วิ่งมาราธอนครั้งแรกในชีวิตกับ KBTG

Mente del mare
KBTG Life
Published in
4 min readJul 3, 2021

ในปี 2018 ฉันได้รับสิทธิ์ไปวิ่งมาราธอนฟรีของงาน MUANG THAI MARATHON 2018 จากทางบริษัท ใครลงชื่อก่อน 5 คนก็ได้รับสิทธิ์ไป เลือกได้ว่าจะวิ่งระยะไหน จะ 5, 10, 21 หรือ 42 กิโลเมตรในอีก 3 เดือนข้างหน้า แน่นอนว่าฉันเลือก 42 กม. และด้วยความไม่รู้จึงไปลองกูเกิ้ล ปรากฏว่าวิ่ง 42 กม. นั้นใช้เวลา 6 ชั่วโมง! เห็นแค่นี้ก็ปิด พร้อมกับคิดว่าจะทำยังไงดีให้ถึง 6 ชั่วโมง แผนแรก เดือนที่ 1 วิ่งให้ได้ 14 กม. เดือน 2 ได้ 28 กม. เดือน 3 ได้ 42 กม. ถ้าตอนซ้อมทำตามแผนนี้ได้ วิ่งจริงก็สบาย

วันแรกวิ่งบนลู่วิ่ง 10 นาทีด้วยโปรแกรมจากเครื่อง วิ่งเสร็จเหนื่อยชะมัด เมื่อยไม่ไหว วันต่อมาเอาอีกวันละ 10 นาทีทุกเย็น ขั้นต่อมาการจะวิ่งให้ได้ 6 ขั่วโมง เราควรยืนให้ได้ก่อน ดูหนัง อ่านหนังสือ ทำอะไรก็ได้ให้ยืนได้ 6 ชั่วโมง ถ้ายืนไม่ได้คงวิ่งไม่ไหว ทำจริงก็นั่งบ้างนิดๆ ยืนบ่อยๆ ทั้งวัน ลืมนับว่ากี่นาทีแล้ว ยืนมากกว่านั่งก็โอเคแล้วมั้ง ต่อมาพี่ที่ทำงานถามรู้จัก Pace หรือเปล่า? ไม่อ่ะ คืออะไร? 1 กม. เราวิ่งได้กี่นาที แสดงว่าวิ่งมาราธอนนี้เราควรวิ่งได้สักกิโลใน 8 นาที หรือ Pace 8 เราถึงจะรอดไม่โดน Cut Off ลองวิ่งให้เร็วสุดว่า 1 กม. เราทำได้กี่นาที สรุปได้ 5 นาทีแบบขาดใจ หายใจไม่ทัน

จะวิ่งทั้งทีเราต้องหาอุปกรณ์ เราขาดรองเท้า กางเกง เริ่มจากง่ายๆ กางเกงหาขาสั้นถูกๆ จบ รองเท้าไปหาข้อมูล เดินดูร้าน Outlet Square ข้างออฟฟิศ ซื้อทั้งทีต้องสีแดง สีแห่งชัยชนะ ยี่ห้อที่เลือกคือ Saucony เพราะชื่อแปลกดี คนขายสอนเลือกไซส์ให้เอา 3 นิ้วติดกันทาบไปที่หัวรองเท้า นั่นคือระยะห่างของขอบรองเท้ากับนิ้วเท้า แล้วให้ลองใส่ดูว่าคล่องมั้ย อีกเหตุผลที่เลือกรองเท้านี้เพราะเน้นความนุ่ม พื้นไม่แข็ง ยึดเกาะดี ในขณะที่หลายแบบเน้นพื้นแข็งวิ่งแล้วบาดเจ็บง่าย ได้เพียงความเร็วและการสปริง แต่มาราธอนเน้นอยู่นาน อะไรสบายเท้าน่าจะดีกว่า ส่วนถุงเท้าเพิ่งรู้ว่ามีสำหรับวิ่ง ก็ซื้อมาด้วยกันกับรองเท้าเลย ถุงเท้าต้องสั้น ระบายอากาศดี ยึดเกาะเท้า

เอาล่ะมีของแล้ว เช้าวันต่อมาวิ่งลู่ไปก่อนสัก 30 นาที ก่อนเริ่มต้องวอร์มยืดขาตามคำแนะนำของคู่มือของเครื่องวิ่งที่มีให้มา 5 ท่า เริ่มมีพลังแล้ว ย้ำอีกนิด 30 นาที พอดูปฎิทินจะครบเดือนแล้วนี่ วิ่งเพิ่มๆ สุดท้ายเดือนนี้ได้ไปสูงสุด 2 ชั่วโมงบนลู่ ส่วนระยะทางอย่าไปพูดถึง เพราะเดินมากกว่าวิ่งอีก แถมตอนทำยังเบื่อสุดๆ จนต้องเปิด Youtube หาวิดีโอสอนภาษาจีนฟังอ่านทีละคำ เพิ่มความหมาย ถึงจะไม่เข้าหัวดีกว่าไม่มีอะไรทำ เดือน 2 ต้องเร่งแล้วล่ะ 24 กม. ของเรา กลางวันที่บริษัทก็มีลู่วิ่งไปวิ่งแบบสบายๆ สักนิด แต่ฉันชอบวิ่งเครื่องเดินวงรีมากกว่า แน่นอนว่ายังไม่พอ วันหยุดตื่นตี 5 มาวิ่ง 3 ชั่วโมงยังได้ความเร็วไม่พอ วิ่งหายใจมีปัญหา เลยไปหาข้อมูลการนับจังหวะหายใจมาช่วย ฉันลองหลายแบบ เอาแบบง่าย 1 2 1 2 หายใจเข้า 1 วางเท้าซ้ายออก 2 วางเท้าขวา เริ่มโอเคขึ้น ได้นับก้าวก็เบื่อน้อยลงไปบ้าง

ได้เวลาแล้วที่เราต้องไปวิ่งข้างนอกดู โหลดแอปสักหน่อยสำหรับเก็บระยะทางกับ Pace ลองวิ่งที่สวนข้างเซน 2 มีสระอยู่ตรงกลาง ไปวิ่งตอนบ่าย วิ่งไปรอบๆ คนเยอะเหลือเกิน มีคนที่ดูเหมือนครูกับนักเรียน 2–3 คนมาวิ่งด้วยกัน กับอีกไม่กี่คน นอกนั้นมานั่งเล่น สูบบุหรี่ หนุ่มสาวจีบกัน ครอบครัวเดินเล่น มาขนาดนี้ต้องวิ่งแล้ว วิ่งเต็มสปีดพุ่งไปเลย คนนั้นขวางทางเดินช้าๆ เบี่ยงหลบคนนู้น เสียความเร็วเร่งขึ้น ดูแอปช้าไปเร่งอีก วนมาอีกรอบคู่นี้ยังเดินไม่ถึงไหน วิ่งต่อๆ แข่งกับคนที่วิ่งอยู่สักหน่อย แซงได้แล้ว พอหายใจไม่ทันก็ชะลอลง สูดอากาศเร่งต่อ หมดรอบแล้วเร่งต่อ เลยโค้งนี้ชะลอหน่อย วิ่งไปมองคนรอบๆ ไป ความเร็วช้าลง หายใจสบายขึ้น วิ่งไป 2 ชั่วโมง ได้ 14 กม. คูณ 3 ก็ 42 กม. พอดีเลย ฮ่าๆ

วิ่งเสร็จยังเดินสบายๆ หัวนมเจ็บหน่อยแต่ไม่ได้เลือดออกแบบภาพที่พี่ในทีมส่งมาขู่กันนี่หว่า คราวหน้าหาครีมทากันเจ็บ ตามด้วยแช่ขาในน้ำเย็นให้คลายกล้ามเนื้อจากการวิ่ง

หลังจากนั้นก็ไปวิ่งในสวนแถวบ้านแบบช้า พื้นขรุขระ ทางแคบ โค้งเยอะ เช้าๆ มีคนมาวิ่งกันเยอะ เห็นคนแก่วิ่งท่าแปลกๆ แต่เร็วสุดๆ ไม่อยากวิ่งกับคนอื่น คราวหน้ามาสายๆ ดีกว่า วันเสาร์ดันมีเด็กจากโรงเรียนข้างๆ มาวิ่งไล่จับ เล่นตีแบตอีก วันอาทิตย์ดีกว่าเพราะสวนโล่งไร้ผู้คน มีแต่คนสวนมากวาดพื้น ก่อนวิ่งวางน้ำ 1 ขวด ในพุ่มหญ้า เปิดแอปเริ่มวิ่ง หิวก็กินน้ำพักเป็นจังหวะ จบไปเดือนนี้วิ่งได้สูงสุด 14 กม. เหลือ 1 เดือน แย่แล้วไม่ไหวแน่เลย ใช้วิธีใหม่โดยตั้งความคิดทุกวันที่ตื่นมา ฉันทำได้วิ่งได้ นึกถึงเส้นชัย ยิ้มอย่างผู้ชนะ เพิ่มด้วยทุกวันตื่นตี 5 ออกไปวิ่งก่อนไปทำงาน ปรากฏว่าดีขึ้น เริ่มมีความเป็นไปได้แล้ว

ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่ทำได้ ในเมื่อตอนนี้ตื่นได้เร็วขึ้นก็ทำให้ไปถึงที่ทำงานไวขึ้น ถึงหน้าเมืองทองธานีประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เดินเข้าไปบริษัทเอง รีบๆ เดินหน่อย 30–40 นาทีก็ถึง ถือเป็นการออกกำลังกายไปด้วย ก่อนเดินตอนนั่งรถเมล์ปรับแอร์จ่อใส่ให้เย็น เวลาเดินลบแดดหน่อยจะได้เหงื่อไม่ออก เวลาเดินก็มองดูผู้คน ขับรถ กินข้าว เข้าออกซอยต่างๆ ในมือผมมีหนังสือที่เปิดอ่านไปด้วย เดินไปอ่านไปมองไปไม่นานก็ถึงจุดหมาย ให้ความรู้สึกเหมือนตอนผมอยู่ตึกราษฎร์บูรณะ บางครั้งผมจะเดินจากป้ายรถเมล์ไปถึงที่ทำงาน แล้วเดินขึ้นบันได 15 ชั้น ค่อยเดินไปเรื่อยๆ คิดๆ ไปอะไรที่ผมทำไว้ในอดีตมากมายมักดูเละเทะ แต่ผมจะหาทางนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในวันหนึ่ง เหมือนเวลาผมเล่น DOTA 2 ผมมักจะเล่นฮีโร่มั่วไปหมด ออกของหลากหลาย ไม่ยึดติดกับเพียงชัยชนะ ก็มักจะแพ้บ่อยๆ แต่ในหลายครั้งผมสามารถเอาสิ่งที่ดูมั่วๆ ทำให้เวิร์คได้ แล้วก็ชนะไปอย่างง่ายๆ แม้ศัตรูจะเก่งแค่ไหนก็ตาม

หลายวันก่อนถึงวันวิ่งจริง พี่ที่ทำงานให้อาหารเพิ่มพลังในตอนวิ่งด้วยเป็นน้ำดูด Energy Gel หาข้อมูลก่อนวิ่งเราต้องทำอะไรบ้าง กินของที่มีแป้งเยอะๆ ครัวซองต์ยัดไป 6 ก้อน มีรับของก่อนวิ่ง แจกเสื้อ แจก Bib เอาไปติดเสื้อแสดงระยะทาง เลขทะเบียนนักวิ่ง โฆษณา วิ่งเริ่มตี 1 จบ 7 โมงเช้า ส่วนพวกระยะทางสั้นกว่า จะเริ่มสั้นกว่าแต่จบเวลาเดียวกัน วิ่งบนทางด่วนปิดถนนไร้รถยนต์ ก่อนออกวิ่งเห็นลูกโป่งผูกหลังคนเป็นกลุ่ม มีเวลาบนลูกโป่ง สงสัยว่าคืออะไรจึงวิ่งเข้าไปถาม เลยรู้ว่าคือ Pacer หรือคนที่ต้องวิ่งในความเร็วระดับหนึ่งตลอด วิ่งตามก็จะจบเวลานี้เท่ากับที่ลูกโป่งเขียน ฉันเกาะติดลูกโป่งจบ 5.30 ชั่วโมง ถามว่าทำยังไงถึงเป็น Pacer เขาบอกว่าต้องสมัครเก็บไมล์ทุกสัปดาห์ ถึงเกณฑ์จะได้มาวิ่งฟรี พอเริ่มวิ่งก็มีกล้องเต็มไปหมด ถ่ายกันมันส์เลย อ้าวลองพุ่งนำ Pacer 5.30 ไปนิด แต่ก็ไกลกลุ่มนำมากๆ พวกนั้นเร็วจริงๆ วิ่งไปคุยไป เดินไปมองไป มีน้ำให้ดื่มเป็นจุดๆ ทั้งน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ มีห้องน้ำให้เข้า แต่ถึงปวดก็ไม่เข้าเพราะกลัวว่าถ้าเข้าอาจวิ่งต่อไม่ไหว เสียความเร็วอีก มองสองข้างทาง ทางหนึ่งมีตึก ถนน รถวิ่งนิด อีกทางเป็นทางด่วนโล่ง และมีจุดที่กั้นให้วิ่ง ไม่นานมีคนวิ่งไปถึงอีกด้านแล้ว พี่ที่ Pacer บอกพวกนั้นเป็นนักวิ่งแข่ง บางคนมาล่ารางวัล ที่นำอยู่เป็นคนผิวสี 2–3 คน วิ่งอย่างเร็วไปถึง 1/4 ของระยะทาง

หักเลี้ยวกลับ ถึง 50% วิ่งหักกลับ ตอนนี้ยังสบายๆ มองไปฝั่งตรงข้ามมีทั้งคนที่ช้าและคนที่เร็วปนกัน ทักทายพี่ที่มาวิ่งด้วยกัน เขานำไปไกลแล้ว แล้วก็หักอีกที ตอนนี้ตรงอย่างเดียว เริ่มปวด ขอยา Pacer ฉีดเพิ่มพลัง กินอาหารเสริมเพิ่มด้วย Pacer บอก 2–3 กม. สุดท้ายยากที่สุด ปวดสุดๆ คนที่วิ่งมากับกลุ่มนี้ยังหน้าเดิม มีผู้หญิงหนึ่งคน และลุงๆ อีกหลายคน ฉันก็ฉีดยาแก้ปวดอีกหลายรอบ ฉีดจนไม่หายปวด จุดนี้เหลืออีก 6 โล มีคนถูก Cut Off ไปมากมาย นั่งรถสองแถวกลับไปจุดเริ่มต้น มีคนจากรอบระยะอื่นวิ่งมั่วกันไปหมด ฉันได้ทักคนรู้จักในระยะนั้นด้วย

ถึงตอนนี้ฉันถูก Pacer 5.30 ทิ้งวิ่งห่างไปแล้ว เหลืออยู่กับลุงหมอคนหนึ่ง เขาบอกว่าวิ่งเป็นสิบปีแล้วก็ยังไม่ค่อยไหว แต่ชอบวิ่ง สมัยก่อนไม่ได้คนเยอะแบบนี้ การที่เราวิ่งไม่ไหวไม่ผิด มันมากเกินไปสำหรับร่างกายมนุษย์ เขาว่างั้น วิ่งๆ เดินๆ เริ่มช้า เค้าบอกให้นับเสาไฟผ่านได้ 1 เสา อีก 1 อีก 1 แรงมันดีขึ้นไม่มาก มองไปเห็นสาววิ่งนำหน้า ไม่เห็นหน้า วิ่งตามยังไม่ไหว ไปๆ มาๆ ก็หายไป เหลือ 2 กิโล ลุงหมอขอวิ่งไปก่อน ฉันเริ่มคิดไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังเร่ง เร่งจนน่าจะแซงลุงหมอ จะไม่ไหวแล้ว ฝืนอีกวิ่งไป กลั้นใจวิ่ง ข้างหน้านั่นเส้นชัยอีกนิด พุ่งไป แล้วก็แผ่ว ย่องเข้าเส้นชัย ได้เหรียญทองแขวนคอ ถ่ายรูปสักนิดเป็นหลักฐาน

ข้ามรั้วเพื่อลงบันได แต่ละก้าวช่างเจ็บปวดและหนักนัก งานกำลังจะจบคนเริ่มเก็บของ บริการนวดเท้าเต็ม คิวอาหารคนเข้าแถวเต็มไปหมด รางวัลก็ให้กันไป มีรางวัลแต่งตัวประหลาดด้วย ทั้งชุดสาวประเภทสอง ผู้หญิง คอสเพลย์ ฉันได้อาหารมาหน่อย เข้าห้องน้ำ แล้วก็กลับ จากนั้นก็ไม่เคยวิ่งมาราธอนอีกเลย ใครบอกว่าวิ่งผ่าน 1 รอบจะวิ่งต่อ ส่วนตัวฉันต้องบอกลา วิ่งผ่านได้คือได้เก็บ Achievement มา 1 อย่าง จบแล้วจบเลย ไปหาอย่างอื่นเก็บต่อกันไป

สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech

--

--