It Takes TWO บทเรียนจากเกมส์ กับเรื่อง Agile Collaboration ที่หยิบมาใช้ได้จริง
วันก่อนครับ ผมได้ PS5 มาจากการจอง (ขออวดหน่อย 555) ก็กะว่าจะเอามาเล่นกับลูกนี่แหละ (แถมได้เติมเต็มความฝันพ่อด้วย 555)
แต่พอได้เจ้าเครื่องมา ปัญหาก็บังเกิด… ไม่ค่อยมีเกมส์สำหรับเล่นด้วยกันสองคนเลย ผมจึงต้องลองหาว่าเกมส์ไหนใน PS5 ที่เล่นพร้อมกันสองคนได้นะ จนมาเจอเกมส์นี้ครับ It Takes Two
“It Takes Two คือเกมส์ Co-op ที่เรียกตัวเองว่าเป็นเกมส์ แนว Action-Adventure ในธีมโรแมนติกคอเมดี้
เริ่มต้นการเดินทางที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของคุณใน It Takes Two เกมแพลตฟอร์มแนวผจญภัยที่ผสมผสานหลายรูปแบบการเล่นและสร้างขึ้นสำหรับการร่วมมือกันเล่นอย่างแท้จริงนี้ ชวนเพื่อนมาเล่นฟรีด้วย Friend’s Pass* แล้วร่วมมือกันฟันฝ่าสารพัดความท้าทายสุดยุ่งเหยิงที่แสนจะเร้าใจ เล่นเป็นคู่หูต่างขั้ว Cody และ May ซึ่งเป็นสองมนุษย์ที่ถูกมนตร์คาถาสาปให้กลายมาเป็นตุ๊กตาโดยพวกเขาทั้งสองติดอยู่ในโลกมายาที่มีสิ่งไม่คาดฝันซุ่มซ่อนอยู่ทุกซอกทุกมุมและพวกเขาต้องฝืนใจรับมือกับความท้าทายเพื่อกอบกู้ความสัมพันธ์อันแตกร้าวของพวกเขาเอาไว้
ฝึกฝนการใช้ความสามารถที่แตกต่างแต่เชื่อมโยงถึงกันได้ของแต่ละตัวละครให้เชี่ยวชาญในด่านใหม่ทุกๆ ด่าน ช่วยเหลือกันและกันรับมือกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึงและเหตุการณ์มากมายที่ชวนให้ระเบิดเสียงหัวเราะ เตะหางปุกปุยของเหล่ากระรอกจอมอันธพาล ขับขี่กางเกงชั้นใน เป็น DJ ในไนต์คลับที่ดังอื้ออึง และไถลตัวบนแคร่หิมะในลูกแก้วหิมะต้องมนตร์ เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวที่แสนจะขบขันและน่าประทับใจซึ่งเนื้อเรื่องและการเล่นถูกนำมาถักทอรวมกันกลายเป็นประสบการณ์ที่ผสานสอดรับกันอย่างดี
เกม It Takes Two พัฒนาขึ้นโดยสตูดิโอที่ได้รับรางวัลอย่าง Hazelight ซึ่งเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมในด้านการเล่นแบบร่วมมือกัน พวกเขาจะพาคุณไปพบกับความหฤหรรษ์อันโลดโผนและแสนมหัศจรรย์ที่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่แน่นอน นั่นก็คือความหมายของคำว่ารวมกันเราอยู่ (Open-Mindedness)” — คำโปรยจาก Steam
แต่วันนี้ผมไม่ได้มารีวิวเกมส์นะครับ ต้องขออภัยด้วย :P ผมอยากนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเกมส์นี้มาเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องของ “Collaboration”
Collaboration
Collaboration คือการทำงานแบบร่วมแรงร่วมใจ ทำงานร่วมกันแบบประสานการทำงานให้สอดคล้องกันทั้งภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่มทีมงาน เพื่อให้เป้าหมายหลักร่วมกันขององค์กรเสร็จสมบูรณ์
หัวใจของการทำงานแบบ Collaboration คือการมีสัมพันธภาพที่ดีของคนในกลุ่มและในองค์กร ซึ่งเมื่อมีเป้าหมายหลักร่วมกันแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถดำเนินการไปสู่เป้าหมายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้นำทีม เพียงแต่ละคนและแต่ละทีมรับทราบ เข้าใจบทบาท มีความสัมพันธ์ที่เอื้ออำนวยซึ่งกันและกัน ก็จะส่งเสริมและช่วยเหลือจนเป้าหมายหลักสำเร็จ คนทำงานจะรู้สึกว่าความสำเร็จนั้นเป็นความสำเร็จร่วมกัน
โอ้… พระเจ้า Agile 5555 ฟังดูแล้วช่างเอามาโยงเข้ากับการทำงานแบบ Agile ได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ แถม 1 ใน Heart of Agile ยังพูดถึงเรื่อง Collaborate อีกด้วย
Heart of Agile : Collaborate
หนึ่งในแกนสำคัญของ Heart of Agile คือเรื่องของการ Collaborate ซึ่งในแกนนี้จะพูดถึงทั้งการ Collaborate ในเรื่องของไอเดียที่ควรประสานร่วมกัน ทั้งฝ่ายคิด ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Business, Customer, Marketing, etc. Collaborate ร่วมกับฝ่ายทำ ในฝั่ง Developer, etc. เพื่อให้ได้ของที่ควรทำและทำได้จริง อีกทั้งสามารถส่งมอบคุณค่าไปถึงผู้ใช้หรือลูกค้าได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ยังพูดถึงการ Communicate เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันในทุกกระบวนการ ใช้ Tools อย่างเหมาะสม พูดคุยเพื่อให้เข้าใจ และสามารถเก็บข้อมูลที่พูดคุยไว้ได้ในที่ที่ทุกคนเข้าถึง สื่อสารกันบ่อยๆ เพื่อให้เกิดการเข้าใจตรงกัน (Same Understanding)
อย่างที่กล่าวข้างตน ในเกมส์นี้ คุณต้องประสานงานกับคู่เล่นเพื่อช่วยกันผ่านด่านต่างๆ ไปให้ได้ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการพิชิตเกมส์นี้ ซึ่งแต่ละด่านก็จะมีสิ่งที่คุณและเพื่อนต้องช่วยกันแก้ไขปริศนา ช่วยกันใช้ความสามารถเฉพาะที่ตัวเองมี ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้ด้วยกัน ซึ่งถ้าคุณไม่ได้ Collaborate กัน ก็อย่าหวังว่าจะผ่านด่านต่างๆ ไปได้ ไม่ว่าคุณจะเล่นเก่งแค่ไหน คุณไม่มีทางที่จะผ่านด่านไปได้เพียงคนเดียวแน่นอน
ดังนั้นคอนเซ็ปต์ Collaboration จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากในการเล่มเกมส์นี้
อะไรบ้างที่ได้เรียนรู้จาก It Takes Two
Communicate
สำหรับเกมส์นี้ การสื่อสารกันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ การจะผ่านด่านหรือแก้ปัญหานึงไปได้นั้น จะต้องคอยสื่อสารทำความเข้าใจกันว่าตอนนี้ใครไปเจออะไร ใครสามารถทำอะไรได้ เนื่องจากตัวเกมส์จะแบ่งออกเป็นสองหน้าจอให้ผู้เล่นแต่ละคนเล่น การที่ผู้เล่นแต่ละคนสื่อสารให้กันและกันรู้ว่าตอนนี้เจออะไร ทำอะไรอยู่ หรือสามารถทำอะไรได้เป็นสิ่งสำคัญต่อการไปต่อหรือการผ่านด่านเป็นอย่างมาก เพราะคุณจะไม่สามารถผ่านแต่ละด่านไปได้คนเดียวโดยที่ทิ้งเพื่อนร่วมเล่นไว้
ไม่ต่างอะไรกับการทำงานร่วมกัน เราต่างคนอาจจะมีหน้าที่ที่ต่างกัน ทำงานต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามีเป้าหมายร่วมกันคือการทำงานให้สำเร็จ การทำ Product ให้ผู้ใช้งานหรือการแก้ปัญหาบางอย่าง ซึ่งเราคงต้องแยกย้ายกันไปทำงาน แต่หมั่น Communicate กันเป็นระยะ โดยเฉพาะเมื่อเจออะไรสักอย่างที่ต้องช่วยเหลือกัน หรือต้องการความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อให้เราสามารถผ่านมันไปได้
อย่างเช่นในการทำงานแบบ Agile โดยใช้ Scrum เราก็จะมี Daily Scrum ที่ช่วยให้ทีมงาน Communicate ถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการเดินหน้าต่อไป การพูดคุยให้เห็นภาพว่าใครทำอะไรอยู่ตรงไหน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพรวมของงานทั้งหมด หรือใครติดอะไรอยู่ ต้องการความคิดเห็นหรือความช่วยเหลืออะไร อีกทั้งจะได้เห็นว่าตอนนี้ทีมของเราใกล้จะเสร็จ ใกล้จะถึงเป้าหมายหรือยัง อะไรที่ยังเหลืออยู่ที่เราสามารถช่วยเหลือกันได้
Trust
ความไว้ใจกันและความเชื่อใจกันเป็นสิ่งสำคัญมาก ในเกมส์นี้จะมีหลายด่านมากที่ชีวิตเราขึ้นอยู่กับเพื่อนที่เล่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่เพื่อนต้องตอกตะปูให้เป็นที่โหนให้เรา เพื่อนต้องกะจังหวะปิดสวิสเพื่อให้เราผ่านประตูไปได้ บางด่านเราต้องรอให้เพื่อนจัดการบางอย่างเพื่อให้ประตูเปิดให้เรา หรือบางด่านที่เพื่อนต้องสับรางให้ถูกเพื่อเราจะได้ไม่ตกราง
ไม่ต่างอะไรกับการทำงาน เมื่อต่างคนต่างทำงานที่ต้องเองได้รับมอบหมาย ทำงานที่ตัวเองต้องทำ เราไว้ใจกันว่าทุกคนนั้นตั้งใจและพยายามทำงานของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เราไม่ควรที่จะไปคอยระแวงว่าคนนั้นจะทำงานนั้นหรือไม่ คนนี้จะทำงานได้ดีหรือไม่ ในช่วงแรกที่ไม่เคยทำงานด้วยกันอาจจะมีความรู้สึกแบบนั้นได้ไม่ผิด เหมือนคนที่เล่นเกมส์ด้วยกันแรกๆ ก็จะความระแวงว่าเพื่อนจะทำให้ผ่านด่านได้หรือไม่ แต่พอเล่นเกมส์ไปด้วยกันเรื่อยๆ ความเชื่อใจก็จะเพิ่มขึ้นมาผ่านการ Communicate กันด้วย
ในการทำงานแบบ Agile เมื่อทีมงาน Commit งานที่จะทำในรอบงาน (Sprint) แล้ว เราก็ควรให้ความเชื่อใจ ไว้ใจว่าพวกเค้าสามารถทำงานนั้นได้ตามที่ Commit ไว้ และเมื่อไหร่ที่เกิดปัญหา การที่เรา Communicate บ่อยๆ ก็จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจะช่วยเหลืออะไรกัน
Believe in Expertise
ในเกมส์นี้แต่ละด่านผู้เล่นแต่ละคนจะมีพลังและความสามารถไม่เหมือนกัน เช่น พลังสร้างเชื้อเพลิงและพลังในการจุดไฟ ซึ่งพลังของแต่ละคนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผ่านด่านนั้นๆ รวมถึงไม่สามารถใช้เพียงพลังของคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องใช้พลังของทั้งสองคนที่ต่างกัน รวมพลังกัน ประสานพลังกัน ถึงจะผ่านด่านนั้นไปได้
ในการทำงาน ต่างคนต่างมีความสามารถที่ต่างกัน มีความเชี่ยวชาญที่ไม่เหมือนกัน
- UX มีความสามารถในการเข้าใจมุมมองของผู้ใช้การ ทำการ Research
- BA มีความสามารถในการประสานความเข้าใจระหว่าง Business และ Tech
- PM มีความสามารถในการมองภาพรวมของ Product และช่วยประสานงานในมุมต่างๆ
- Dev แต่ละคนก็มีความสามารถที่ต่างกัน ไปตามสิ่งที่ตัวเองต้องเขียน ไม่ว่าจะเป็นภาษาต่างๆ หรือระบบต่างๆ
เพียงคนใดคนหนึ่งคงไม่สามารถ Deliver ของที่ใช้งานได้จริงและตอบโจทย์ผู้ใช้ออกมาได้ ต้องเป็นการใช้ความสามารถของทุกคนประสานกัน จึงจะทำใด้
เพราะฉะนั้นทีม Agile จึงเป็นทีมที่รวมผู้ที่เกี่ยวข้องกับ Product ตั้งแต่คิดจนทำทุกขั้นตอนไว้ด้วยกัน
Accept Failure
ยอมรับและเรียนรู้ในความผิดพลาด ในเกมส์นั้นเราตายบ่อยมากครับ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเราทำพลาดเอง เพื่อนทำพลาด บอสเก่งเกินไป หรือเราแค่เดินตกแบบโง่ๆ ทั้งนี้เกมส์เริ่มใหม่ได้เสมอ ถ้าเราโกรธกันเพราะอีกคนทำพลาด เราคงเล่นเกมส์ต่อไม่ได้
เหมือนกับการทำงานครับ เรามีโอกาสทำผิดพลาดไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง หากแต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นๆ แล้วแก้ไขปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Product หรือเรื่องของกระบวนการทำงาน หากเรามีพื้นที่ที่ทุกคนสามารถ Feedback เพื่อปรับปรุงกันได้ ความผิดพลาดก็จะเป็นเหมือนรางวัลที่พวกเรามีโอกาสนำมาใช้ได้
ในกระบวนการ Scrum ในทุกๆ Sprint จะมีกิจกรรมที่เรียกว่า Sprint Review (Demo) ที่จะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับ Product นั้นมาดูว่าทีมทำอะไรสำเร็จไปบ้างแล้วในรอบนี้ และมี Feedback อะไรที่เราต้องนำเอาไปปรับปรุง ซึ่งอาจจะเป็น Requirement ในรอบถัดไปก็ได้ รวมถึงยังมีกิจกรรม Retrospective ที่จะให้ทีมนำสิ่งที่เรียนรู้จากรอบการทำงานที่ผ่านมามาพูดคุยกันว่าเรามีอะไรที่อยากปรับปรุง และช่วยกันเลือกสิ่งจำเป็นที่ต้องปรับปรุง มาลองทำ แล้วติดตามผล เพื่อให้รูปแบบการทำงานร่วมกันของทีมพัฒนาขึ้น
Great things in business are never done by one person — Steve Jobs
สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆแบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech
