาคม และ กันยายน เมื่อสมัครแล้วผ่านเกณฑ์จนได้ใบตอบรับจากมหาวิทยาลัยแล้ว จึงนำมาใช้ประกอบการขอวีซ่าต่อไปค่ะ
Q: ไม่เก่งภาษา ไปเรียนจะไหวมั้ย?
A: ต้องบอกก่อนว่าทางมหาวิทยาลัยมีเกณฑ์การเข้ารับสมัครเรียนอยู่นะคะ โดยผู้สมัครเรียนจะต้องมีคะแนน IELTS Overall ไม่น้อยกว่า 5.5 และทุกพาร์ทจะต้องไม่น้อยกว่า 5 ค่ะ ซึ่งคะแนนสอบจะมีอายุ 2 ปี หากพร้อมสอบแล้ว ก็ไปสอบไว้ก่อนได้เลยค่ะ ถ้าสอบผ่านเกณฑ์ดังกล่าวได้ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะ หรือหากฟังไม่ทันจริงๆ สามารถยกมือถามอาจารย์หรือถามเพื่อนร่วมชั้นได้ค่ะ
Q: ทำไมเลือกไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ? แล้วชีวิตที่นั่นเป็นยังไง?
A: เป็นคำถามที่คนรู้จักเราถามกันมาหลายคนเลยค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราหาข้อมูลเรื่องคอร์สเรียนเองตาม Google ซึ่งในมุมมองของเรา เราว่าสิ่งแรกที่จะได้จากการไปเรียน CCNA คือความรู้ทางด้าน Network แน่นอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะได้ตามมาเลยคือเรื่องภาษาค่ะ เพราะเราต้องใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ต้องพูด ต้องสื่อสารกับอาจารย์หรือเพื่อนร่วมชั้นตลอด และอย่างสุดท้ายที่เราได้มาเต็มๆ เลยคือประสบการณ์ชีวิตค่ะ เริ่มจากการตื่นเช้าขึ้นรถไฟไปเรียน ต้องไปให้ทันด้วยนะคะ เพราะรถสาธารณะที่นี่ตรงเวลามากๆ นอกจากรถเสียอย่างเดียวค่ะที่จะทำให้ดีเลย์ นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวชมสถานที่ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยไป ฝึกดูแผนที่ ฝึกดูป้ายบอกทางให้เป็น ที่สำคัญอีกอย่างนึงของที่นี่คือเวลาข้ามถนนต้องกดปุ่มเพื่อรอสัญญาณไฟ ไม่ต้องกลัวรถจะชนเลย ส่วนอาหารการกิน เรามักจะชอบกินเบอร์เกอร์ค่ะ เพราะง่าย สะดวกและไม่แพง มื้อเย็นเราจะกลับมาทำอาหารกินเองที่บ้าน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากเลย
Q: ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยทุกวันมั้ย? ได้เข้ากิจกรรมของมหาวิทยาลัยบ้างหรือเปล่า?
A: คอร์สของเราเป็น Part-time ค่ะ ซึ่งจะเรียนเย็นวันจันทร์-พฤหัสบดี วันละประมาณสามชั่วโมง อย่างที่บอกค่ะว่ามีทั้งทฤษฎีและเข้าแลปสลับกันไป ส่วนช่วงเช้าที่พอมีเวลา ก็อาจจะไปนั่งเล่นที่ห้องสมุดหรือเข้ายิมบ้าง ถ้าวันไหนทางมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรม เราก็มักจะลงทะเบียนไปเข้าร่วมอยู่ตลอดค่ะ เราได้เพื่อนใหม่จากการเข้ากิจกรรมเยอะมาก รวมถึงได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน เพราะเพื่อนกลุ่มเรามาจากหลากหลายประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นคนอังกฤษเอง อินเดีย หรือประเทศอื่นๆ แถบตะวันออกกลาง ซึ่งเราสนุกและมีความสุขมากเลยค่ะที่ได้มาเรียนที่นี่ ทุกคนช่วยกันเรียน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีมากเลย
Q: เรียนเป็นคอร์สสั้นๆ จบแล้วได้ใบประกาศมั้ย?
A: ได้ใบประกาศค่ะ เมื่อเรียนจบแต่ละคอร์สย่อยๆ จะมี Certificate of Course Completion ออกให้นักเรียนในคลาสทุกคนค่ะ โดยอย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือต้องสอบให้ผ่านเกณฑ์ และถ้าหากใครเรียนจบทั้งสามคอร์สแล้ว อยากไปสอบใบ Certificate ที่เป็น CCNA เลยก็สามารถสมัครสอบได้ แต่ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ ไม่ได้รวมอยู่ในคอร์ส แต่ถ้าใครที่ไปสอบได้ใบมาแล้ว เอามายื่นสมัครงาน เชื่อว่ายังไงก็ได้เรียกสัมภาษณ์ค่ะ
สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็อยากฝากถึงใครๆ ที่อยากหาประสบการณ์หรืออยากเรียนเพิ่มเติมว่าคอร์สสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือนก็เป็นอีกตัวเลือกนึงให้ผู้ที่สนใจหาความรู้ได้ลองเลือกเรียนดูค่ะ อาจจะเหมาะกับคนที่อยากทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยแบบสบายๆ จริงๆ ก็มีอีกหลากหลายประเทศหรือแม้แต่ในไทยเองที่เปิดสอนคอร์สนี้ แต่ถ้าใครอยากหาประสบการณ์ไปด้วย จะบินไปเรียนในต่างประเทศก็ได้ค่ะ ซึ่งเรามองว่าหลายๆ อย่างนับเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าเลย และเราเชื่อว่าทั้งความรู้และประสบการณ์ที่ได้กลับมานั้นมากพอที่จะเอามาพัฒนากับงานในปัจจุบันหรืออนาคตอย่างแน่นอนค่ะ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวดีๆ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ จากชาว KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech