5 เทคนิคการออมเงินสุดปัง... ปีใหม่แล้วมาเริ่มใหม่กัน!

ใกล้จะปีใหม่แล้ว เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเล็งไว้เป็นช่วงเริ่มต้นกับการทำอะไรบางอย่างหรือเปล่าคะ? เชื่อว่าต้องมีหนึ่งในเป้าหมายยอดนิยมจะต้องเป็นเรื่องการเงินแน่นอน บางคนอาจจะตั้งปณิธานว่าอยากมีเงินเก็บมากขึ้น เพื่อไปเติมเต็มสิ่งที่อยากได้ เช่น อยากสวยดูดีขึ้น อยากเรียนต่อ ซื้อรถ โปะหนี้ อีกเยอะเลยค่ะ เพราะฉะนั้น นี้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นที่ดีเลยค่ะที่เราจะตั้งเป้าหมายแล้วทำให้สำเร็จกัน!

ต้องบอกก่อนว่า…ความสำเร็จทุกอย่างเริ่มต้นจากการสร้างนิสัย จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะเรามักเคยชินกับนิสัยเก่า พอจะเปลี่ยนทีก็รู้สึกว่าขอออกนอกลู่นอกทางหน่อยน่ะ คงไม่เป็นไรหรอก จริงมั้ย? ส่วนตัวซาร่าเชี่ยวชาญมากเรื่องเงินๆ ทองๆ …เชี่ยวชาญที่ว่านี้คือการใช้เงินนะคะ ไม่ใช่การเก็บ 555 แต่วันหนึ่ง ก็ไปเจอวิธีการเก็บเงินมาค่ะ หลังจากที่ทำมาเป็นเวลา 3 ปี พบว่าได้ผลจริงๆ จึงอยากจะนำมาแบ่งปันเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ ซาร่าได้รวบรวมเทคนิคในการสร้างนิสัยออมเงินอย่างง่ายๆ ทั้งหมด 5 วิธีด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าถ้าซาร่าทำได้ ชาว KBTG Life ทุกคนก็ทำได้แน่นอน ^^

1. สูตรแบงค์ 50

คือการสะสมธนบัตร 50 บาท ถ้าไปซื้อของแล้วป้าทอนมาเป็นธนบัตร 50 สีฟ้านี้คือห้ามนำไปใช้ต่อค่ะ! ถ้าจะให้ Beyond กว่านั้นอีก พยายามต่อรองกับร้านอาหารให้แตกเงินออกมาเป็นธนบัตร 50 บาทให้มากที่สุดค่ะ วิธีนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนนับว่าง่ายมากเพราะว่าเราใช้เงินสดกัน แต่เดี๋ยวนี้ เอะอะโอน! สำหรับชาวแก๊งค์แอป Mobile Banking อย่างเรา และยิ่งมาเจอแอป K PLUS ที่ใช้งานง่ายมากๆ ด้วยแล้วอาจจะยากไปนิดนึง

2. สูตรวันละ 10 บาท

เพียงแค่ออมให้เท่ากันทุกวัน จะหยอดกระปุกหรือโอนเข้าบัญชีแยกไปเลยอีกบัญชีก็ได้นะคะ ขั้นต่ำวันละ 10 บาท ปีนึงเราจะมีเงินออม 3,650 บาท ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปก็เพิ่มได้ตามที่สบายใจเลยค่ะ ข้อนี้ที่อยากจะเน้นไม่ใช่จำนวนเงิน แต่เป็น “นิสัยการออมเงิน” ถ้าเราหยอดกระปุกหรือแยกเงินไปอีกบัญชีทุกวันๆ พอวันไหนไม่ทำ มันจะรู้สึกว่าบางอย่างมันขาดหายไปจริงๆ นะคะ

3. สูตร +1 บาท

ข้อนี้จะต่างจาก 10 บาท คือให้เริ่มเก็บวันแรก 1 บาท วันที่สอง 2 บาท วันที่สาม 3 บาท… เก็บแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงสิ้นปีค่ะ ซาร่าเคยทำวิธีนี้ค่ะ พบว่าเวิร์คและว้าวมาก 1 ปีเก็บเงินได้ถึง 66,795 บาท ก็เป็นเม็ดเงินอยู่นะ ซึ่งมองเผินๆ อาจจะคิดว่าง่าย แต่! มันจะเริ่มหนืดในช่วงหลังๆ ที่ต้องเก็บเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 200, 300 และติดกันทุกวัน ฉะนั้นหายใจเข้าออก ยุบหนอพองหนอก่อนค่ะ เฉลี่ยจริงๆ แค่วันละ 183 บาท วิธีนี้ทำให้เห็นการเจริญเติบโตของเงินเราดีกว่าแบบวันละเท่าๆ กัน เป็นวิธีที่ชวนตื่นเต้นจริงๆ ลุ้นทุกวัน ว่าพรุ่งนี้จะมีให้ออมมั้ย 555 ถือเป็นการท้าทายตัวเอง ให้เพื่อนๆ ได้ฝึกนิสัยการออมอย่างสม่ำเสมอไปในตัวค่ะ

4. สูตรลดละเลิก

คือการลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เช่น ชานมไข่มุก กาแฟ บุหรี่ สิ่งอบายมุกทั้งหลายแหล่ Gadget ของประดับ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า (ที่บ้านเต็มตู้แล้วเค้ารู้นะ) ฯลฯ

ลองเปลี่ยนจากที่เราเคยซื้อทุกวัน มาเป็นวันเว้นวันหรืองดไปเลยถ้าไหว หรืออาจจะเปลี่ยนร้านที่เคยซื้อ เปลี่ยนจากทิ้งแล้วซื้อใหม่มา Reuse ทีนี้วันไหนเกิดอยากซื้อขึ้นมา จดไว้ค่ะแต่ห้ามซื้อ หรือเอาเงินที่อยากจะซื้อแยกมาออมไว้เลยค่ะ เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่อาจจะต้องฝืนนิดนึงแต่ดีต่อสุขภาพนะ วันนึงพอเราเปิดมาดูจะตกใจมาก ว่านี่เราหมดไปกับอะไรที่ไม่จำเป็นเยอะแยะขนาดนี้เลยฤๅ

5. สูตร 6 Jars

สูตรสุดท้ายนี้เป็นวิธีที่ระดับโลกสอนเลยค่ะ คิดค้นโดยคุณ T. Harv Eker ที่ซาร่าได้ไปเรียนจากสัมมนามา คือให้เราบริหารเงินที่เป็นรายรับโดยการแบ่งเป็น 6 กระปุก ดังนี้

  • NEC Jar มาจาก Necessities คือกระปุกสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน พวก Fixed Cost ทั้งหลาย คิดเป็น 55%
  • LTSS Jar มาจาก Long Term Saving for Spending สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวหรือซื้อของก้อนโตๆ เช่น ดาวน์รถ ดาวน์บ้าน หรือรักษาสุขภาพ รับไป 10%
  • EDU Jar คือกระปุก Education หรือทุนการศึกษาค่ะ อันนี้อาจจะไม่ต้องถึงกับไปเรียนต่อปริญญา แค่ไปเข้าสัมมนา ซื้อหนังสือพัฒนาตนเอง ก็เป็น Edu หมดค่ะ คิดเป็น 10%
  • PLAY Jar คือของเล่นจุกจิกเพื่อความสุขกับตัวเอง เช่น พวกเกมเพลย์ แอปเกมส์ อะไรก็ตามที่บันเทิงใจ ดูหนังฟังเพลง ชิลๆ และเขาบอกว่าต้องใช้ให้หมดทุกเดือนนะคะก้อนนี้! ทำงานหาเงินแล้วต้องบาลานซ์ในการใช้ชีวิต เอาไป 10% เช่นกัน
  • FFA Jar มาจาก Financial Freedom Account ค่ะ บัญชีนี้สำคัญสุดๆ เพราะเป็นการแบ่งไปลงทุนเพื่ออิสรภาพทางการเงิน ช่วยให้เรามีเงินที่เติบโตงอกเงยไวขึ้นกว่าการออมธรรมดา จัดไป 10% ค่า
  • Give Jar มีรายได้แล้วอย่าลืมทำบุญบริจาคนะคะ ตรงนี้สำคัญมาก คือได้มาก็ควรแบ่งปันสู่สังคม (ไม่เกี่ยวกับเงินภาษีนะ 555) ข้อนี้แค่ 5% เบาๆ ค่ะ

รวมแล้วทั้งหมดก็คือ 100% ซึ่งเป็นการแบ่งสมดุลที่ดีและมีประสิทธิภาพมากๆ ทำให้เรารู้จักใช้เงินอย่างเป็นระบบ ส่วนเปอร์เซ็นต์อาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมค่ะ สำหรับใครที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีนี้เพิ่มเติม สามารถปรึกษากับอากู๋ Google เจ้าประจำเลยค่ะ

ทุกเทคนิคที่ว่านี้ ไม่มีอันไหนดีไปกว่ากันค่ะ สามารถเลือกอันที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองได้เลยตามใจชอบ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแค่วิธีเดียวนะคะ เราสามารถจับมา Mix & Match กันได้ค่ะ อย่างวิธีลดค่าใช้จ่าย พอลดแล้วนำมาออมแบบสูตร +1 ก็จะสนุกขึ้นไปอีกระดับ

สุดท้ายนี้อยากฝากทุกคนว่า การออมเงินเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็สนุกจริงๆ อยากให้เพื่อนๆ มาลองทำกันดูนะคะ รับรองว่าเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ

สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech

--

--