ช่วง COVID-19 พนง. KBTG & คนทั่วไปรู้สึกอย่างไร?
ในช่วงสถานการณ์ที่พวกเราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 เช่นนี้ ทุกคนคงจะเกิดทั้งความเครียดและความกังวลกันอยู่อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความกลัวว่าเราติดเชื้อแล้วหรือยัง หรือความเครียดแฝงที่มาโดยไม่รู้ตัวจากการ Work from Home ที่ต้องเปลี่ยนจากการนั่งทำงานในที่ทำงานเป็นที่บ้าน เผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง หรือการปรับตัวเข้ากับวิธีการทำงานแบบใหม่ วิถีชีวิตแบบใหม่ (New Normal) แม้กระทั่งความเครียดที่เป็นผลมาจากครอบครัว หรือบุคคลรอบตัวที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยตรง
ผลกระทบที่ได้จาก COVID-19 แน่นอนว่าความเครียดของแต่ละคนมีมากน้อย แตกต่างกันไป บางคนที่ปรับตัวได้เร็ว ความเครียดและความกังวลก็จะจางลงเหลือเพียงรอยบางๆ แต่บางคนที่ได้รับผลกระทบมากหน่อย หรืออาจปรับตัวได้ช้ากว่า ก็อาจจะมีความเครียดสะสมมากกว่าคนอื่นก็เป็นได้
เนื่องจากความเครียดเป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจของพนักงาน และเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นไม่ว่ากับใครก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้หลายองค์กรจึงรีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพนักงานของตนเองโดยทันที โดยแต่ละองค์กรมีวิธีการวัดระดับความเครียดของพนักงานแตกต่างกันออกไป แต่วิธีหนึ่งที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก คือ การทำ Pulse Check Survey กับพนักงานที่พวกเขาดูแลอยู่นั่นเอง เพื่อดูว่าตอนนี้ทุกคนยังโอเคกันอยู่ใช่มั้ย และมีอะไรบ้างที่องค์กรต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือให้ตรงกับสิ่งที่พนักงานต้องการ
KBTG ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ใช้วิธีนี้สอบถามพนักงานทุกคน ภายใต้หัวข้อ “บอกให้เรารู้…คุณเป็นอย่างไรบ้าง” ในช่วงสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญกับ COVID-19 เช่นนี้
แบบสอบถามนี้ เราเริ่มทำกันหลังจากที่เริ่ม Work from Home ได้ประมาณ 1 เดือน โดยมีพนักงาน KBTG ที่ต้องเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านมากกว่า 90% ครั้งนี้เรามีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามจำนวนถึง 370 คน มาดูกันดีกว่าว่าในช่วงสถานการณ์แบบนี้ พวกเราทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้าง
1. ชาว KBTG 95% มีความคิดเห็นว่า ความเครียดจากสถานการณ์นี้อยู่ในระดับที่พวกเรายังรับมือได้ ในขณะที่ความคิดเห็นจากบุคคลทั่วไปที่ได้ตอบคำถามนี้ในแบบสำรวจเกี่ยวกับ COVID-19 (จาก Kincentric Thailand) อยู่ที่ 73%
เสียงส่วนหนึ่งของชาว KBTG บอกเราว่า KBTG เป็นองค์กรแรกๆ ที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from Home) ทำให้พนักงานคลายความกังวลที่ไม่ต้องออกไปเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อที่อยู่ภายนอก ทำให้ตนเอง ครอบครัว และคนใกล้ชิดปลอดภัย
อีกส่วนหนึ่งค่อนข้างจะมั่นใจกับความมั่นคงขององค์กร ผู้บริหารชี้แจงกับพวกเราอย่างชัดเจนว่าไม่มีนโยบายการลดพนักงานลงแต่อย่างใด เรายังคงรับพนักงานเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ เพื่อมารองรับการขยายและเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงสวัสดิการต่างๆที่พวกเรายังคงได้ครบเช่นเดิมทุกประการ!!! นอกจากนั้นองค์กรยังมีการช่วยเหลือพนักงานในระหว่างสถานการณ์นี้เพิ่มมากกว่าในสถานการณ์ปกติเสียด้วยซ้ำ
2. ชาว KBTG 97% มีความคิดเห็นว่า KBTG มีนโยบายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือพนักงานในช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้
ต่อเนื่องมาจากข้อที่ 1 เลย สิ่งนี้ค่อนข้างชัดเจนจากครั้งที่แล้วที่เคยเล่าไป และเรายังมีนโยบายช่วยเหลือเพิ่มเติมใน 1 เดือนผ่านมาอีกนะ นั่นคือนักจิตวิทยาและนักจิตแพทย์ที่คอยให้คำปรึกษาพวกเราแบบออนไลน์ อุ่นใจสำหรับพวกเราทุกคน รวมถึงวันลาพักร้อนที่เหลือมาจากปีที่แล้ว ผ่านไปเกือบครึ่งปี ไม่ได้ใช้หมดแน่ๆ เราก็ได้รับการอนุมัติให้ต่ออายุเวลาวันลาพักร้อนที่สะสมมาไปจนถึงเดือนกันยายนยาวๆกันไป
3. ชาว KBTG 98% มีความคิดเห็นว่า เราได้รับข้อมูลข่าวสาร และคำแนะนำจาก KBTG อย่างชัดเจน เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะที่ความคิดเห็นจากบุคคลทั่วไปที่ได้ตอบคำถามนี้ในแบบสำรวจเกี่ยวกับ COVID (จาก Kincentric Thailand) อยู่ที่ 91%
บทความก่อนหน้านี้ เราได้กล่าวถึงมาตรการที่เข้มงวด และแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนไปบ้างแล้วว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งมีเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว ะสิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเราอุ่นใจมากขึ้น คือถึงแม้เราจะทำงานกันคนละที่ แต่เรายังเหมือนใกล้ชิดกันตลอดเวลา โดย Chairman พี่กระทิงของพวกเราได้มีจัดรายการ Live สดผ่าน MS Team ในหัวข้อ “Live with Chairman — ห่างกาย แต่ใจเราไม่ห่างกัน” โดยพี่กระทิงจะมาอัพเดตให้ชาว KBTG ฟัง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์หรือนโยบายล่าสุด และทิศทางการทำงานที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ พร้อมกับตอบคำถามที่เคลียร์จบครบทุกประเด็นให้กับพวกเรา ขอบอกว่าเพื่อนๆของเราชอบ Session นี้มากเลยทีเดียว
และตอนนี้เราก็มาถึงการวางมาตรฐานใหม่สำหรับการปฏิบัติตัวที่เป็น New Normal หากเรากลับไปทำงานในออฟฟิศกันอีกครั้ง หลักการปฏิบัติที่พวกเราจะต้องทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? เอาไว้จะมาเล่าให้ทุกคนฟังในครั้งต่อๆไปกันนะคะ
4. ชาว KBTG 98% มีความคิดเห็นว่า ผู้บริหารระดับสูงมีความห่วงใยต่อพนักงาน
ข้อนี้ชัดเจนมากๆ ทุกครั้งที่เราพบเจอพี่ๆในที่ประชุม คำถามแรกมักจะได้ยินอยู่เสมอคือ ทุกคนสบายดีกันอยู่นะ และโดยเฉพาะ Chairman พี่กระทิงที่ได้กล่าวย้ำเตือนพวกเราอยู่เสมอ “ณ ขณะนี้ Priority ของพวกเราชาว KBTG ทุกคนไม่ใช่เรื่องงานแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องการรักษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัวนั้นต่างหากที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้”
5. ชาว KBTG 95% มีความคิดเห็นว่า พวกเราสามารถประสานงานกับเพื่อนร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเป็นการทำงานออนไลน์นอกสถานที่
แน่นอนว่าในโลกปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยซัพพอร์ตการทำงาน ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้นั่งทำงานด้วยกัน แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ช่วงแรกๆอาจจะต้องเรียนรู้วิธีการใหม่ๆบ้าง แต่ตอนนี้แน่นอนว่า ทั้งเพื่อนๆชาว KBTG และทุกๆคนเอง ก็สามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบนี้ได้แล้ว นี่คือโลกการทำงานที่เสมือนจริง และอาจจะกลายเป็น New Norm หรือ New Normal ของเราในอนาคตอันใกล้แล้วก็ได้
ในช่วง Work from Home นี้ เราสามารถนำกิจกรรมแทบทุกรูปแบบสำหรับชาว KBTG มาจัดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทั้งหมด เรายังคงใส่ใจเรื่องของ People เป็นหัวใจหลัก ไม่ว่าจะเป็น Meeting, Training, Sharing, Club Meeting, Engagement Activities หรือเร็วๆนี้เรากำลังมีกิจกรรมมอบรางวัล STAR Award ที่เป็นออนไลน์อีกด้วย (แอบตื่นเต้นเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง)
6. ชาว KBTG 81% มีความคิดเห็นว่า การจัดการทำงานออนไลน์นอกสถานที่ ทำให้ฉันมีความยืดหยุ่นในการบริหารเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้อย่างลงตัว
มาถึงข้อสุดท้ายแล้วอาจตกใจ ทำไมตัวเลขมันหล่นลง???
หลายๆคนคงเป็นเหมือนกัน คือเมื่อคุณนั่งทำงานที่บ้าน คุณอาจจะไม่สามารถบริหารเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้ลงตัวเหมือนเดิม เพราะสถานที่ไม่ได้เป็นตัวช่วยในการแบ่งเรื่องนี้ให้กับคุณแล้ว ในเมื่อที่บ้านและที่ทำงานคือที่เดียวกัน!!! และการที่นั่งทำงานอยู่เพียงแค่ที่เดียวนานๆ ไม่ได้ลุก หรือเปลี่ยนสถานที่เลย มันทำให้คุณเกิดความเครียดสะสมได้โดยที่ไม่รู้ตัว
ลองคิดดูง่ายๆ ถ้าคุณอยู่ที่ทำงาน และวันนั้นคุณมีตารางประชุมทั้งวัน คุณอาจได้เดินไปประชุมห้องนั้น ห้องนี้ หรือขับรถไปประชุมกับคนอื่นภายนอกสถานที่ แต่พอ Work from Home ที่ๆเดียวที่คุณจะอยู่คือ โต๊ะ เก้าอี้ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเท่านั้น และคุณได้นั่งอย่างนี้ทั้งวัน บางคนประชุมลากยาวไปถึงมืดค่ำ ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนกันเลยก็มี ปรับตัวให้ชินกันไว้ก่อนค่ะ เรากำลังเข้าสุ่ New Normal ที่เปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันไปแล้ว
ข้อนี้เรามี Tips & Tricks ง่ายๆ มาแชร์ด้วย เผื่อใครจะลองเอาไปทำดูก็ได้ เจ้าของไอเดียอย่างพี่กระทิงเค้าไม่หวงแน่นอน
- ประชุมแน่นขนาดไหน ก็ต้อง Break ให้กับตัวเองบ้าง ลองหาดูว่าอะไรคือ Mental Candy สำหรับตัวคุณ แค่ 5–10 นาที แวะไปทำสิ่งนั้นซักนิดก็ยังดี แค่ได้ออกไปยืนมองหน้าบ้านก็อาจจะทำให้คุณได้ผ่อนคลาย ไม่เชื่อลองทำดู
- หมั่นออกกำลังกาย ตั้งเป้าหมายง่ายๆ แต่ต้องมีวินัย ทำสม่ำเสมอ หลายองค์กรตอนนี้มีแข่งลดน้ำหนักกันแล้วด้วย มาลองดูกันมั้ยว่า พอได้กลับไปออฟฟิศแล้ว ใครจะฟิตและเฟิร์มกว่ากัน พี่กระทิงของเราก็ลดไปหลายกิโลเลยค่ะ!!!
- หนังสือเป็นอาหารสมองที่ดีสำหรับทุกคน และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี หากว่าใครที่ยังไม่รู้ว่าจะอ่านอะไรดี พี่กระทิงแนะนำเล่มนี้เลย “1st Round Essential Management” เล่มไม่หนามาก ฝึกภาษาไปด้วยในตัว
แต่ในขณะเดียวกัน หลายๆคนก็มีความเห็นว่า การ Work from Home นั้น ทำให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางวันละ 2–3 ชั่วโมง เวลาที่เหลือจากการเดินทางทำให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกที่คุณรัก หรือจะเอาเวลาที่เหลือจากการเดินทางนี้ไปนั่งทำงานเพิ่มขึ้นจากเดิม ก็ไม่มีใครว่าอยู่แล้ว ดีไม่ดี…นี่อาจเป็นการทำงานแบบใหม่ของเราในอนาคตก็เป็นไปได้ (New Normal) ที่เราอาจจะไม่ต้องเข้ามานั่งทำงาน 5 วันในออฟฟิศอีกต่อไป
เอาล่ะ…มาถึงช่วงท้ายแล้ว เราทุกคนขอเอาใจช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ดีขึ้นในเร็ววัน หลายคนอยากกลับมามีวิถีชีวิตเป็นเช่นเดิม อดทนกันอีกซักนิด และร่วมแรงร่วมใจกันรักษามาตรฐานของความปลอดภัยของตัวคุณและครอบครัวของคุณแบบนี้ไว้ ไม่นานเราจะผ่านช่วงนี้ไปด้วยกัน อย่าเพิ่งการ์ดตกกันนะ ให้กำลังใจสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังเครียดที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่
#สู้ๆนะคะทุกคน #เราจะผ่านไปด้วยกัน