Agile From Anywhere With KBTG: Pt.1 Work in the USA กับพี่ตะวัน Chief Technology Officer
ตอนงาน KBTG Townhall เมื่อช่วงเดือนก.ย. 2021 ที่ผ่านมา ชาว KBTG ได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้าจากแม่ทัพ พี่กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล กับประกาศ Agile From Anywhere ที่ให้อิสระกับพนักงานเลือกว่าจะทำงานที่ไหน จะเข้าออฟฟิศก็ได้ จะ WFH ก็ดี แล้วแต่จะตกลงกับทีมเลย และจะทำเช่นนี้ต่อไปแม้ในวันที่โควิดสิ้นสุดลง
เพื่อเป็นการตอบรับนโยบายใหม่นี้ ทางผู้เขียนจึงขอถือโอกาสนี้เก็บเกี่ยวมุมมองของคน KBTG ที่กำลัง WFH จากนอกกรุงเทพและปริมณฑล ประเดิมด้วยการเดินทางข้ามทวีปไปที่ผู้บริหารมาดโอปป้าอย่างพี่ตะวัน จิตรถเวช Chief Technology Officer ของเราที่ตอนนี้กำลัง WFH อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา! ชีวิตที่นอนเช้าและทำงานกลางคืนจะเป็นอย่างไร มาตามอ่านเรื่องราวของพี่ตะวันกันค่ะ
ผู้ WFH มาก่อนกาล
จริงๆ พี่อยู่อเมริกาตั้งแต่อายุ 24 ปี จนถึงช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 พี่ได้มาร่วมงานกับทาง KBTG และ KBank ซึ่งเดิมทีทางธนาคารให้พี่ประจำการที่ไทยเป็นหลัก แต่สามารถเดินทางกลับมาบ้านที่อเมริกาได้ปีละ 3 ครั้งๆ ละประมาณ 3 อาทิตย์ โดยส่วนใหญ่พี่ก็จะทำงาน แต่อาจจะทำงานสัก 2 อาทิตย์ แล้วลาหยุดอาทิตย์นึง พี่จึงได้มีประสบการณ์ WFH มาก่อนใครหลายๆ คน
แต่พอเกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 จากเดิมที่จะกลับอเมริกาก็กลายเป็นว่ากลับไม่ได้ ได้กลับไปแค่ครั้งเดียวแทนที่จะเป็น 3 ครั้งเหมือนปกติ กว่าจะได้กลับอีกทีก็ปี 2021 ทีนี้พอกำลังจะกลับไทยเท่านั้นแหละ ก็เกิดการระบาดระลอกใหญ่ขึ้นที่ไทยอีกครั้ง ทาง KBTG จึงมีการออกนโยบายให้ทุกคน WFH ทำงานจากบ้าน พี่เปิ้ล ขัตติยา CEO ของ KBank และคุณกระทิง ประธานกลุ่มบริษัท KBTG บอกว่าถึงกลับมาก็ทำงานจากบ้านอยู่ดี งั้นอยู่กับครอบครัวที่นู่นไปเลยดีกว่า พี่เลยได้อยู่อเมริกายาวๆ มาจนถึงตอนนี้
การทำงานแบบ 7pm — 7am
พี่เริ่มทำงานตอนประมาณ 6 โมงครึ่ง — ทุ่มนึง คือช่วง 8 โมงครึ่ง — 9 โมงของที่ไทย แล้วช่วงหลังๆ มานี้พี่จะทำงานถึง 7 โมงเช้าทุกวัน เท่ากับ 3 ทุ่มที่นู่น ส่วนใหญ่จะเป็นประชุมซะเยอะ เพราะพี่อยู่ในหลาย Committees เช่น ที่เกี่ยวกับ IT Strategy, Security, Procurement, Investment เป็นต้น ซึ่งพี่จำเป็นต้องเข้าทั้งหมด เสร็จแล้วก็จะมีประชุม MC (Management Committee) ประชุมกับทีม KInfra รวมถึงประชุมกับ Direct Report ทุกคนอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และพี่ยังมีการเมนเทอร์ระดับ AMD และ Head บางคนเพื่อช่วยผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้า ที่กินเวลาพี่ค่อนข้างเยอะคือส่วนที่เป็น Vendor Management ซึ่งทาง Vendor จะมาคุยกับพี่ว่าตอนนี้เทคโนโลยีไปถึงไหน มีอะไรใหม่บ้าง พี่ก็ต้องคอยตามสิ่งเหล่านี้
ในส่วนของงาน Day-to-Day ฝั่ง Infrastructure ตอนนี้ทาง KBTG มีโปรเจค KInfra Transformation พี่จะคอยเช็คว่าเราไปถึงไหนแล้ว น้องๆ ต้องการซัพพอร์ตในส่วนไหน ทุกเดือน War Room ของเราจะมีวันที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น วันหวยออก วันเงินเดือนออก หรือวัน Promo Day ของแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ทั้งหลาย เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เราจะต้องรีบจัดการ พี่ก็จะเข้าไปฟังและพยายามช่วยค้นหาต้นตอของปัญหาเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก ช่วงหลังๆ มานี้ทางคุณกระทิงอยากให้พี่เข้าไปดูงาน Data ด้วย ดังนั้นพี่จะต้องประชุมกับฝั่ง Data Governance ของธนาคาร วางเลย์เอาท์ Data Structure ใหม่ ซึ่งการวางรากฐานใหม่นี้ใช้เวลาเหมือนกัน โดยเราพยายามจะเป็น Strategic Partner กับฝั่งธนาคารมากขึ้น เพราะบางทีเราอยู่ปลายน้ำ กว่าโปรเจคจะมาถึงเราก็อาจจะช้าไป นอกนั้นเวลาส่วนอื่นๆ พี่จะคุยกับพี่โป๊ะ (ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์) และพี่บี๋ (พิพิธ เอนกนิธิ) กรรมการผู้จัดการ KBank เดือนละครั้งเพื่ออัพเดตสถานการณ์ และจะมีการไปเป็น Speaker พูดตามงานต่างๆ
พอหมดวันก็ได้เวลานอน พี่จะนอนจนถึงประมาณบ่ายโมง ตื่นมาเจอภรรยานั่งทำงานพอดี ภรรยาพี่จะทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า — 5 โมงเย็นที่นี่ บางทีเลยได้นั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ประมาณบ่าย 3–4 พี่ก็จะออกไปรับลูกที่โรงเรียน แล้วก็กลับวนลูปเริ่มทำงานใหม่ ช่วงที่ทำงานไม่เคยรู้สึกง่วงนะ เพราะประชุมตลอด ทำให้มีเรื่องให้คิดตลอดเวลา อีกทั้งการประชุมเป็นกิจกรรมที่ Interactive มีพูด ตอบคำถาม เราเองต้องตั้งใจฟัง คุยกับ MD หลับไม่ได้ *หัวเราะ*
ความท้าทายของการ WFH!
จากประสบการณ์ของพี่ ไม่ว่าจะ WFH จากที่ไหน ความท้าทายจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เรื่องหลักๆ หนึ่งคือวัฒนธรรม การที่คน Onboard เข้ามา หรือคนที่ไม่รู้จัก KBTG ดี เขาจะไม่รู้เลยว่าวัฒนธรรมของเราเป็นยังไง อย่าง Townhall ผ่าน MS Teams จะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับมาเจอคนจริงๆ องค์กรมีความคิดยังไง คนทำงานกันยังไง คิดเห็นยังไง สิ่งเหล่านี้หายหมดเลย ทั้งนี้สวัสดิภาพของพนักงานถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ผ่านมา KBTG จึงได้มีการหาทางแก้ไขตลอด โดยเราพยายามเพิ่มการสื่อสารให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่าผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน ทำ Roundtable ให้พนักงานได้มาพูดคุยพบปะกับเหล่าผู้บริหาร หรือแม้แต่การจัด Mentoring Session เพื่อให้น้องๆ ได้รับคำปรึกษาจากพี่ๆ อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้เรากำลังหาวิธีวัดความสำเร็จในการสื่อสารวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะการขับเคลื่อนองค์กรนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดการวัดผล วันใดที่เราผ่านวิกฤตการณ์ตรงนี้ไปได้ เราค่อยหาเวลานัดเจอกัน
สองคือการ Brainstorming นั้นยากมาก ตอนที่เรานั่งคุยกันในห้อง เราสามารถหยิบกระดาษขึ้นมาหรือวาดบนกระดานด้วยกันได้ตรงนั้นเลย ทำแอปประมาณนี้สิ เวลานั่งคุยในห้องความคิดก็จะไหลลื่น คนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันละกัน เพราะฉะนั้นการ Brainstorm จะดีกว่าการที่ต้องมาคุยกันผ่านช่องทางออนไลน์ วิธีแก้ไขจุดนี้คือเราพยายามโน้มน้าวให้คนใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง เช่น ใน MS Teams ก็จะมี Whiteboard ให้ทุกคนสามารถขีดเขียนร่วมกันได้ แล้วพี่ก็จะเชียร์ให้ทุกคนเปิดกล้องเวลาคุยกัน
สามคือเวลาทำงานจากบ้าน พี่ควบคุมปริมาณการประชุมยากมาก แต่ละวันประชุมจะอัดแน่น เชื่อว่าทุกคนรู้สึกเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าถึงเย็นไม่มีช่องว่างเลย ดังนั้นเราจึงมีการสอนองค์กรเสมอว่าเราควรเคารพเวลาส่วนบุคคล พยายามหลีกเลี่ยงการนัดประชุมตอนเที่ยง หรือหลังจากทุ่มนึงไปแล้ว เข้าใจว่าบางทีมันจำเป็นจริงๆ แต่พี่ไม่อยากให้คนทำงานเบียดเบียนเวลาส่วนตัวขนาดนั้น เพราะกลัวว่าคนจะ Burnout กัน พี่เองได้มีการชูประเด็นนี้ไปในที่ประชุม MC ซึ่งเราก็กำลังจะมีการจัด Employee Voice ให้น้องๆ ตัวแทนบริษัทประมาณ 50 คนได้เข้ามาแชร์ว่าควรจะทำยังไงเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้คน Burnout ร่วมกัน
กิจกรรมโปรดที่ชอบทำยามว่าง
ตอนนี้ที่อเมริกาคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติแล้ว เวลาว่างพี่จะมีขี่จักรยานกับลูกสาวบ้างครับ สุดสัปดาห์ถ้าไปไหนได้ ก็จะเลือกไปเมืองใกล้ๆ เช่น San Diego, Santa Barbara, Napa Valley ไปนอนซักสองคืน นานๆ ทีภรรยาพี่ก็จะชวนพี่ไปทำงาน WFH จากที่อื่นเลย อย่างช่วงนึงพี่ไปเช่า AirBnB ทำงานอยู่ที่ San Diego อาทิตย์นึง ได้เห็นตะวันตกดินเวลาทำงานเปลี่ยนบรรยากาศ อีกอย่างนึงที่พี่ชอบมากๆ คือการทำกับข้าวครับ สมัยพี่เรียนหนังสือ พี่เคยทำงานเป็น Sous Chef ร้านอาหารอิตาเลียน ผัดพาสต้าทั้งวัน *หัวเราะ* การทำอาหารเป็นสิ่งที่ช่วยคลายเครียดพอสมควร แถมเป็นกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันกับลูกได้ ลูกสาวจะชอบให้พี่ทำสเต็ก ในขณะที่ภรรยาชอบให้พี่ผัดพาสต้าให้ทาน เขาจะชอบพาสต้าแบบแห้งๆ ผัดกับน้ำมันมะกอก กระเทียม มะเขือเทศเชอร์รี่ พริกสักเล็กน้อย แล้วย่างแซลมอนซักชิ้นวางข้างบน แค่นั้นเองง่ายๆ
Agile From Anywhere
ในยุคนี้ คอนเซ็ปต์การทำงานแบบ Anywhere, Anytime ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่ไปแล้ว บางบริษัทใหญ่ๆ ก็ให้พนักงานสามารถทำงานแบบไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศถาวรอีกต่อไป รวมถึงที่ KBTG ล่าสุดเราได้มีการประกาศนโยบาย Agile From Anywhere คือการที่พนักงานสามารถที่จะเลือกสถานที่ทำงานได้เองต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือมาเข้าออฟฟิศ เพราะเราค้นพบว่าแล้วว่าพนักงานของเราสามารถส่งมอบงานและรองรับลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยมตลอดการทำงานแบบ WFH ก่อให้เกิดการทำงานที่แม้ตัวจะอยู่ไกล แต่ก็พร้อมจับมือมุ่งหน้าสู่เป้าหมายไปด้วยกัน ใครสนใจร่วมบุกเบิกในโลกใหม่ไปกับเรา สมัครมาร่วมครอบครัวกันได้เลยนะครับ
ได้ฟังประสบการณ์ Agile จากต่างประเทศโดยพี่ตะวันไปแล้ว เรื่องราวของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้ พาร์ทสองเราจะมาติดตามชีวิตพนักงาน KBTG ที่กำลัง Agile จากต่างจังหวัดกันบ้างค่ะ
สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech
