Hybrid Cloud: ประสบการณ์พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้ชีวิตการทำ Data Analytics ดียิ่งขึ้น

Kris B
KBTG Life
Published in
2 min readNov 30, 2021

ในโลกธุรกิจยุคนี้ หนึ่งในสินทรัพย์ที่ล้ำค่าที่สุดย่อมหนีไม่พ้น Data แต่พอมี Data เยอะมากๆ เข้า เราจะเอาที่ไหนเก็บนี่สิ วันนี้ชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ Hybrid Cloud โปรเจคที่ทาง KBTG ทำมาตั้งแต่ปี 2019 เพื่อมาแก้ปัญหาในส่วนนี้ ข้อมูลส่วนไหนที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ On-Premise ก็จับโยนขึ้น Cloud ไปสิ ฟังดูง่ายแต่ Working Team น่าจะขอเถียงขาดใจเลย ยังไงเดี๋ยวให้ทางพี่ฝน มนต์รวี Deputy Managing Director และพี่ตูน Advanced Data Engineer มาเล่ารายละเอียดให้ฟังดีกว่าค่ะ

ช่วยเล่าที่มาของ Hybrid Cloud ให้หน่อยได้มั้ยคะ

พี่ฝน: เริ่มจากการที่ KBank ได้มีการทำเรื่องของ Big Data และ Data Analytics มาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งที่ผ่านมาเราทำกับ Environment ที่เป็นเซิร์ฟเวอร์แบบ On-Premise เมื่อเวลาผ่านไป เรามี User ที่มาใช้งานบน Environment ของเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากหลักร้อยต้นๆ เป็นหลายร้อย ข้อมูลที่ไหลเข้ามาเก็บก็เพิ่มจำนวนขึ้นมหาศาล ทำให้เราต้องเพิ่มเครื่องไปเรื่อยๆ จน Cluster ของเราขยายใหญ่มากๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอในการรองรับ User โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำ Advanced Analytics อย่าง Data Scientist, Data Analyst หรือ Machine Learning Engineer เราพยายามที่จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางด้าน Resource นี้ จึงมองว่าถ้าย้ายไปทำ Data Analytics on Cloud น่าจะช่วยตอบโจทย์เป็นอย่างดี เพราะเราสามารถขยายเครื่องตาม Demand ได้ (Scalability) อีกทั้งบน Cloud ยังมี Tools จำพวก SaaS (Software as a Service) ที่หลากหลายกว่า ในขณะที่ถ้า Data Scientist เกิดอยากใช้ Tools หรือ Library บางตัวขึ้นมา ก็อาจจะพบเจอข้อจำกัดหลายอย่าง On-Premise เช่น เรื่อง Compatibility การติดตั้ง การซื้อ License เป็นต้น การใช้ Cloud ก็จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในส่วนนี้

ความท้าทายของโปรเจคนี้มีอะไรบ้างคะ

พี่ฝน: เทคโนโลยีหลายๆ ส่วนเป็นของใหม่ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนค่ะ เราจึงต้องมีการลองผิดลองถูก พบเจอกับข้อจำกัดหลายๆ อย่างตั้งแต่การติดตั้งแพลตฟอร์มเลย แต่ก็ได้ทาง Vendor มาช่วยซัพพอร์ต พร้อมกันนั้นเราพยายามหาวิธีขน Data ธนาคารขึ้นไปบน Cloud เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของ User โดยยังคงไว้ในเรื่องของ Data Security อยู่ เพราะ On-Premise เป็น Controlled Environment ที่เราสามารถจัดการเรื่อง Security ได้ แต่พอเป็น Cloud เราต้องมีการการทำ Data Anonymization เพื่อป้องกันความปลอดภัย รวมถึงเป็นการปฏิบัติตามข้อบัญญัติ PDPA ค่ะ

พี่ตูน: ถ้าเป็นความท้าทายส่วนตัวก็จะมีเรื่องของการเรียนรู้ครับ พี่เข้า KBTG มาช่วงกลางปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเซ็ตอัพแพลตฟอร์มและเริ่มเปิดใช้งาน ก่อนหน้านี้พี่เองเคยมีประสบการณ์ทำแพลตฟอร์มบน Cloud อยู่แล้ว แต่เป็น Cloud คนละเจ้า เราอาจจะไม่รู้เทคโนโลยีทั้งหมดทันทีที่เข้ามา ก็ค่อยๆ เรียนรู้ On the Job Training และจากปัญหาที่เกิดขึ้นกันไป ส่วนความท้าทายทางด้าน Technical นั้น ต้องบอกก่อนว่าการย้ายข้อมูลจะไม่ได้เหมือนกับการยกสิ่งที่มี On-Premise ขึ้นไปไว้บน Cloud เฉยๆ แต่เราจะต้องไปปรับให้เหมาะสมกับ Architecture บน Cloud ด้วย เราต้องมองภาพว่ามันไม่ใช่ Database ก้อนเดียว แต่คือการแชร์ Resource ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถจ่ายเพื่อดึง Resource ต่างๆ มาใช้ และสามารถแยกออกมาเป็นชิ้นๆ ได้ มีเป็น Pay Per Use ใช้เท่าไหร่จ่ายเท่านั้น นอกจากนี้อีกหนึ่งความท้าทายคือกระบวนการ Migrate ข้อมูลขึ้นไป ที่บางครั้งมีการเปลี่ยนกฎ หรือเจอปัญหาด้าน Infrastructure ค่อนข้างเยอะ

การให้คนเปลี่ยนจากการทำ On-Premise มาทำบน Cloud แทนนั้นยากมั้ยคะ

พี่ฝน: เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากเลยค่ะ เพราะเขาเองรู้สึกว่าที่ผ่านมาก็อยู่ได้หนิ ถึงจะทำไปบ่นไปก็เถอะ เหมือนคนมีบ้านอยู่แล้ว วันนึงเราไปบอกให้เขาย้ายมาบ้านใหม่ ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการสร้างอยู่ อาจจะยังตกแต่งไม่สวยงาม User ก็จะตั้งคำถามว่าแล้วทำไมต้องย้ายมาบน Cloud เพื่อมาเจอ Environment อีกแบบนึงด้วย เราจึงพยายามแชร์ให้เขาเห็นประโยชน์ของ Hybrid Cloud แต่ด้วยความที่เป็น Pay Per Use ทาง User ต้องคำนึงถึง Cost ตอนใช้งานด้วย ถ้าเป็น On-Premise แล้วเขียน Query ไม่ดี ก็อาจจะกิน Resource เครื่องและทำเครื่องร่วงใช้งานไม่ได้ แต่ไม่ได้ทำให้มี Cost เพิ่มเติมใดๆ พอมาเป็น Cloud อาจจะรันแล้วกิน Resource แทบจะทั้ง Cluster on Cloud ทำให้เก็บเงินมากกว่าที่ควรจะเป็น เราก็ต้องพยายามหาจุดบาลานซ์ระหว่างการตอบโจทย์การใช้งานและคุมให้ Cost ไม่ให้มากจนเกินงบ

พี่ตูน: เราพยายามหาสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีบน On-Premise มานำเสนอเพื่อให้เขาเห็นว่าการเปลี่ยนไปใช้ Cloud จะทำให้ชีวิตเขาง่ายขึ้นอย่างไร เช่น ถ้าเขาจะทำโมเดล เราก็พยายามหา Tools บน Cloud ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น หรือ Use Case อื่นๆ เพื่อมาตอบโจทย์เขาทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ

ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลัง Hybrid Cloud

Takeaway หลักๆ จากโปรเจคนี้คืออะไรคะ

พี่ตูน: การ Empathize เป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะการที่เราจะย้าย User ไปใช้งานบน Cloud นั้นไม่ง่ายเลย เพราะเขามองว่าที่เขาทำ On-Premise อยู่ทุกวันก็โอเคแล้ว ถึงจะติดขัดบ้างแต่ก็อยู่ได้ พอเราทำโปรเจคไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบว่าวิธีการแก้ปัญหาตรงจุดนี้คือเราต้องใช้ Empathy Listening พอสมควร เข้าไปทำความเข้าใจงานของ User ให้มากขึ้น เพื่อที่จะทำให้ตัว Hybrid Cloud สามารถตอบโจทย์เขาให้มากขึ้นตรงจุด เขาจะได้สบายใจในการเปลี่ยนไปใช้ Cloud ครับ

พี่ฝน: พี่เห็นด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้เราก็มุ่งหน้าสร้างแพลตฟอร์มแล้วก็บอกคนว่ามาใช้เหอะ แต่พอไปเห็นภาพของ Use Case เขาจริงๆ แพลตฟอร์มที่ทำอาจจะตอบโจทย์เขาแค่ในมุมเดียวเท่านั้น ยังเหลืออยู่อีกหลายมุม พอเราเข้าใจสาเหตุ เราก็สามารถกลับมาปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

พี่ตูน: สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของการทำแพลตฟอร์ม Hybrid Cloud ขึ้นมาคือเพื่อตอบโจทย์คนทั้งองค์กรครับ เราอยากให้ User สามารถใช้ข้อมูลทำงานได้อย่างสะดวกขึ้น เพื่อให้ธนาคารและองค์กรของเราขยับไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ดังนั้นสำหรับทุกๆ คนคือเป้าหมายเดียวกัน ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าผ่านไปได้เมื่อไหร่ เราก็จะเป็นคนที่ได้ประโยชน์ครับ

สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech

--

--