เปิดประสบการณ์ Test Engineer รุ่นแรกในโครงการ SQM Tech Kamp ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ KBTG

โครงการ SQM Tech Kamp Program ที่ KBTG กับการอัพเกรดขีดความสามารถ Test Engineer จาก Manual Testing️ สู่ Automation Testing

--

สวัสดีฮะทุกคน 🖐🏽 สำหรับบางคนที่หลงเข้ามา อาจจะสงสัยชื่อหัวข้อบทความว่า Test Engineer คืออะไร? แล้วต่างอะไรกับ Tester หรือ Software Tester (จริงๆ มีอีกหลายชื่อ แล้วแต่ว่าบริษัทแต่ละที่จะเรียกว่าอะไร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับบทบาท หน้าที่รับผิดชอบงานของแต่ละบริษัท) 😵‍

หากพูดถึงตำแหน่งงาน Tester หลายคนคงจะคุ้นกันดี เพราะบทบาทของตำแหน่งนี้ก็ตรงกับชื่อเลย คือผู้ที่ทำการทดสอบระบบหลังจากที่ Developer พัฒนาขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ก่อนที่จะไปถึงมือลูกค้ามีคุณภาพและเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดนั่นเอง โดยผู้ที่ทำการทดสอบระบบจะต้องรัน Test ตาม Test Plan, Test Case หรือ Test Scenarios ที่ได้เตรียมมาด้วยมือของผู้ทดสอบเอง เป็นการทำ Manual Testing 📝 โดยที่ไม่ใช้เครื่องมืออัตโนมัติ (Automation Test Tool) หรือสคริปต์ (Automated Test Script) ทำการทดสอบระบบ

สำหรับที่ KBTG เราจะเรียกกลุ่มคนที่มีบทบาทเหมือน Tester นี้ว่า Test Engineer

แต่ช้าก่อน! บทบาทตำแหน่ง Test Engineer ที่ KBTG แห่งนี้ไม่ได้ทำแค่ Manual Testing เพียงอย่างเดียวนะ แต่ต้องอัพสกิลขึ้นมาอีกขั้น ให้สามารถทำ Automation Testing ได้ด้วย เพราะด้วยเป้าหมายของ KBTG ในการอัพเกรดขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของบุคลากรภายในองค์กร สำหรับใครที่ไม่มีประสบการณ์ ทาง KBTG ก็มีการจัดทำโครงการเพื่อ Transform บุคลากรไอทีมือใหม่สู่มือฉมังอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นที่มาของโครงการ “SQM Tech Kamp” เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานที่เพิ่งจบใหม่ได้มาฝึกฝนทักษะและความสามารถด้าน Automation Testing บนเวทีของการทำงานจริง!

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โครงการ SQM Tech Kamp รุ่นแรกจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการ จากเดิมที่เป็นแบบออฟไลน์มาเป็นแบบออนไลน์แทน ซึ่งต้องบอกก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราจัดโครงการกันแบบออนไลน์ และไม่ใช่เพียงแค่ Tech Kamp เพียงอย่างเดียวที่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานให้เป็นแบบออนไลน์นะ การทำงานต่างๆ ก็ปรับเปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน

ในบทความนี้จะขอพาทุกคนมาดูกันว่าเราทำกิจกรรม SQM Tech Kamp #1 ร่วมกับสถานการณ์โควิด-19 กันอย่างไร มาดูกัน!!!

Chapter 1: Training Day

หลังจากส่งมอบเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เรียบร้อยแล้ว พนักงานใหม่ทุกคนจะได้รับ Passport for SQM สำหรับการติดตั้งโปรแกรมและวีดีโอคอร์สเรียนปูพื้นฐานในการทำ Automation Testing โดยใน Passport จะมีโปรแกรมที่จำเป็นต้องติดตั้งและรายชื่อวีดีโอคอร์สเรียนที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนเริ่มทำงานจริง ซึ่งเราจะใช้เวลาเทรนทั้งหมดประมาณ 3–4 สัปดาห์

อุปสรรคที่เจอในด่านแรกเลยคือความมือใหม่ ที่ต้องมาเริ่มต้นจากศูนย์ โดยปราศจากความรู้ความเข้าใจในการใช้ Tools ต่างๆ สำหรับการทำ Automation Testing 😱 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ Robot Framework ที่ใช้ Keyword Approach สำหรับการเขียนสคริปต์ทดสอบ Web, API ,Database การใช้ GitLab สำหรับจัดการเก็บ Source Code ในแต่ละโปรเจคและการ Built-in CI/CD บน Jenkins ที่จะส่งผลการรายงานการทดสอบไปยัง Grafana ในรูปแบบของ Dashboard นั่นเอง 😮 และสิ่งที่ทุกคนต้องเจอเหมือนกันในช่วง Work From Home คือเรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ต และเรื่องการต่อ VPN รวมถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานของแต่ละคนด้วย ของเราบางทีน้องแมวที่บ้านจะชอบกระโดดขึ้นโต๊ะมานั่งที่โน๊ตบุ๊คทำงาน 🐈

เพื่อน Tech Kamp ที่ไปเซ็นต์สัญญาวันเดียวกัน 🙆🏽‍♀️💖

Chapter 2: On the Job Training

และแล้วก็มาถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่โลกแห่งความจริงกันเสียที ✌🏽 หลังจากที่เทรนกับคลิปวิดีโอแล้ว เราจะถูกจัดกลุ่มเป็น Squad แต่ละ Squad จะมีพนักงานใหม่ 3 คน สำหรับการเทรนความรู้ในการทำ Automation Testing โดยจะมีพี่ Team Lead เป็นพี่พนักงานที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนจากทีม Automation Engineer เข้ามารับช่วงต่อ พาเราไปลงทำงานจริงในโปรเจคต่างๆ ซึ่งแต่ละ Squad ก็จะได้เจองานที่ท้าทายแตกต่างกันออกไป โดยจะใช้ระยะเวลาการทำงานจริงทั้งหมด 6 เดือนเต็ม

ช่วงเวลานี้แหละเป็นช่วงเวลาที่เราได้ทำงานจริง เหนื่อยจริง ท้อจริง เจ็บจริง แต่จะบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในทุกๆ วัน หลังจากที่เราผ่านมันไปได้ แล้วหันกลับมาดูตัวเราเอง เราจะมีความรู้สึกว่าจากวันแรกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย จนมาวันนี้เราสามารถเขียนสคริปต์เพื่อทำ Automation Testing ได้นะ (เรานี่มันเริ่ดจริงๆ~)

ไม่ต้องเก่งเหมือนใคร แค่เก่งกว่าตัวเราในเมื่อวานก็พอแล้ว

Daily Meeting

ที่ KBTG จะใช้แนวคิดการทำงานแบบ Agile หรือที่เรียกว่า K-Agile ที่จะเน้นการสื่อสารภายในทีม และมีหลักการทำงานในรูปแบบของการ Scrum เป็นการประชุมสั้นๆ ในทุกเช้าที่แต่ละคนจะอัพเดตงานที่ได้รับว่าทำอะไรบ้าง เกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้าง เเละเราเเก้ไขปัญหานั้นอย่างไร ซึ่งจะใช้ช่องทางการสื่อสารและพูดคุยเป็น Microsoft Teams เป็นหลัก

Sprint Demo & Retrospective

เรามีการแบ่งการทำงานออกเป็นรอบ ที่เรียกว่า Sprint (ระยะเวลา 3 สัปดาห์) ซึ่งในแต่ละ Sprint จะมีการ Demo สคริปต์ของ Test Scenario ที่เราพัฒนาขึ้นจาก Requirement ที่ได้รับมา เพื่อให้ทางทีมที่นำ Requirement มาให้กับเราสามารถตรวจสอบความถูกต้องของงานในแต่ละ Sprint ได้ บอกเลยว่าตอน Demo นี่แหละตื่นเต้นที่สุด เพราะโค้ดจะหยุดตอนไหนไม่มีใครรู้ 🥵 รวมถึงมีการ Retrospective อัพเดตภาพรวมความคืบหน้าที่ทำมาทั้งหมดใน 1 Sprint รวมถึงให้ฟีดแบ็คข้อดีข้อเสียและการปรับปรุงการทำงานของทั้ง 2 ทีมหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันอีกด้วย เพื่อให้การทำงานใน Sprint ต่อๆ ไปให้ดีขึ้น

และก่อนจบ Sprint ของการทำงาน ก็จะมีการ Transfer งานให้กับทางทีมที่นำ Requirement มาให้ เพื่อนำไปพัฒนาต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้เราทำกันในรูปแบบออนไลน์ผ่าน Microsoft Teams เช่นกัน

การทำ Retrospective 🚀

Chapter 3: Enjoy Your Meeting

แม้จะเป็นช่วง Work From Home แต่งานก็ต้องเดิน แน่นอนว่า “การประชุมออนไลน์” เป็นทางเลือกสำหรับการทำงานในสถานการณ์ ณ ตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะต้องประชุมกันบ่อยกว่าตอนทำงานแบบเจอหน้ากันจริงๆ อีก บางประชุมใช้เวลาเนิ่นนานจนกินเวลาทำงาน จนหลายคนเกิดความเครียดเมื่อต้องประชุมนานๆ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะรู้สึกเหนื่อยกับการประชุม (แอบเครียดไม่เบาเลยนะ🤯) ทางทีม Automation Engineer จึงมีกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น โดยจัดเกมส์สนุกๆ ให้ร่วมเล่นระหว่างทำกิจกรรม จะมีกิจกรรมอะไรบ้างมาดูกัน!!

Knowledge Sharing

ที่ KBTG จะมีการจัดคลับสำหรับพูดคุยและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ให้ผู้มีประสบการณ์มาถ่ายทอดองค์ความรู้สู่น้องใหม่ในทีม และเรื่องราว Transformation ต่างๆ ภายในองค์กร ซึ่งจะมีเวลานัดหมายการจัดกิจกรรมแสดงบน Calendar 📅 ของ Microsoft Team หากเราสนใจหัวข้อไหนก็สามารถกดเข้าร่วมฟังได้เลย

ไม่เพียงแค่นั้น! ภายในทีม Automation Engineer เองยังมีการจัดกิจกรรมสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้อย่าง Test Automation Coaching Cafe ที่จะแชร์ความรู้ ประสบการณ์ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับ Tool ตัวใหม่ที่จะสามารถช่วยคนในทีมทำ Automation Testing ได้อีกด้วย หรือจะเป็นการพูดคุยนอกเหนือจากนี้ก็ได้ เหมือนเป็นการพักเบรกสมองให้ออกจากการโหมดคิดงาน แถมยังช่วยให้เราได้พักสายตาจากหน้าจอด้วย 👀

จุดเด่นของกิจกรรมนี้คือพี่หัวหน้าจะส่งขนม 🍪 มาให้ก่อนถึงวันจัดกิจกรรม เพื่อให้เราได้ Enjoy กับการฟังบรรยายเรื่องราวต่างๆ จากพี่ๆ ที่มีประสบการณ์ ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะได้รับขนมไม่ซ้ำกันเลย และที่สำคัญขนมอร่อยมากด้วย ทานคู่กับนมก็จะฟินหน่อยๆ🥛 😋

Knowledge Sharing สำหรับสอนการใช้ UFT เบื้องต้นใน Club ครั้งที่ 9📚

Automation Burnout

ทีม Test Automation จะตั้งห้องเล่นบอร์ดเกม ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นทุกวันศุกร์หลังเวลาเลิกงาน แต่ในช่วงหลังเปลี่ยนวันมาเป็นทุกวันพฤหัสบดีหลังเลิกงานแทน

เกมส์ที่จัดขึ้นในกิจกรรมนี้ก็จะมี Werewolf, Gartic Phone, Among Us, Avalon โดยแต่ละเกมส์ก็จะผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่สัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเรา พี่ในทีมและเพื่อนร่วมทีมนั่นเอง รวมไปถึงยังได้ผ่อนคลายและพักสมองหลังจากทำงานมาเหนื่อยมาทั้งวันอีกด้วย

One-on-On️e

เป็นการประชุมที่มีแค่เราและหัวหน้า ซึ่งการประชุมนี้หัวหน้าก็จะถามสารทุกข์สุขดิบของการทำงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีความเครียดหรือกังวลเรื่องอะไร งานมีติดปัญหาอะไรตรงไหนมั้ย ซึ่งเราก็สามารถบอกปัญหาที่เกิดขึ้นกับหัวหน้าตรงๆ ได้เลย หัวหน้าก็จะชี้แนะและช่วยเราจัดการความเครียดที่เกิดจากงาน ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น และหัวหน้าก็จะกลับมา Recheck เพื่อติดตามดูว่าปัญหาที่คุยครั้งก่อนหน้าถูกกำจัดออกไปหรือยัง

จะบอกว่าบรรยากาศในที่ประชุมที่มีแค่เรากับหัวหน้านั้นไม่มีความเกร็งใดๆ เลย สบายๆ เพราะพี่หัวหน้าใจดีและเป็นกันเองมาก 😻

Chapter 4: First Impression

เวลาหกเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหกเลยเนอะ ชาว SQM Tech Kamp#1 อย่างเราก็ถึงเวลาสิ้นสุดการเทรน Automation Testing 😢 สถานีต่อไปคือทุกคนจะต้องแยกย้ายกันไปเติบโตในแต่ละบ้านโปรเจคแอปพลิเคชัน โดยนำความรู้ที่ได้จากโครงการนี้ไปต่อยอดให้กับแอปพลิเคชันนั้นๆ

ดังนั้นแล้วในคอนเทนต์สุดท้ายนี้ เราจะมานั่งลิสต์บันทึกความประทับใจที่ได้จากโครงการ SQM Tech Kamp ที่ KBTG แห่งนี้ จะมีอะไรบ้างไปอ่านกันเลย!

Warm Welcome

ตั้งแต่ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SQM Tech Kamp ก็รู้สึกได้ถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นของทีม Software Quality Management บอกเลยว่าพี่ทุกคนในทีมพูดจาน่ารักและน่าฟังมาก มีความใจเย็นในการทำงานร่วมกับผู้อื่นเลยทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาจากทีม Software Quality Management มีคุณภาพ 📈

Test Automation Core Team

เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่ง พอทำไปนานๆ แล้วก็อาจเกิดอาการติดขัด คิดไม่ออก หรือเรียกว่าตันนั่นแหละ จนอยากได้คำแนะนำเพื่อที่จะได้นำไปปรับใช้กับชิ้นงานที่ได้รับมอบหมาย หากเกิดอาการแบบนี้ เราสามารถที่จะขอความช่วยเหลือจากพี่ Squad Lead ในทีมเดียวกันหรือต่างทีมใน Automation Engineer ได้ พี่ Squad Lead ทุกคนคุยง่ายมาก สุดยอดของความเฟรนลี่เลย พร้อมที่จะซัพพอร์ตเป็นอย่างดีและยินดีที่จะสอน พร้อมให้คำแนะนำอย่างใจเย็นกับมือใหม่อย่างเราเสมอ 🙆🏽‍♀️ การช่วยเหลือของพี่ๆ ไม่ได้เเค่ช่วยเเก้ไขโค้ดให้อย่างเดียวเท่านั้นนะ เเต่พี่จะสอนให้เราเข้าใจว่าทำไมถึงใช้งานไม่ได้ บอกวิธีการเเก้ปัญหาเเละบอกจุดที่เราต้องปรับปรุง ทำให้เราได้รับความรู้มากจากพี่มาได้เยอะเลย เรามองว่ามันเป็น Teamwork ที่ดีมากจริงๆ

นอกจากจะมีพี่ Team Lead แล้ว ยังมีพี่ Specialist หรือ พี่ Outsource ที่ทำงานร่วมกับเรา เราก็สามารถขอความช่วยเหลือได้เช่นเดียวกัน พี่ Specialist ก็พร้อมที่จะสอนงานเราเสมอ

อยากบอกว่าต้องขอบคุณโครงการ SQM Tech Kamp ที่ทำให้ Test Engineer อย่างเราได้เจอกับพี่ๆ ทีม Automation Engineer พี่ทุกคนน่ารักมากจริงๆ 😍 ดูแลใส่ใจน้องทุกคนเป็นอย่างดี คอยให้คำปรึกษาตลอดจนจบโครงการ ทำให้รู้สึกว่าการทำงานภายในทีม Automation Engineer อบอุ่นและมีความเป็น Teamwork ที่สามัคคีกันมากๆ ซึ่งเราคิดว่าทีมที่ Supportive และ Friendly แบบนี้ช่วยทำให้มือใหม่อย่างเราไม่รู้สึกหลงทางและมีความสุขกับงานที่ทำเพิ่มมากขึ้นจริงๆ นะ

Soft Skill

ถึงแม้ว่าเราอาจจะถนัดเพียงไม่กี่อย่าง แต่ที่โครงการ SQM Tech Kamp ช่วยให้เราถนัดหลายๆ อย่างมากขึ้น นอกจากโครงการนี้จะช่วยฝึก Hard Skill แล้ว ยังฝึก Soft Skill อีกด้วย เช่น การนำเสนอผลงาน รวมถึงการเขียนบล็อกนี้ด้วย หรือจะเป็นพูดเพื่ออัดวีดีโอสอนการใช้ Tool ตัวใหม่ที่สามารถทำ Automation Testing ได้ เนื่องจากเราต้องพูดให้คนเข้าใจว่าโปรเจคที่เราทำคืออะไร แล้วเราทำอะไรมาบ้าง หรือ Tool ตัวใหม่ของเราคืออะไร ทำงานอย่างไร ส่วนนี้เราต้องอธิบายให้เห็นภาพและเข้าใจในสิ่งที่ต้องการนำเสนอ ซึ่งการพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจสารในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกไปจึงเป็นที่สิ่งสำคัญมาก

ไม่ใช่แค่ฝึกทักษะการพูดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทีมนี้ยังฝึกความกล้าแสดงออกอีกด้วย เราก็เป็นคนนึงที่จะเขินเวลาอยู่หน้ากล้องหรือคนเยอะๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกัน แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเปิดกล้องนำเสนอผลงานก็ต้องทำให้ได้ (สักพักก็จะชินกับการเปิดกล้องไปเอง 😅)

วีดีโอสอนการใช้ UFT ทำ Automation Testing เบื้องต้น 🧚🏼‍♀️

Happiness at Work

เอาล่ะ มาถึงความประทับใจในข้อนี้ ก็ขอพูดถึงแก๊งค์เพื่อนๆ ในTech Kamp ที่น่ารักของเรากันดีกว่า 🧚🏽‍♀️ สำหรับ SQM Tech Kamp #1 ของเรามีทั้งหมด 15 คน ช่วงแรกที่ยังไม่เจอกันจริงๆ เพราะต้องทำงานอยู่ที่บ้านก็แอบกังวลว่าแล้วจะสนิทกับเพื่อนๆ ได้ยังไง จนได้มาเจอกันหรือได้มีโอกาสพูดคุยทำงานด้วยกันจริงๆ ก็คือทุกคนเฮฮามากและคุยง่าย ทำให้การทำงานกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อาจจะมีเกร็งบ้างในช่วงแรกที่คอลประชุมงานกัน คอลที 1–2 ชั่วโมง ไม่ใช่ว่ามีเรื่องคุยเยอะเลยนะ แต่ว่าเดดแอร์บ่อย🤣 พอมาหลังๆ เริ่มสนิทกันมากขึ้น เม้าท์มอย-ทำงาน-ประชุม-เม้าท์มอย-ทำงาน-ประชุม วนลูปไปเรื่อยๆ ช่วยคลายความเหงาจากการ Work From Home ไปได้เยอะเลยแหละ 😚💝 เรารู้สึกโชคดีตรงที่มีเพื่อนร่วมทีมทำงานที่ดีมากๆ ตลอดการทำงานในโครงการ SQM Tech Kamp ระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เราเข้าขากันได้เร็วมาก ทำงานกันได้ไวและสบายมาก ซัพพอร์ตกันเต็มที่ตลอด รวมถึงแชร์ความรู้ร่วมกันหากใครไป Research สิ่งใหม่มา

อย่างเราเองเป็นคนหัวช้า พอหลังจากได้รับข้อมูลมา ก็ต้องรบกวนคอลกับเพื่อนๆ ว่าสิ่งที่เราเข้าใจกับสิ่งที่เพื่อนเข้าใจตรงกันมั้ย 🙇🏽‍♀️ และแน่นอนว่าเพื่อนๆ ที่น่ารักของเราก็ช่วยเหลือตรงนี้กันเต็มที่มากๆ ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น หรือถ้าเราติดปัญหาอะไร เพื่อนก็พร้อมคอลช่วยแก้ปัญหาให้ตลอด ทำให้เรารู้สึกไม่มืดมนเวลาทำงานคนเดียวเลย

“เค้าขอคอลหาเพื่อนๆ ได้มั้ยฮะ”
“คอลมาโลด ”
“มาเลยๆ ”

นอกจากจะซัพพอร์ตในเรื่องของการทำงานกันเก่งแล้ว ยังซัพพอร์ตเรื่องของจิตใจได้เก่งมากอีกด้วย 💘 บางครั้งเราเจอเรื่องไม่ดีมาหรืออารมณ์ไม่ดี จนทำให้แทบจะไม่อยากทำงานเลย แต่พอเพื่อนคอลทำงานด้วยน้ำเสียงที่มีเอเนอร์จีของความสดใส พร้อมกับการให้กำลังใจในการทำงาน แค่นี้ก็ช่วยทำให้เราเริ่มรู้สึกดีขึ้น ยิ้มออกและมีแรงฮึดสู้กับการทำงานต่อไปได้แล้ว ☺️ ทั้งยังคอยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่เครียดให้ผ่อนคลายมากขึ้นด้วย ทำให้เรมหายเครียดหรือหายกังวลในเรื่องของงานไปได้เลย

อีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้จากเพื่อนๆ คือเพื่อนทุกคนไม่มีใครเห็นแก่ตัวในเรื่องของการทำงานเลย ทุกคนจะพยายามหยิบ Task งานที่ตัวเองทำไหวให้ได้มากที่สุดเพื่อทำให้งานเสร็จทันเวลาที่กำหนด 🎯

Relax with Re-Connect

KBTG Re-Connect เป็นโครงการที่ KBTG จัดให้พนักงานรวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน โดยพนักงานสามารถคิดกิจกรรมขึ้นมาเองได้ภายใต้เงื่อนไขและงบประมาณที่กำหนดให้

กิจกรรมนี้แหละที่ทำให้เราได้เจอกับเพื่อน Tech Kamp และพี่ทีม Automation Engineer แบบ Face-to-Face 🧏🏽‍♀️ ทำให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น จากเดิมที่รู้จักกันผ่าน Microsoft Teams ครั้งแรกที่เจอหน้ากันก็มีแอบเกร็งอยู่บ้าง🥶 แต่พอได้ทำได้กิจกรรมร่วมกันที่ทางทีม Automation Engineer จัดขึ้น ก็ช่วยให้รู้สึกใกล้ชิดกับเพื่อนและพี่ในทีมมากขึ้น คลายความเกร็งในตอนต้นได้

จะบอกว่ากิจกรรมที่ทีมจัดขึ้นไม่มีเบื่อเลย ได้สนุกไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ มีทั้งซื้อของขวัญมาจับสลาก ถ้าอยากได้ของขวัญใครก็สามารถ Steal ได้ (ตอน Steal ของขวัญคือตลกมาก🤣) หลังจากจับของขวัญกันเสร็จก็ไปทานอาหารกันต่อ 🥙 บรรรยากาศตอนนั่งร่วมกันทานอาหารนั้นบอกเลยว่าไม่มีความอึดอัดหรือเดดแอร์ระหว่างทานอาหารร่วมกันใดๆ เพื่อนทุกคนคือเอนจอยกันมาก ช่วยกันสั่งอาหาร คุยกันไม่มีหยุดพักเลย (แฮปปี้มั่กๆ 💕) หลังจากทานอาหารกันเสร็จก็เดินทางไปเล่นบอร์ดเกมส์กันต่อ คำแนะนำสำหรับการเล่นบอร์ดเกมส์คือต้องลองเล่นก่อนถึงจะรู้ เพราะบางทีฟังแค่คำอธิบายหลายๆ รอบอาจจะงงได้ ตอนเล่นรอบแรก เราก็แอบมีหวั่นใจเล็กน้อย กลัวเด๋อใส่เพื่อนร่วมวง แต่พอลงสนามจริง เล่นวนไปสักสองสามรอบบอกเลย รู้เรื่อง! ติดลมมาก สนุกจนไม่อยากกลับบ้านเลย พอถึงเวลากลับจริงๆ พี่ในทีมรวมถึงพี่หัวหน้าก็อาสาพาน้องๆ ไปส่งถึงบ้านทุกคนจ้า รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงความปลอดภัยของน้อง🥰

อยากบอกว่าวันนั้นมีความสุขและประทับใจหลายอย่างมาก ขอบคุณพี่ทีม Automation Engineer ที่ตั้งใจเลือกกิจกรรมมาให้เราร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุก ทำให้รู้ว่า “ Work Hard, Play Harder “ เป็นยังไง 😄 ไม่ใช่แค่นั้น กิจกรรมในครั้งนี้ยังทำให้เราสนิทกับเพื่อนๆ ชาวแก๊งค์ Tech Kamp และพี่ๆ ในทีม Automation Engineer มากขึ้นอีกด้วย จากพี่ที่ไม่กล้าคุยด้วย แม้ว่าจะเป็นพี่ Team Lead ที่อยู่ Squad เดียวกันก็เถอะ หรือเพื่อนบางคนที่ไม่เคยคุยกันเลย แต่หลังจากวันนี้ไปก็กล้าคุยกับพี่มากขึ้น ต้องขอบคุณ KBTG ที่จัดโครงการดีๆ แบบนี้ให้เพื่อนๆ และพี่ในทีมได้ร่วมสนุกด้วยกัน แถมยังเป็นการพักเหนื่อยจากการทำงานที่ดีมากจริงๆ

รูปรวมกับเพื่อน Tech Kamp บางส่วน และพี่ทีม Automation Engineer
รูปรวมเพื่อน Tech Kamp บางส่วน และพี่ทีม Automation Engineer 💕

Chapter 5: SQM Tech Kamp Benefits

ในหัวข้อสุดท้ายอยากจะบอกสิ่งที่ได้จากโครงการนี้ แม้จะเป็นการเข้าร่วมโครงการแบบ Work From Home แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ในการทำ Automation Testing เลย แม้เราจะไม่ได้ออกไปนั่งทำงานที่ออฟฟิศ แต่เราก็ได้ฝึกทักษะและได้ประสบการณ์การทำงานจากโครงการนี้เต็มๆ ในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่าน

🧸 เรียนรู้ระบบการทำงานจริงๆ

เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสกับการทำงานอย่างเป็นระบบ มีการอัพเดตความคืบหน้าตลอด เเละมีการวางแผนการทำงานในเเต่ละวันเพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด

🧸 เรียนรู้การทำ Automation Testing โดยเริ่มต้นจากศูนย์

ก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ เราไม่มีความรู้เรื่องของการใช้ Tool ในการทำ Automation Testing เลย เเต่เมื่อได้เข้ามาทำงานในทีม Automation Engineer ทำให้เราต้องพัฒนาทักษะตนเองมากขึ้น ศึกษาหาความรู้ของการใช้ Tool สำหรับการพัฒนาสคริปต์ในการทำ Automation Testing นอกจากนี้ยังต้องศึกษากระบวนการทำงานของ Tool ที่ใช้ในการรายงานผลการทำงานของสคริปต์ที่เราพัฒนาขึ้น เช่น Jenkins สำหรับใช้ทำ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Delivery) เป็นต้น เพื่อให้ง่ายต่อทีมที่นำสคริปต์ไปพัฒนาต่อ อีกทั้งยังทำให้เกิดความยั่งยืนในการทำ Automation Testing ด้วย

🧸 ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น

เนื่องจากเป็นสายงานที่ต้องทำงานเป็นทีมร่วมกัน มีทั้งเพื่อนร่วมทีมๆ พี่ๆ ในทีม เเละอีกมากมาย จึงเป็นการฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ได้ติดต่อประสานงานกับ Role ต่างๆ ได้มีการพูดคุยเเลกเปลี่ยนข้อมูลภายในทีม รวมถึงการนำเสนอที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนในบริษัท

🧸 การวางแผนและจัดลำดับความสำคัญของงาน

การทำงานที่นี่ต้องมีการวางเเผนให้ดี เนื่องจากมีการเเบ่งงานที่ต้องทำในเเต่ละ Sprint เพราะงานก็มี Deadline ของมัน ไม่ใช่จะทำชิวๆ ได้ตลอด นอกจากจะมีงานหลักแล้วก็ยังมีงานเสริมอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้นการจัดลำดับความสำคัญของงานมีผลต่อการทำงานในเเต่ละวันมากๆ เราต้องทำงานที่สำคัญก่อน เมื่องานมีปัญหาก็จะได้ลงมือเเก้ทัน

🧸 การแบ่งเวลาชีวิต

นอกจากเราจะจัดลำดับความสำคัญในการทำงานแล้ว เราต้องจัดสรรเวลาชีวิตด้วย เช่น ในเวลางานเราควรทำอะไรบ้าง จะอยู่กับ Error นี้นานเท่าไหร่ เเล้วเราควรเริ่มทำงานในส่วนถัดไปต่อตอนไหน คงไม่มีใครอยากทำงานล่วงเวลาจนถึงเช้าหรือต้องมานั่งกังวลว่างานเราจะเสร็จทันในเวลาที่กำหนดหรือไม่ การจัดสรรเวลาเพื่อสร้าง Work Life Balance จึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน

Conclusion

SQM Tech Kamp จัดขึ้นมาเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานจบใหม่ โดยที่จะมีการอบรม มีการแนะนำ และฝึกฝนต่างๆ ให้พร้อมก่อนเข้าสู่สนามการทำงานจริง

หากน้องที่เพิ่งจบใหม่ หรือผู้ปกครองท่านใดผ่านมาเห็นบทความนี้ แล้วอยากจะมาร่วมงานกับเราหรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech แล้วพบกันค่ะ 💚

--

--