KASIKORN X กับภารกิจบุกโลก DeFi and Beyond

Kris B
KBTG Life
Published in
3 min readJul 27, 2021

เมื่อเดือนมกราคม ปี 2020 ตั้งแต่ที่ประเทศไทยยังไม่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชื่อของ KASIKORN X หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า KX ถูกพูดถึงครั้งแรกบนเวที KBank Vision 2020 งานแถลงวิสัยทัศน์ของธนาคารกสิกรไทย โดยพี่กระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน KBTG ของเรากล่าวว่า KX จะเป็นบริษัท New S-Curve Factory ที่มีภารกิจในการผลิตยูนิคอร์น FinTech พร้อมด้วยโมเดลการบริหารแบบสตาร์ทอัพเต็มตัว ถึงวันนี้เวลาผ่านมาปีครึ่ง KX กำลังพา KBank ไปบุกโลก Decentralized Finance and Beyond ภายใต้การนำของพี่พอล ธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Head of Venture Builder, KX ผู้มาพร้อมกับพันธกิจ “Build Trust in the Trustless World” ว่าแล้วเรามาพูดคุยและทำความรู้จักกับผู้นำ KX คนนี้กันค่ะ

“Public Blockchain จะทำให้เกิดบริการใหม่ๆ ตั้งแต่ Decentralized Finance จนถึง Beyond Finance”

ให้พี่พอลแนะนำ KX และหน้าที่ของตัวเองให้ฟังคร่าวๆ หน่อยค่ะ

KX คือ Venture Builder ของกลุ่มธนาคารกสิกรไทยครับ โดยมีทิศทางในการสร้างธุรกิจใหม่ในโลก Decentralized Finance หรือ DeFi ซึ่งเป็นการนำ Public Blockchain มาใช้ในการสร้างธุรกิจการเงิน (Finance) และธุรกิจแบบใหม่ในประเภทอื่นๆ (Beyond Finance) โดยเราตั้งธงว่าเราจะ “Build Trust in the Trustless World”

วิธีการทำ Venture Building ของ KX นั้นถูกออกแบบให้คล้ายกับการสร้างธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ (Startup) โดยในทีมจะมี Entrepreneur และ Builder มาทำงานร่วมกัน เหมือนกับ Co-Founder ในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในโลกของสตาร์ทอัพ โดยมีจุดมุ่งหมายคือศึกษา ทดลอง และออกสู่ตลาดจริงด้วยความเร็วแบบสตาร์ทอัพ เราถือว่าการล้มเหลวคือการเรียนรู้ ดังนั้น KX จึงเป็นพื้นที่ที่ดีมากสำหรับคนที่มีความฝันที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่มีความหมาย มีความเป็นเถ้าแก่ในตัวเอง ชอบสร้าง ชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ และอยากทำงานกับทีมที่มีจิตวิญญาณเดียวกันครับ

หน้าที่ของพี่คือดูแลทุกเรื่องตั้งแต่การวางทิศทางบริษัท กลยุทธ์ การสร้างทีม การคิดค้นธุรกิจใหม่ๆ และที่สำคัญที่สุดคือเราเป็นตัวปลดล็อคให้กับทีม ให้ทุกคนสามารถวิ่งได้เร็วที่สุดตามความตั้งใจของทีมครับ หรือเรียกได้ว่าพี่ปลดปล่อยพลังของทุกคนในทีมให้ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ครับ

ประสบการณ์ที่นำพี่พอลมาสู่ KX

พี่ทำงานด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยีที่ประเทศอินเดีย ไทย และสิงคโปร์ เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้พอสมควร พี่ได้ผันตัวเองไปเป็น Startup Founder ทำสตาร์ทอัพของตัวเองที่สิงคโปร์ในด้านเทคโนโลยี Open API และการพิมพ์ครับ จากนั้นกลับมาเมืองไทยและทำงานในสถาบันการเงินเกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยี Blockchain, AI/ML, AR/VR, และ Biometrics โดยทำงานร่วมกับคู่ค้าจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากอิสราเอล สวีเดน สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และอื่นๆ ทำให้ได้เห็นโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างธุรกิจหลายรูปแบบจากเทคโนโลยีเหล่านี้ครับ

ในด้านเทคโนโลยี พี่ประทับใจกับ Blockchain เป็นพิเศษ โดยเฉพาะ Public Blockchain ครับ เพราะเห็นได้ชัดว่าสามารถทำให้เราแก้ Pain Points และเปิดโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างมหาศาล โดยที่เทคโนโลยีอื่นไม่สามารถทำได้ พอเราสนใจเรื่องนี้มากก็กลายเป็นความสนใจส่วนตัว เราเริ่มหาความรู้เพิ่มเติม ได้ไปเจอผู้คนที่มีความเชื่อแบบเดียวกัน อีกทั้งได้ทดลองทำเหมืองขุด Cryptocurrency ต่างๆ เพื่อศึกษา Economics และ Use Cases ที่เป็นไปได้ของแต่ละเหรียญครับ

จังหวะที่ทำให้พี่สนใจเรื่อง DeFi คือช่วงปี 2016 พี่ได้มีโอกาสไปฟัง Vitalik Buterin บรรยายที่ประเทศสิงคโปร์ ตอนนั้นยังไม่มีคำว่า Decentralized Finance หรือ DeFi แบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้เลยนะ ตอนนั้น Vitalik ไปพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า dApp หรือ Decentralized Application ที่จุดประกายความเป็นไปได้ในการสร้างแอปต่างๆ บนโลกของ Ethereum วันนั้นเป็นวันที่จุดประกายความคิดและจินตนาการของพี่มากเลยครับ จากวันนั้นถึงวันนี้ dApp Movement เล็กๆ ในวันนั้น ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทั้งด้าน Finance และ Beyond Finance เลย น่าตื่นเต้นมากๆ ว่าจะเกิดนวัตกรรมอะไรอีกครับ

หลังจากนั้นพี่ได้มีโอกาสเปลี่ยนหน้าที่ของตัวเอง จากคนที่ทำการทดสอบ ทดลอง ทำ Proof of Concept (POC) กลายเป็นคนที่ได้ลุยสร้างธุรกิจด้วยเทคโนโลยี Blockchain จริงๆ จังๆ ธุรกิจที่สร้างคือธุรกิจโอนเงินข้ามประเทศเข้ามาในประเทศไทย (Inward Remittance) ซึ่งเป็นธุรกิจ B2B นะครับ เป็นโอกาสดีที่รวบรวมประสบการณ์ของเราในการเป็น Startup Founder ไปใช้ในองค์กรขนาดใหญ่เลยล่ะ เราได้เดินทางไปหลายทวีป ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อที่จะสร้างธุรกิจนี้ ผลที่ได้คือ การได้เห็นประโยชน์ของ Blockchain ในการใช้สร้างธุรกิจจริง พิสูจน์ด้วยการที่คู่ค้าหรือลูกค้าวิ่งเข้าหาธุรกิจเรา และเลือกเราแทนที่จะเลือกคู่แข่ง ซึ่งเป็นผู้เล่นที่กินส่วนแบ่งขนาดใหญ่อยู่แล้ว เป็นการเห็น Disruption ที่แท้จริง และสิ่งทำให้ตื่นเต้นยิ่งกว่าคือการได้เห็นการเจริญเติบโตของธุรกิจที่เราสร้างในองค์กรขนาดใหญ่ เทียบเคียงได้กับสตาร์ทอัพจริงๆ ครับ นี่เป็นจุดที่พี่สรุปได้เลยว่าองค์กรขนาดใหญ่สามารถเติบโตแบบสตาร์ทอัพได้อย่างแน่นอนเมื่อมีแนวทางที่ถูกต้อง

“สร้างธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตสูง” โจทย์ใหญ่จากพี่กระทิงในหมวก Venture Capital และพี่ในหมวก Startup Founder ในร่มเงาของ KBTG และ KBank”

โจทย์สุดท้าทายที่รอให้เขียนลงบนกระดาษเปล่า

“สร้างธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตสูง” โจทย์สั้นๆ และโคตรใหญ่ บนกระดาษเปล่าจากพี่กระทิง พร้อมคำถามจากผู้บริหารทุกคนว่า “Are you sure you want to do this?” และคำตอบของพี่ว่า “Let’s do this!”

KX เปรียบเสมือนผ้าใบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรอการสร้างสรรค์ครับ ไม่มีอะไรเลย นอกจากโจทย์สั้นๆ ที่พี่กระทิงให้ สำหรับพี่ที่เคยเป็น Startup Founder และมีประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจที่โตแบบสตาร์ทอัพในองค์กรขนาดใหญ่ พี่มองว่า KX คือภาพที่สวยงามที่สุด น่าตื่นเต้นที่สุด และท้าทายที่สุดครับ ทุกครั้งที่มีการคุยกันกับผู้บริหาร เค้าจะถามพี่ว่า “Are you sure you want to do this?” พี่จะตอบเขาได้ในทันทีว่า “Yes, let’s do this!” จนกลายมาเป็นพนักงานคนแรกของ KX

กำหนดทิศทาง วางกลยุทธ์ พอเข้ามาพี่ก็ทำงานใกล้ชิดกับพี่กระทิง และได้แรงสนับสนุนจากพี่เปิ้ล ขัตติยา CEO ของพวกเรา จนกำหนดได้ว่า KX จะเข้าสู่โลกของ Decentralized Finance (DeFi) and Beyond ครับ นอกจากนี้การวางวิธีการทำงานของ KX เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งยวด พี่จึงกำหนดด้วยคำสั้นๆ ว่า “KX คือบริษัทเทคโนโลยีที่มีหัวใจ” เพื่อใช้เป็นแนวทางการคิดธุรกิจ และการคัดสรรทีมงานที่จะเข้ามาในบ้านหลังนี้ สาเหตุเนื่องจากประสบการณ์ส่วนตัวพบว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องรองเสมอ เรื่องใหญ่จริงๆ คือ “คน” ดังนั้นถ้าเราใช้หัวใจนำ หูเราจะฟัง ตาเราจะมอง เพื่อเข้าไปดูว่า Pain Point ของคนคืออะไร หรือที่เรียกว่า Empathy นั่นเอง เมื่อเราเข้าใจแล้ว สิ่งเหล่านี้จะเป็นเหมือนดาวนำทางให้เราเลือกเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาหรือสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิตเขาได้อย่างไร จุดตัดของมนุษยชาติ (Humanity) และเทคโนโลยีจึงสะท้อนอยู่ดีไซน์โลโก้ของเรา รวมถึงสีที่แสดงให้เห็นถึงการหลอมรวมและความสามัคคีระหว่างสองอย่างนี้ครับ

KX Is a Bunch of Crazy People

ถัดไปเป็นการสรรหาคนที่ใช่มาร่วมทีม เวลาที่เราทำสตาร์ทอัพ พนักงาน 10 คนแรกสำคัญมากๆ เพราะเป็นทีมที่จะวางวัฒนธรรมองค์กรว่าจะเป็นอย่างไร นี่คือ First Priority เลย คือต้องมี Purpose, Passion และ Perseverance ไม่กลัวความล้มเหลว โดยทีมของ KX ประกอบด้วยคนสองกลุ่มคือ Entrepreneur และ Builder

  • Entrepreneur จะเป็นคนที่ Ideate คิดธุรกิจขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวหรือจากการสังเกตการณ์โลก กลั่นออกมาเป็นผลิตภัณฑ์และบริการ ดังนั้นคนที่เข้ามาจะต้องมีความเป็น Entrepreneur สูง อยากสร้างอะไรใหม่ๆ และยอมรับความเสี่ยงได้
  • Builder คือเหล่า Engineer เราอยากสร้าง Engineering Culture ที่ดี ให้คนที่เข้ามารู้สึกอุ่นใจว่าจะได้ทำงาน Engineering ที่ดีและมีคุณภาพ ได้โฟกัสกับงานที่ชอบ และสามารถเลือก Solution อย่างเปิดกว้าง เพื่อที่เราจะได้แนวทางที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละธุรกิจ

ทีมจะมีความเกรียนสูง ปล่อยลูกบ้าได้สุดพลังแบบไม่กลัว เพราะเราอยากจะ Bring Out the Best of People อีกทั้งการสื่อสารภายในทีมจะเป็นภาษาอังกฤษเป็นหลักครับ

“The people who are crazy enough to think they can change the world are the ones who do.” — Steve Jobs.

ทำไมต้องทำงานที่ KX

เพราะ KX คือพื้นที่สำหรับ Entrepreneur และ Builder อย่างแท้จริงครับ สามารถสรุปออกมาได้ 5 ข้อ ดังนี้

  1. ทิศทางชัดเจน KX โฟกัสที่ DeFi and Beyond เลย ดังนั้นคนที่เข้ามาจะรู้ว่ามาทำอะไร เราเองก็จะได้คนที่มีความสนใจในเรื่องนี้แบบเฉพาะเจาะจง
  2. ทำงานแบบสตาร์อัพ ทุกคนคือผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบชัดเจน นำทัพได้ทุกเรื่อง แต่ละคนรู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างตั้งแต่ที่บริษัทยังอยู่ในสเตจ 0 จนไปถึง 100 หรือบอกได้ว่าทำงานเหมือน Startup Co-Founder ครับ
  3. ความเชี่ยวชาญหลากหลาย แต่ละคนเป็นยอดมนุษย์ที่มีพลังไม่เหมือนกัน มีทักษะแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นในฝั่ง Consumer, DeFi Investment, Gaming และอื่นๆ ที่จะมาเสริมทัพในอนาคต อีกทั้งยังมีการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจาก KBTG และ KBank Group
  4. Reframe to Innovate สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา กรอบต่างๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา ธุรกิจต่างๆ ที่เราเห็น ล้วนถูกสร้างจากคนก่อนหน้าเราครับ ซึ่งไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นตลอดไป เราสามารถคิดใหม่ได้ ถามคำถามใหม่ได้ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่หลุดจากกรอบเดิมๆ ได้ครับ เมื่อเราคิดและฝีกฝนการคิดแบบนี้ได้ จะทำให้เราพบกับโลกใหม่ นี่คือสาเหตุที่เราพูดว่า Decentralized Finance and Beyond ครับ
  5. We Forge in Crisis KX ทั้งองค์กรถูกสร้างขึ้นมาในช่วงโควิด ทำให้ผลกระทบของไวรัสนี้ต่อชีวิตผู้คน ธุรกิจ สังคม เป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งที่จะสร้างธุรกิจที่มีความหมายและประสบความสำเร็จต่อไป

ใครอยากมาร่วมทีมกับพี่พอลเพื่อสร้างอนาคตและบุกโลก DeFi and Beyond ไปด้วยกัน ตอนนี้ทางทีม KX กำลังรับสมัคร Builders อีกหลายคนเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง DeFi Frontend Tech Lead และ DeFi Backend Tech Lead ถ้าสนใจ สามารถส่ง CV มาได้ทางเว็บไซต์ www.kbtginspire.com

--

--