KBTG Apprentice: Work From Anywhere ที่ Scotland

Chunh6
KBTG Life
Published in
4 min readMay 29, 2024

​​​สวัสดีครับทุกคน ผมจะมาแชร์ประสบการณ์จากที่ได้เข้าร่วมโครงการ KBTG Kampus Apprentice ในตำแหน่ง Cyber Defense Engineer กับทีม Platform Management แผนก Cyber Defense Center ครับ โดยการทำงานครั้งนี้ได้มา Work From Anywhere ไกลถึงสก็อตแลนด์เลย! จะเป็นยังไงไปดูกัน

ก่อนอื่นเลยต้องขอแนะนําตัวซักนิด ชื่อภูมิครับ ตอนนี้ศึกษาอยู่ปี 4 คณะ Computer Science ที่ University of St Andrews ประเทศสก็อตแลนด์ ต้องเกริ่นว่าก่อนที่จะมาทำ Apprenticeship ผมได้เข้าร่วมโครงการ KBTG Internship 2023 ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา สําหรับเพื่อนๆ ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลย

​​KBTG Kampus Apprentice คืออะไร

​​โครงการ KBTG Kampus Apprentice เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ผ่านการทำงานจริง โดยมีพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญจาก KBTG ดูแลกํากับอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้นักศึกษาที่อยู่ในโครงการสามารถเก็บหน่วยกิตจากการทำงาน และเข้าทำงานกับ KBTG ได้ทันทีหลังจบการศึกษาแบบไม่ต้องผ่านกระบวนการทดลองงานอีก โดยจะต่างจาก Internship ที่พี่ๆ ที่ดูแลเราจะคิดโปรเจคครอบคลุมระยะเวลาเพียง 2 เดือน แต่ในโปรแกรม Apprentice เราจะได้ทำงานจริง ได้เข้าใช้เครื่องมือและ Tools หรือ Applications ต่างๆ พร้อมเข้าประชุมเหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่งเลย​

​​ก้าวเข้าสู่ Apprenticeship

​​การเข้าร่วมโครงการจะคล้ายกับตอนเข้าฝึกงาน มีการสัมภาษณ์ และ Onboarding Day เนื่องจากเราทำงานในทีม Cyber Security จึงจำเป็นต้องมี User Account พิเศษที่ต้องทำและได้รับเพิ่ม เพื่อให้สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ในวัน Onboarding เราจะมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่ๆ ที่จะเป็นคนดูแลเรา ทั้งเรื่องการทำงาน ตารางประชุมต่างๆ และงานที่เราจะได้ทำ พอเรายังเป็นนักศึกษาอยู่ ก็จะมีการพูดคุยถึงช่วงเวลาที่สามารถทำงานและเข้าประชุมได้ รวมถึงจัดจํานวนและนํ้าหนักของงานให้สอดคล้องกับการเรียนของเรา​

ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า Apprenticeship จะไม่เหมือน Internship เพราะนี่คือการทำงานจริงๆ และงานของเราจะได้นําไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรด้วย ดังนั้นเราต้องยอมรับในการเรื่องของการแบ่งเวลา ที่ปกตินอกจากเรียนแล้ว ก็จะเป็นเวลาว่าง อ่านหนังสือ เล่นเกมหรือทำกิจกรรม แต่หากเข้าร่วมโครงการนี้ เราจะต้องจัดเวลามาทำงานด้วย ทำให้เวลาว่างน้อยลง ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าคุ้มค่าครับ เพราะจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่ม รวมถึงทักษะการจัดการเวลา ซึ่งเป็นทักษะที่สําคัญมากไม่ว่าจะทำงานในสายงานไหน​

​​งานที่ดูแล

​​งานที่ภูมิเข้ามาดูระหว่างอยู่ในโครงการ Apprenticeship จะเป็นงานที่เกี่ยวกับการทำ ​Automation ​หรือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแล กํากับ และทำให้ระบบสามารถรับรองเหตุการณ์ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ โดยเราจะนําเจ้าตัว Automation มาจัดการกับงานที่มีรูปแบบที่ต้องทำแบบซ้ำๆ เดิมๆ ไปมา ประโยชน์ที่ได้จากการ Automate ระบบคือขีดความสามารถของระบบในการรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น สามารถประหยัดเวลาเมื่อเทียบกับการรับมือด้วยคน ระบบทำงานได้อย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และลดข้อผิดพลาดในการทำงานที่เกิดจากมนุษย์หรือ ​“Human Error”

​​โดยเครื่องมือตัวอย่างที่จะยกมาเขียนวันนี้คือแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า ​Microsoft Power Automate ​เครื่องมือตัวนี้ถูกพัฒนาโดยกลุ่ม Microsoft เพื่อใช้สร้างและพัฒนาระบบ Automation ในรูปแบบ Low-code Platform คนที่ไม่มีหรือมีประสบการณ์น้อยเกี่ยวกับการ Coding ก็สามารถใช้ เข้าใจ และพัฒนาระบบ Automation ของตนเองได้​

​​ส่วนตัวอย่างงานที่ภูมิได้ลงมือทำและได้ใช้ Power Automate คือการจัดการอีเมลที่มี Subject กําหนดไว้ โดยหากพบเจออีเมลแบบนี้ จะทำการอ่านเนื้อหาและแปลเป็นรูปแบบ “Card” ให้ผู้รับกดเลือกตัวเลือกได้ และส่งไปให้คนในทีมผ่านช่องทาง Microsoft Teams โดยหลักๆ แล้วจะใช้เมื่อมีงานที่มีทางเลือกมากกว่าหนึ่งทาง หรืองานที่จะต้องได้ Approval จากผู้แลงาน จะเห็นว่าการทำให้กระบวนการนี้เป็นอัตโนมัติสามารถช่วยประหยัดเวลาจากการที่จะต้องเขียนเมลเพื่อสอบถามหรือตอบกลับด้วยตนเอง รวมถึงเมื่อมีการกดเลือกตัวเลือกแล้ว ระบบจะส่งคําตอบกลับไประบบภายในโดยอัตโนมัติ ซึ่งในบางกรณี ระบบจะสามารถใช้คําตอบที่ได้รับมาดําเนินการต่อได้อย่างลื่นไหลและไม่ต้องรอคนป้อนข้อมูลให้​

​​Work From Anywhere แบบ Abroad

​​ระบบการทำงานก็เหมือนกับ Internship เลยครับ นั่นคือ “Work From Anywhere” หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีคอมพิวเตอร์ของบริษัทและอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่… ประสบการณ์ของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อย เพราะผมมา Work From Anywhere ไกลถึงสก็อตแลนด์! ​

​​ไป Work From Anywhere จาก Highland, Scotland ครับ​

​​เวลาสก็อตแลนด์จะต่างกับไทยอยู่ที่ลบ 6 ชั่งโมงในช่วงหน้าร้อน และลบ 7 ชั่วโมงในช่วงหน้าหนาว สมมุติว่าเวลาที่ไทยคือ 9 โมงเช้า เวลาที่สก็อตแลนด์ก็จะอยู่ที่ตี 2 ในช่วงหน้าหนาว แต่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เนื่องจากที่เราสามารถล็อกอินเข้าทำงานได้จากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ รวมถึงการประชุมและการสื่อสารกับพี่ๆ ในทีมจะถูกทำผ่าน Microsoft Teams ทั้งหมดครับ สรุปง่ายๆ คือไม่ว่าจะเวลาไหนหรืออยู่ที่ไหนก็สามารถทำได้ ซึ่งในส่วนของตัวเราเองนั้นจะต้องบริหารจัดการเวลาอย่างรอบคอบ และที่สําคัญจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย เช่น ในวันที่มีประชุม 9 โมงเช้าไทย เราอาจจะต้องทำทุกอย่างที่จําเป็นให้เสร็จเป็นเวลา จะได้เข้านอนเร็วขึ้น เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเพียงพอและสามารถตื่นมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ​

​​ในส่วนของการทำงาน ทุกๆ สัปดาห์จะมีตารางประชุมคล้ายๆ กัน ในทุกสัปดาห์ของผมเองจะมีช่วงที่ Sync up กับพี่เมนเทอร์ มีช่วงที่ Sync up กับทุกคนในทีม และในส่วนงานที่ผมดูแลก็จะมีกลุ่มกันอยู่ 3 คน เราจึงตั้งชื่อกลุ่มว่า “สามพี่น้อง” โดยจะคุยกันสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อรายงานสิ่งที่ทำหรือปรึกษาเรื่องต่างๆ ซึ่งประชุมนี้เราเรียกว่า “สุมหัวทำการบ้าน” ส่วนใหญ่งานที่ได้ก็จะถูกมอบหมายในเวลาสุมหัวนี่แหละครับ

​​ประชุมสุมหัวทำการบ้านในวันที่อุณหภูมิติดลบแต่เครื่องทำความร้อนดันพังครับ​

​​โดยทีมเราจะใช้ Task Planner เป็นศูนย์รวมงาน เพื่อทุกคนจะได้บันทึกงานที่ต้องทำและความคืบหน้า ให้สามารถจัดการความสําคัญและความเร่งด่วนของงาน ส่งผลให้งานทุกชิ้นออกมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งใน Sync up เราจะกางเจ้าตัว Planner นี้ เพื่อสรุปความคืบหน้าของงานในสัปดาห์ก่อน และสรุปงานที่จะทำในสัปดาห์นี้ครับ ส่วนของการทำงานและสื่อสารในทีม เมื่อ WFA ก็จะมีห้องพิเศษบน MS Teams วันไหนทีมไม่ได้เข้าออฟฟิศ ก็จะมีการโทร โดยที่ทุกคนจะเข้าไปรวมกันอยู่ตรงนั้น เพื่อที่จะได้คุยกันสะดวกมากขึ้น​

​​“ไกลเพียงกาย ใจเราใกล้กัน”​

​​นอกเหนือจากการประชุมในทีมแล้ว ทุกๆ เดือนก็จะมีการประชุมรวมทุกทีมในแผนก เพื่ออัพเดตความคืบหน้าต่างๆ ในเดือนนั้นและอีเว้นท์ที่จะเกิดขึ้นในเดือนต่อไป และยังมีกิจกรรมมากมายที่สามารถเข้าร่วมผ่าน MS Teams ได้ ซึ่งกิจกรรมโปรดที่ได้เข้าร่วมคือ KBTG Toastmasters ที่จะเป็นการพูดคุย ตอบคําถาม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ทั้งมีประโยชน์และสนุก ได้ฝึกฝนทักษะการพูดและการโต้ตอบไปในเวลาเดียวกัน​

​​ชีวิตประจําวันของ Apprentice

ในวันธรรมดา ตอนเช้าผมจะเข้าประชุม เสร็จแล้วไปเข้าคลาสเรียนที่มหาลัยและทำงานต่างๆ ส่วนช่วงเย็นผมจะมีเวลาว่างทำกิจกรรมอื่นๆ ครับ หากวันไหนที่มีประชุมเช้า วันของผมจะเริ่มประมาณตีสามหรือเก้าโมงเช้าไทย ส่วนวันไหนที่ไม่มี ผมจะได้นอนเยอะหน่อยและตื่นประมาณแปดหรือเก้าโมง เพื่อเตรียมตัวไปเรียนครับ ส่วนเรื่องอาหารการกิน ส่วนใหญ่ผมจะทำอาหารในวันจันทร์และแช่เก็บไว้ทานสําหรับทั้งสัปดาห์ เพื่อประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นครับ ทำวันเดียวแต่เก็บไว้ทานได้ทั้งสัปดาห์เลย

ส่วนสุดสัปดาห์ วันเสาร์เป็นวันที่ผมรอคอยมากที่สุด เพราะเป็นวันที่มีเวลาไปตีกอล์ฟกับเพื่อนๆ ทุกสัปดาห์ครับ ต้องเกริ่นก่อนว่า St Andrews ซึ่งคือเมืองที่ผมอยู่ เป็นสถานที่กําเนิดของกอล์ฟเลยครับ ทำให้มีสนามกอล์ฟในเมืองและรอบเมืองเยอะมากๆ ในทุกสัปดาห์จะเปลี่ยนสนามเรื่อยๆ ได้เล่นสนามใหม่ทุกรอบ ซึ่งตื่นเต้นมากครับ (ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะสนาม แต่ตื่นเต้นว่าจะตีไปโดนใครมั้ย เพราะแต่ละคนยังตีกันเละเทะอยู่ครับ 555) หรือหากไม่ได้เล่น ก็จะขับรถไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ แบบเช้าเย็นกลับ ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ และเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จะได้ไม่เบื่อครับ

ส่วนวันอาทิตย์ ในช่วงเช้าจะเป็นเวลาพักผ่อน และตอนบ่ายๆ เย็นๆ ผมจะเริ่มเตรียมตัวสัาหรับสัปดาห์ใหม่ ด้วยการทำตารางและวางแผนของแต่ละวันที่จะถึง รวมถึงเตรียมงานต่างๆ ที่จะต้องใช้ในการประชุมหรือต้องส่งในสัปดาห์ที่จะถึงครับ

​นอกจากเรียนและทำงาน ผมก็เล่นกีฬากอล์ฟเป็นชีวิตจิตใจเลยครับ (แต่เล่นไม่เก่งนะครับ 555)​

​​ความคิดเห็นปิดท้าย

​​ส่วนตัวแล้ว คิดว่าการทำงานใน Time Zone ที่ต่างกันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะพี่ๆ ทุกคนพร้อมที่จะช่วยซัพพอร์ตและแก้ปัญหาอยู่เสมอ แถมการทำงานยังช่วยให้เราจะได้พัฒนาตนเองมากขึ้นและได้ประสบการณ์อันลํ้าค่าต่างๆ จากการเป็นส่วนหนึ่งของทีม นอกจากนี้การที่เราอยู่ใน Time Zone ที่เวลาช้ากว่าไทย ทำให้เราสามารถใช้เวลาที่เหลือของวันในการทำสิ่งอื่นๆ ได้ โดยเมื่อถึงเวลาเลิกงานที่ไทยตอนประมาณ 6 โมงแล้ว ที่สก็อตแลนด์เพิ่งจะ 11 โมงเช้าเท่านั้น ทำให้เราสามารถใช้วันที่เหลือกับสิ่งอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเดินทาง เล่นกีฬา หรือการผจญภัยไปในที่ใหม่ๆ ด้วยครับ​

สำหรับใครที่ชื่นชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตาม Medium: KBTG Life เรามีสาระความรู้และเรื่องราวดีๆ จากชาว KBTG พร้อมเสิร์ฟให้ที่นี่ที่แรก

--

--