Migration from KBTG to K+ Building — เมื่อหนุ่มเมืองทองฯ กลายมาเป็นหนุ่มเมืองกรุง EP.1

Kriicher Promubol
KBTG Life
Published in
4 min readAug 22, 2020

กราบสวัสดีเพื่อนๆ และท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านครับ ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนเลย ผม “กฤช” (ใช่ครับ..ผมไม่มีชื่อเล่น 555) แห่งทีม Designer อันเลื่องชื่อของ KBTG ครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับการ Work from Home ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเริ่มกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว อาจจะมีบางส่วนที่ยังคงทำงานที่บ้าน ส่วนผมก็เป็นหนึ่งคนที่เริ่มเบื่อบ้านล่ะอยากจะกลับไปใช้ชีวิตสุดแสนจะปกติสักที เลยเลือกที่กลับเข้าออฟฟิศเกือบจะทุกวันไปแล้ว

นอกเรื่องกันพอหอมปากหอมคอ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า… ย้อนไปเมื่อปลายปี 2017 ตอนผมเป็น Freshly Graduated ผมได้รับโทรศัพท์จากพี่ HR สาวสวยคนนึงว่าได้งานที่ KBTG ผมถึงกับดีใจมากๆ ว่า เย่! ได้งานแล้ว (ตอนแรกกลัวไม่ได้มาก) พร้อมกับมีกำหนดเริ่มงานวันที่ 1 ก.พ. 2018 เรียกว่าเซ็นสัญญาข้ามปีกันเลยทีเดียวเชียว ทว่ามีติดอยู่เรื่องนึงนั้นก็คือ เราอยู่ไกลกันมากกกกกกกก… ผมให้ ก.ไก่ ล้านตัวเลย เพราะบ้านผมอยู่บนถนนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร เราอยู่ห่างกันถึง 60 กิโลเมตร แล้วอย่างที่ทุกท่านคงทราบกันดีว่าการจราจรของถนนเส้นนี้เป็นอย่างไร รวมถึงสมญานามที่เลื่องชื่อว่า “ถนนเจ็ดชั่วโคตร” สร้างวันนี้เสร็จชาติหน้า ซึ่งถ้าพูดถึงในการเดินทางไปทำงานแล้ว มันก็มีหลายตัวเลือกการเดินทางอยู่น้าาา ท่านผู้อ่านลองเดาดูแล้วกันว่าผมต้องเลือกทางไหน…

อาคาร KBTG แจ้งวัฒนะ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี (Credit: Isriya Paireepairit, Blognone)

ใช่แล้วครับ ขับรถ… ขับรถ แล้วก็ขับรถเท่านั้น หลายคนก็ถามกันว่า “เห้ย…ทำไมไม่อยู่หอ?” ด้วยความที่ผมเป็นคนติดบ้านอ่ะเนอะ กลัวผีด้วย แล้วยิ่งคอนโดในละแวกนั้นขึ้นชื่ออีก น้องขอบายละกัน

ยามโพล้เพล้ ณ ละแวกคอนโดเมืองทองธานี

ในหนึ่งวัน ผมจำต้องเดินทางเป็นระยะทาง 120 กว่ากิโล ใช้เวลาเกินกว่า 1 ชั่วโมงต่อเที่ยว เปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถ 3 เดือนครั้ง (พี่ขับดุนะ…น้องไหวหรอ) ผมใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ แบบซ้ำๆ มาเกือบ 2 ปี แต่ก็แฮปปี้นะจ๊ะ จนวันหนึ่งช่วงปลายปี 2019 พี่วัช Supervisor ของผมก็มีข่าวดีมาบอก คือตึก K+ ของเรากำลังสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว น่าจะย้ายเข้าไปทำงานได้วันที่ 1 เม.ย. 2020 ใครอยากไปบ้าง? ยกมือหน่อยครับ ผมก็ไม่รอช้าครับ ยกมือคนแรกเลย อย่ามัวรีรอ ซึ่งผลก็คือไปกันเกือบทั้งทีมครับ 555

แอบมาชม K+Building ตอนระหว่างก่อสร้าง, ถ่ายไว้เมื่อ พ.ย. 2019

และแล้ววันนั้นก็มาถึงตามกำหนดการ ตึกสร้างเสร็จแล้ว… แต่ดันเจอฤทธิ์น้อง COVID-19 เข้าไปนี่สิ เลยต้อง Work from Home กันรัวๆ เลยจ้า กินเวลาไปพอสมควรสำหรับการทำงานที่บ้านสุดแสนจะอีหลุยฉุยแฉก 3–4 เดือน สุดท้ายเราก็ได้เข้าไปทำงานที่ออฟฟิศใหม่สักที

การ Work from Home ก็จะอารมณ์ประมาณนี้ มีเจ้านายมานอนรอถึงที่

ที่ตั้งและทำเลของเจ้าตึก K PLUS Building ใหม่

ตึก K PLUS หรือ K+ นั้นเรียกว่าตั้งอยู่ในทำเลทองเลยแหละครับ ใจกลาง “กรุงเทพมหานคร ชีวิตดีๆ ที่ลงตัวจริงๆ น๊ะะะะะะ (เสียงสู้งสูงง)” รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า การขนส่งสาธารณะที่หลากหลาย อีกทั้งยังสะดวกในการนัดพบปะกับ Partner ในการทำงาน หรือแม้กระทั่งเลิกงานแล้วจะไป TGIF กลางเมืองก็สะดวกเช่นกัน แหม่…จะตอบโจทย์ Lifestyle ชาว KBTG อะไรเยี่ยงนี้ และที่สำคัญข้อสุดท้ายเลยก็คือ… หนุ่มๆ น่าจะแฮปปี้ไม่น้อย (ผมขอให้จบลงตรงนี้เลย…รู้หมดคนเขียนเป็นคนยังไง -.- )

“My first impression of the new “K+ Building”

ว่าด้วยการเดินทางก่อนเลยละกันนะครับ ข้อนี้ถือว่าเป็น Top Priority ของผมเลยก็ว่าได้ ข้อดีที่นี่สำหรับคนเมืองคือการใช้ Public Transportation เพราะว่าสามารถนั่งรถไฟฟ้ามาทำงานได้เลย หรือจะเลือกนั่งรถเมล์ก็มีหลายสาย ทว่าสำหรับผมแล้วก็ยังคงต้องขับรถเหมือนเดิม… เนื่องจากแถวบ้านผมยังคงเป็นเขตนอกกรุงเทพนั่นแหละ แต่ผมก็โอเคกับระยะทางและระยะเวลาที่สั้นลงถึงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว

ในเรื่องที่จอดรถนั้นอาจจะมีข้อจำกัดนิดนึง เนื่องจากที่ทุกคนคงทราบกันว่าที่จอดรถกลางเมืองนั้นหายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร แต่ไม่ต้องกลัวไปครับ ทางฝ่ายอาคารมีการจัดจับฉลากที่จอดรถประจำตึกให้กับพนักงานอยู่เรื่อยๆ รอบละประมาณ 30 กว่าที่ ซึ่งจอดฟรีใต้ตึกกันไปเลยแบบ 24/7 เพียงแต่รอบที่ผ่านมาผมลงทะเบียนไม่ทัน เลยต้องไปหาเอง 555 แต่ก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นนะ ที่จอดหลักๆ ใกล้เคียงจะมี

  1. I’m Park ค่าจอดรถ 4 ชั่วโมงแรกคิด 30 บาท/ชั่วโมง ที่นี่ถือว่าสะดวกมาก เพราะอยู่ข้างออฟฟิศเราเลย เหมาะสำหรับการมาประชุมสายแล้วค่อยไปเลื่อนรถ แต่ห้ามจอดเกิน 5 ชั่วโมงนะ!! ไม่งั้นตั้งแต่ชั่วโมงที่ 5 ขึ้นไป คุณจะโดนเก็บค่าจอด 50 บาท/ชั่วโมง ซึ่งมีเพื่อนในทีมผมคนนึงไม่รู้อิโหน่อิเหน่จอดยิงยาวทั้งวัน โดนไปถึง 500 กว่าบาท…
  2. ลานจอดอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ลานจอดยอดฮิตของชาว K+ อยู่ใกล้อันดับ 2 รองจาก I’m Park แต่ราคาจะเป็นมิตรขึ้นด้วยราคา 15 บาท/ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน
  3. ลานจอดรถอาคารจามจุรี 9 ในรั้วจุฬาฯ ราคาเป็นมิตรที่สุดแล้วด้วยอัตราค่าจอดรถ 10 บาท/ชั่วโมง อาจจะต้องเดินย่อยอาหารนิดนึงประมาณ 5 นาที แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะทางเดินในจุฬาค่อนข้างมีร่มไม้พอร่มรื่นเลยที่เดียวเชียว แต่ถ้าฝนตกนี่เรียกว่างานหยาบครับ 555

แต่ผมก็มีแนวทางแก้ปัญหายามฝนตก คือการขับน้อง CU: Hamo ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า(Electric Vehicle) ขนาดเล็กที่มีระบบให้เช่าผ่าน Smartphone แล้วขับไปจอดตามจุดคืนรถต่างๆ สำหรับใครที่อยากลองขับรถยนต์ไฟฟ้า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ขอบอกก่อนว่าเครื่องไม่แรงหรอกนะ วันนั้นผมยังโดนซาเล้งแซงเลย 555

พอมาถึงตึก K+ เราก็จะได้พบกับอาคารที่มีดีไซน์ทันสมัยสุดๆ มี Design Facade สีขาวสวยงามโดดเด่นกว่าใครเพื่อนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ตัวอาคารออกแบบให้มี Open Space ตรงกลางจากชั้น G ขึ้นไปถึงชั้น 3 พร้อมกระจกเปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามา ซึ่งผมชอบมากในจุดนี้ ตอนเบื่อๆ สามารถเดินออกมานั่งเล่นชมแสงตะวันได้ อีกทั้งยังมีดาดฟ้าพร้อมสวนลอยฟ้าขนาดเล็กให้ไปเดินเล่นอีกด้วย

และด้วยสถานการณ์ COVID-19 ทางเราก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยในเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนๆ ครับ เรามีการคัดกรองและป้องกันตั้งแต่หน้าอาคารเลย อันกระกอบไปด้วย เจลแอลกฮอล์ 70% ไว้ให้ล้างมือติดตั้งทั่วทั้งอาคาร และการคัดกรองบุคคลเข้าตึกด้วย Thermal Scanner ฉะนั้นเพื่อนๆ อุ่นใจได้ครับ

บริเวณทางเข้าตึก K+ สะดวกสบายด้วยประตูออโต้ตามแบบฉบับสำนักงานใหญ่ของ KBank รวมถึง KBTG ทุกที่
บริเวณทางเข้า มีการคัดกรอง COVID-19 ด้วย Thermal Scanner
บันไดทะลุกลางอาคาร ที่ทุกชั้นสามารถเชื่อมถึงกันได้อย่างง่ายดาย
บริเวณที่นั่งพักบริเวณ Open Space ในทุกๆ ชั้น
บริเวณสวนลอยฟ้า เปรียบได้เหมือนสวรรค์กลางกรุงเลยแหละครับ (Credit: KBTG official Facebook Page)

ส่วนเรื่องอาหารว่างในเวลาหิวก็ไม่ต้องห่วงเพราะว่าเรามีร้านกาแฟ Eat by Black Canyon อยู่ตรงบริเวณทางเข้าด้านหน้าชั้น G ซึ่งรสชาติของอาหารว่างและเครื่องดื่มของเขาก็อร่อยไม่เบาและราคาก็ไม่สูงมาก อีกทั้งเค้ายังมี Kiosk ในการสั่งอาหารแบบ Self Service เพื่อความรวดเร็ว สามารถดูเมนูได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องถูกคนยืนต่อคิวกดดัน และยังมีเทคโนโลยีใหม่อย่าง ReKeep ซึ่งเป็นระบบ e-Receipt ทำให้เราไม่ต้องเก็บใบเสร็จแบบกระดาษอีกต่อไป กำจัดขยะจากใบเสร็จแถมยังรักษ์โลกอีกด้วย

Eat by Black Canyon ชั้น G เดินเข้าตึกมาแล้วเลี้ยวซ้าย

พอเดินเข้าไปด้านหลังก็จะมีโซน Pantry Area ที่จะมี Vending Machine ให้เลือกซื้อเครื่องดื่ม ขนม หรือแม้กระทั่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับท่านที่เร่งรีบ เป็น Innovation ของทาง KBTG ที่เราเรียกว่า Contactless อีกด้วยครับ รวมถึง ReKeep ในการไม่ใช้ใบเสร็จแบบกระดาษ ก็ช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย มาลองกันได้นะครับ

Pantry Area ชั้น G และ Vending Machine

และในที่สุด… Finally the microwave is here !!! เป็นสิ่งที่ชาว KBTG รอคอยมานาน เรามีเครื่องไมโครเวฟแล้วที่ตึก K+ หากใครอยากประหยัดเงินด้วยการห่ออาหารมาทานเองคงจะถูกใจสิ่งนี้ไม่เบา จะบอกให้รู้ว่า Only available @ K+ Building ชาวตึก KBTG ที่เมืองทองฯ ยังคงต้องรอกันต่อไป

นวัตกรรมใหม่ประจำอาคาร Microwave Oven, Only available @ K+ Building

หรือถ้าไม่แฮปปี้ก็ยังมีร้านอื่นในบริเวณรอบๆ ตึก เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารตามสั่ง หรือแม้กระทั่งร้านบุฟเฟต์ ไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังใน EP หน้านะครับ

ว่าแล้วผมก็เกือบลืมไฮไลท์ของตึกนี้เลย เรามีนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากโครงการ KBTG Contactless Technology มานำเสนอด้วย นั่นก็คือ KLox ระบบตู้ล็อคเกอร์ปลดล๊อกด้วยใบหน้า (Face Activated Locker) ที่ทุกท่านได้รับชมงานแถลงข่าวกันไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่นี่เรามีให้ทดลองใช้งานกันจริงๆ เลย อย่าลืมมาสัมผัส User Interface ที่สวยงามตระการตาและใช้งานสะดวก (งานโฆษณาก็มา) กันได้ที่บริเวณชั้น 1 ของตึก K+ โซน Co-Working Space

ซ้าย: KLox (Face Activated Locker) ใช้ใบหน้าในการปลดล๊อค / ขวา: เต้ย ภารุจ หนุ่มหล่อประจำทีมดีไซน์กำลังทดลองใช้งาน
บริเวณ Co-Working Space ให้เพื่อนๆมานั่ง Brainstorm ไอเดียกันได้ บรรยากาศเอื้อต่อการ Maximize Productivity สุดๆ

นี่ก็เป็นเรื่องราวและประสบการณ์คร่าวๆ ในการย้ายจากตึก KBTG มาตึก K+ ของผมนะครับ ถ้าใครอยากติดตามเรื่องราวต่อว่าจะมีอะไรสนุกๆ มาให้อ่านกันล่ะก็อย่าลืมติดตามใน EP หน้านะครับ สำหรับ EP นี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ งานกำลังรออีกเพียบ กราบสวัสดีและขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลามาอ่านด้วยใจจริงมาก หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยครับ หรือใครสนใจอยากให้ผมรีวิวอะไรบอกมาได้เลยนะครับ Stay Safe and Stay Tuned krub ;)

สำหรับชาวเทคคนไหนที่สนใจเรื่องราวดีๆ แบบนี้ หรืออยากเรียนรู้เกี่ยวกับ Product ใหม่ๆ ของ KBTG สามารถติดตามรายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ www.kbtg.tech

--

--

Kriicher Promubol
KBTG Life

UX and industrial designer based in Bangkok, Thailand. Currently working in HCI department @ Kasikorn Business-Technology Group (KBTG)