Change: an Elephant in the Room

jo@sabotender
KBTG Life
Published in
2 min readMar 13, 2023

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. หลังวันวาเลนไทน์สองวัน ผมได้มีโอกาสร่วมชมกิจกรรม Elephant in the Room ของพี่ๆ เพื่อนๆ ผู้บริหารในบริษัท เลยถือโอกาสเอาไอเดียมาเล่าสู่กันฟัง

Image by rawpixel.com on Freepik

An Elephant in the Room เป็นสำนวนภาษาอังกฤษที่หมายถึงปัญหาหรือสถานการณ์แบบที่เราต่างมองเห็นได้ชัดเจน แต่ผู้คนไม่อยากจะเอ่ยถึงมัน หรือบางครั้งเราเองก็เห็นแต่เลือกที่จะปฏิเสธการมีตัวตนของมัน

Definition from Cambridge Dictionary

ตัวกิจกรรมนี้ก็ง่ายๆ ครับ แค่เพียงจัดกลุ่มช่วยกันคิดว่าอะไรคือช้างในห้องของเรา และออกมานำเสนอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ตัวผมเองรู้สึกว่ากิจกรรมนี้คล้ายกับ Retrospective Session ในแบบที่เจาะจงคาแรกเตอร์ของปัญหาที่จะคุยกันนั่นแหละ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีครับ เพราะปัญหาที่มันชัดเจนและมีคนทำการแก้ไขอยู่ ไม่น่ากลัวเท่ากับปัญหาที่ทุกคนปฏิเสธที่จะแก้ไขมัน ถ้าปัญหานั้นขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับ “ระเบิดเวลา” ที่อยู่ในห้องของเรา แต่เสียดายอยู่นิดนึงว่าตัวกิจกรรมน่าจะมีเวลามากกว่านี้ น่าจะมีทีมงานที่รับฟังรายละเอียดและนำไปวางแผนปฏิบัติต่อ เพราะยังมีอีกหลายปัญหาที่ผมคิดว่าไม่ได้นำมาพูดกันเนื่องด้วยเวลาอันจำกัดในวันนั้น

จะว่าไปผมก็แอบนึกถึงประโยคในตำนาน “ช้างกูอยู่ไหน?” ของพี่โทนี่จาขึ้นมาตะหงิดๆ เหมือนกัน

ขอขอบคุณภาพยนตร์ไทยเรื่อง ต้มยำกุ้ง

แล้วตกลงช้างกูอยู่ไหน???! ไม่ใช่ละ… สำหรับตัวผมเอง อะไรคือช้างในห้องล่ะ?

เมื่อลองมองให้ดี ผมว่าผมเห็นช้างหลายเชือกที่ขนาดต่างๆ กันไป (มีตัวเดียวก็แย่แล้วป่ะ) บางทีช้างก็อยู่ในห้องของผมเอง บางทีช้างก็อยู่ที่ออฟฟิศ ถ้าต้องเลือกมาสักเชือก ผมขอเลือกเจ้าเชือกนี้ครับ

ความคิดที่ว่าเรายังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน

ความคิดที่ว่าจะเปลี่ยนทำไมในเมื่อแบบปัจจุบันก็ทำงานได้อยู่

ความคิดที่ว่าขอทำแบบที่เคยชินก่อนเพราะยังไม่มีเวลาเรียนรู้

ความคิดประมาณนี้แหละที่เป็นทั้งตัวปัญหาเอง (ตัวช้างพ่อแม่พันธุ์) และเป็นทั้งสาเหตุของปัญหาอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาก (ช้างรุ่นลูกรุ่นหลาน)

Image by Earlvin Antonio from Pixabay

พูดแล้วก็เข้าตัว ผมนึกถึงเวลาตัวเองหาข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย โดยหาเหตุผลต่างๆ นานาเข้าข้างตัว

ช้างเชือกนี้ยังสะท้อนเหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันได้อีก ยกตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าเราทำงานไอที ต้องศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา แต่เราที่ไม่ได้หาความรู้ใหม่ๆ มานาน กลับให้เหตุผลกับตัวเองว่าก็เพราะที่ทำงานมีแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ให้ใช้นี่นา เคสนี้เกือบแล้วครับ เหตุผลเกือบถูก แต่ยังไม่ถูก

ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าช้างเชือกนี้เดินเข้าไปอยู่ในโค้ด ผมจะเรียกมันว่า “Technical Debt” ลองนึกถึงสถานการณ์ที่เราหลีกเลี่ยงการ Refactor โค้ด หรือแม้แต่เวลาที่เราหลีกเลี่ยงการอัพเกรดเวอร์ชัน Library หรือ Framework ไปนานๆ เข้า จนถึงจุดหนึ่งที่อัพเกรดไม่ไหว ไม่คุ้มทุน ต้องรื้อเขียนใหม่บ้างอะไรบ้าง เรียกว่าหนี้ท่วมหัวล้มละลาย ระเบิดเวลาในห้องเกิดระเบิดขึ้นมา

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เรียลมากในปีที่ผ่านมาของผม คือเมื่อผมได้มีโอกาสทำงานเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่เรียกว่าเป็น IT Transformation ซึ่งเป็นโครงการเพื่อรณรงค์ให้บุคลากรด้านไอทีในบริษัทเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาใช้วิธีการทำงานใหม่ๆ หรือเครื่องมือใหม่ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น แน่นอนว่าทันสมัยก็ต้องดีและมีประโยชน์ แต่บางทีมันเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่คุ้นเคย และแน่นอนถูกมองว่าเป็นงานส่วนที่เพิ่มเติมจากงานปกติของคนเหล่านั้น งานนี้เองทำให้ผมสังเกตเห็นผู้คนอยู่สองกลุ่ม

  1. กลุ่มที่มองการเปลี่ยนแปลงเป็น Cost-First คือเป็นต้นทุนหรือเป็นการลงทุน ก็จะตามมาด้วยคำถามประมาณว่า ยากไหม ใช้เวลาเท่าไหร่ จำเป็นจริงเหรอ ทำแล้วจะคุ้มไหม
  2. กลุ่มที่มองการเปลี่ยนแปลงเป็น Opportunity-First หรือเป็นโอกาส แน่นอนว่ามันต้องมี Learning Curve ต้องมีการลงทุน แต่ไม่เป็นไร เรียนรู้และสู้ไปด้วยกัน

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงคนในกลุ่มแรกจะยากกว่าคนในกลุ่มที่สอง และข่าวร้ายคือคนกลุ่มแรกมีจำนวนมากกว่ากลุ่มที่สอง หรืออย่างน้อยก็พอๆ กัน

ตัวผมเองคิดว่าเราไม่ควรนำสองกลุ่มนี้มาเปรียบเทียบกันว่ากลุ่มไหนดีกว่ากลุ่มไหน เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้มาจากคนสองกลุ่มนี้ก็คือ…

“เรามักคิดคำนวณว่าต้องลงทุนเท่าไหร่ถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่เรากลับไม่คิดว่าหากยังไม่เปลี่ยน เราจะเสียต้นทุนทางโอกาสไปเท่าไหร่”

ในอีกแง่หนึ่งก็กล่าวได้ว่า “ในโลกที่หมุนไปด้วยความเร็วขนาดนี้ แค่คุณอยู่เฉยๆ คุณก็เหมือนกับถอยหลังแล้วนั่นเอง”

ถ้ามองให้ลึกซึ้งลงไปอีกขั้น ช้างเชือกนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของการทำ Prioritization อีกด้วย ตัวผมเองมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าอะไรที่สำคัญกับเราจริงๆ หรือเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ ต่อให้เรายุ่งแค่ไหน เราจะมีเวลาให้เจ้าสิ่งนั้นจนได้ครับ แต่ถ้าเราบอกว่ามันสำคัญ แต่เรายังไม่มีเวลาทำมัน แสดงว่าสิ่งนั้นก็ยังไม่สำคัญเท่าไหร่ บางคนอาจจะบอกว่ามันมีแกนของ “ความเร่งด่วน” ด้วย มันอาจจะสำคัญแต่ยังไม่เร่งด่วนไง ผมจะบอกว่ากรณีนี้ต้องมอนิเตอร์อย่างระวังนะครับ เพราะบางครั้งพอมันเร่งด่วนขึ้นมา จะเกินเยียวยาไปเลย

สำหรับองค์กรแล้ว ผมรู้สึกว่าปัญหานี้เป็นช้างที่บิ๊กเบิ้มเลย เพราะในโลกปัจจุบันที่หมุนเร็วขนาดนี้ และโลกอนาคตที่จะยิ่งเร็วขึ้นอีก การที่องค์กรจะเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้อยู่รอดและยั่งยืนได้ ต้องอาศัยรากฐานนั่นก็คือพนักงานอย่างเราๆ นี่แหละครับ องค์กรสามารถสนับสนุนพนักงานให้เปลี่ยนแปลงได้ โดยวางนโยบายในแบบ Top-down และ Bottom-up ผ่าน KPIs, OKRs, Working Process ต่างๆ แต่จุดสำคัญที่ผมเน้นย้ำเป็นประจำคือ “ตัวเราเอง” นี่แหละครับ เราก็จะอยู่รอดได้ในโลกใบนี้ตราบใดที่เราไม่หยุดอยู่กับที่ เราไม่ต้องรอบริษัทหรือรอสิ่งภายนอกมาบอกให้เราเปลี่ยน เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตั้งแต่วินาทีนี้เลย

การเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่สำคัญครับ มันไม่จำเป็นต้องได้ Priority สูงที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดที่คุณถืออยู่ แต่คุณแค่ให้ Priority มันอยู่ในโซนสำคัญเร่งด่วน และทยอยทำวันละเล็กละน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดผลที่ยิ่งใหญ่แล้ว

และแน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสมบัติที่เป็นรากฐานสำคัญของ Leader โดยเฉพาะ Transformation Leader ที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ตัวคุณเองและองค์กรของคุณ ซึ่งผมสังเกตได้ว่าจุดที่สร้างความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างคนธรรมดาและ Super Leader ก็คือ Mindset เกี่ยวกับ Transformation หรือ Change ที่มันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาหรือเธอเหล่านั้นต้องทำทุกวันเป็นกิจวัตร เป็นงานประจำ ไม่ใช่งานหรือภาระที่เข้ามาเพิ่มจากงานปกติ ไม่ใช่ของที่ต้องอาศัยโอกาสพิเศษถึงจะทำขึ้นมาได้

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นช้างที่ผมเลือกมาครับ แล้วช้างในห้องของคุณหน้าตาเป็นยังไงบ้าง วันนี้คุณเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร มาร่วมเม้นต์ร่วมแชร์กันได้นะครับ

ว่าแล้วเย็นนี้เราจะไปออกกำลังกายดีไหมน้า

คุยกันช่วงท้าย ผมจะบอกว่าถ้าเปลี่ยนช้างเป็น “ยุง” และถ้ามันอยู่ใน “ห้องนอน” มันจะพีคมากสำหรับผม เพราะผมประมาณว่าเป็นคนหูไวครับ ปัญหานี้สมควรอยู่ในโซนสำคัญและเร่งด่วนมากถึงมากที่สุด ถ้าผมจำไม่ผิด เฮียโน้ตอุดมได้กล่าวไว้ในเดี่ยวไมโครโฟนสักตอนของแกว่า ถ้าแกแค้นใครจะไปเกิดเป็นยุงไปตอมหูมันตอนนอน ฮ่าๆๆๆ

Mosquito in Your Bedroom

Happy Searching for An Elephant in Your Room!

สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวดีๆ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ จากชาว KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech

--

--

jo@sabotender
KBTG Life

principal DEVelopment eXcellence engineer — DEVX@KBTG / Full-time Daddy / Console Gamer & Gunpla Collector