Work From Anywhere ตัวห่างไกล แต่ใจไม่ห่างกัน

Tonrice
KBTG Life
Published in
3 min readJan 23, 2024

แม้สถานการณ์โควิดในปัจจุบันจะคลี่คลาย ไม่ตึงเครียดเหมือนช่วงปี 2020–2022 ทาง KBTG ยังคงนโยบาย Work From Anywhere เหมือนเดิม เพื่อตอบสนองต่อโลกยุคใหม่ เพิ่มความคล่องตัว และความยืดหยุ่นในการทำงาน

แต่ถึงเช่นนั้น มนุษย์ก็ยังเป็นสัตว์สังคมตามที่ Aristotle ได้กล่าวไว้

แล้วเราดูแลทีม ดูแลเพื่อน พี่ น้อง ในที่ทำงานกันอย่างไรล่ะ ในเมื่อเราอยู่คนละจุด คนละที่ และบางครั้งอาจจะอยู่คนละ Time Zone ด้วยซ้ำ เรามาดูวิธีดูแลทีมในยุค Work From Anywhere กัน!!

1. ปัญหาของคนอื่น คือปัญหาของเรา

นึกถึงเวลาเรามีปัญหาสิ แล้วเราขอความช่วยเหลือจากใครหลายๆ คน จะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนแหละที่ยินดีเข้ามาช่วยเหลือเราแบบเต็มใจ ร่วมแก้ปัญหาไปกับเรา ทั้งๆ ที่ปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาของเขา เพียงแค่เรามีคนๆ นั้นอยู่เคียงข้าง เราก็อบอุ่นชุ่มชื่นหัวใจ

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ และถึงเวลาของเราเช่นกัน เมื่อมีคนมาขอความช่วยเหลือ มันคงเป็นความจริงว่าเราอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ทุกเรื่อง แต่เราช่วยซัพพอร์ตสนับสนุน ดูแลเอาใจใส่เขาได้ พยายามมากที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำได้ เพียงเท่านี้พวกเราก็จะมีคนอบอุ่นให้ชุ่มชื่นหัวใจเพิ่มอีกหนึ่ง

2. ไปลามาไหว้ ทักซักนิดเข้าใจกันมากขึ้น

เมื่อ Work From Anywhere ปัญหาที่แก้ยากที่สุดคือเราไม่รู้ว่าคนที่เราคุยด้วยทำอะไรอยู่ และแน่นอน คนที่ต้องการคุยกับเราก็ไม่รู้เช่นกัน และอารมณ์ของคนเราก็ไวกว่าความคิดเสมอ เพียง 5 นาทีที่อีกฝ่ายไม่ตอบแชทเรา อาจจะมีข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นว่าทำอะไรอยู่ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคือลุกไปเข้าห้องน้ำหรือชงกาแฟเท่านั้นเอง

สำหรับทีมงานที่ต้องคุยงานกันเป็นประจำ ปรึกษากันเกือบตลอด เพียงแชทที่ไม่มีการตอบกลับในเวลาสั้นๆ ก็อาจทำให้อารมณ์เปลี่ยนได้ แต่ปัญหานั้นจะถูกแก้ทันทีด้วยการพิมพ์บอกซักนิด “ไปชงกาแฟแป๊บนะ” หรือ “ไปล้างจาน 5 นาที” เท่านั้นทีมงานก็สบายใจแล้วว่าเราไม่ได้หายไปไหน หรือแม้แต่ตอนเลิกงาน “ปิดคอมแล้วนะพี่ มีอะไรโทรมานะครับ” เพื่อให้ไม่เกิดความกังวลและทีมงานคิดว่าเราหายไปไหน

3. ห้องแชทไม่จำเป็นต้องเครียด

เราอยู่ในยุคที่ไม่เห็นหน้า ไม่เห็นตัว และหลายครั้งไม่ได้ยินแม้แต่เสียงด้วยซ้ำ สิ่งที่เราได้รับมีเพียงข้อความในแชทที่กำลัง Typing และเมลที่ส่งเข้ามา ซึ่งเรื่องจริงจัง เป็นทางการ เราสื่อสารผ่านเมลอย่างเดียวก็พอ ห้องแชทเรา Typing ด้วยความสนุกสนานเฮฮา นอกเรื่องบ้างก็ได้ แค่เรื่องงาน ทุกคนก็ใช้พลังงานมากพออยู่แล้ว มา Relax เล่นมุก เฮฮากันในแชท เล่าประสบการณ์ชีวิตตลกๆ หรือพูดคุยพร้อมจิบกาแฟยามเช้ากันดีกว่า

นอกจากหมวกหัวหน้างาน หมวกพี่ที่ทำงาน ที่คอยดูแลงานน้องๆ เราก็สามารถสวมหมวกใบอื่นได้เช่นกัน มีเรื่องมากมายที่น้องๆ รู้ แต่เราไม่รู้ มี Meme มีมุกตลก ข่าวดารา ละคร หนังอีกหลายเรื่องที่เราไม่เคยดู ลองเปลี่ยนสวมหมวกอื่นดูบ้างสิ สวมหมวกนักเรียน นั่งฟังน้องๆ สอนเรื่องที่เราไม่รู้จัก สวมหมวกเพื่อนนั่งตบมุกแป๊กๆ กับน้อง สวมหมวกพี่ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยใส่ใจกัน ลองสวมหมวกใบอื่นโดยลืมเรื่องงานดูบ้าง เราอาจจะเห็นโลกใหม่ๆ ของคนอื่นที่เราไม่รู้จัก

4. Emoji React เล็กๆ ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้น

นอกจากมนุษย์จะเป็นสัตว์สังคมแล้ว มนุษย์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการ Reaction อย่างมาก เวลาที่เราแชทหาใครแล้วไม่ได้รับการตอบกลับ หรืออาจจะขึ้น Read Message ไปแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังสงสัยว่าอีกฝั่งจะเข้าใจเรา จะช่วยเรา หรือจะคิดยังไงกับข้อความที่เราส่งไป และแน่นอน เราก็รู้สึกดีทุกครั้งที่อีกฝ่ายกด React หัวใจกลับมาในข้อความที่เราส่งไป เหมือนสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้ว และถ้าการทำเช่นนั้นทำให้เราดีใจได้ ทำให้เรารู้สึกหายเครียด หายวิตกกังวลได้ ทำไมเราไม่กด React แบบนั้นกับคนอื่นที่แชทมาหาเราบ้างล่ะ การพิมพ์แชทนั้นไม่มีน้ำเสียงก็จริง แต่การ React ด้วย Emoji นี่แหละที่ช่วยให้โลกน่าอยู่ขึ้นได้ แม้จะห่างกัน 8,000 กิโลเมตรก็ตาม

5. ถ้าพี่/หัวหน้าไม่เริ่ม ใครจะเริ่ม

ไม่มีน้องในทีมคนไหนกล้าเล่นหรอก ถ้าพี่ๆ ไม่เริ่มก่อน ลองนึกภาพเราเจอคุณลุงหน้าตาดุๆ ถือไม้เรียวอยู่ เราคงไม่กล้าเข้าไปคุยและเลือกเดินออกห่างด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน น้องเราก็เช่นกัน ถ้าพี่ยังดุ ตึง เครียด ตามจี้ ตามบี้ ไม่พัก ไม่หยุด ใครจะกล้าคุย กล้าทักเรา มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งนั่นจะทำให้ทีมเราห่างเหินอย่างแน่นอน

สำหรับพี่ๆ บางท่าน การกด React เล่น Emoji หรือแชทสนุกสนานอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลไปบ้างในการทำงาน แต่ถ้าเราลองถอดหมวกของพี่ในที่ทำงาน ถอดหมวกหัวหน้างาน แล้วมองอีกฝ่ายคือเพื่อน พี่ น้อง ที่ได้บังเอิญเดินมาเจอกัน เราอาจจะมองโลกเปลี่ยนไปก็ได้

ทั้งนี้แม้ว่าเราจะ Work From Anywhere แม้ว่าเราจะมีทีมที่ดี หัวหน้าที่เข้าใจ พี่น้องที่น่ารักทุ่มเท เพื่อนร่วมงานที่ใส่ใจสุขทุกข์ด้วยกัน

แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่เราลืมไปไม่ได้ นั่นคือ

“อิสระ “ มาพร้อมความรับผิดชอบ

การ Work From Anywhere นั่นแปลว่าเราอยู่ที่ไหนก็ได้ จะนั่งทำงานจิบชาชิลๆ บนเรือสำราญ หรือแช่น้ำพุร้อนผ่อนคลาย นั่นคืออิสระในการทำงาน อิสระในการใช้ชีวิต อิสระในการหาประสบการณ์ที่ออฟฟิศให้เราไม่ได้ หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ เช่น การทำงานที่บ้าน มีเวลาดูแลลูก ดูแลครอบครัว อยู่ใกล้ชิดคนที่เรารักเช่นกัน

อิสระที่เราได้มาเหล่านั้น มาพร้อมความรับผิดชอบที่สูงขึ้น ความทุ่มเทที่ต้องมากขึ้น ไม่มีการตอกบัตร สแกนนิ้ว ตอน 8.30 และ 17.30 อีกแล้ว โลกอิสระมากขึ้น แต่ก็ต้องจริงจังและรับผิดชอบมากขึ้นเช่นกัน

ถ้าเราไม่รับผิดชอบงานเราให้สำเร็จ หัวหน้าก็คงเข้าใจเราไปไม่ได้ตลอด น้องๆ พี่ๆ เพื่อนร่วมงานจะเป็นห่วงเป็นใยเราทำไม ถ้าเราไม่เคยรับผิดชอบและช่วยเหลือใคร

การที่โลกน่าอยู่ขึ้น ใจเราใกล้กันมากขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราดูแลกันอย่างไรต่างหาก

เราเข้าใจในความแตกต่าง เราเข้าใจในความเป็นปัจเจกและโลกในอีกมุมที่เราไม่เคยมองมากแค่ไหน…

สำหรับใครที่ชื่นชอบบทความนี้ อย่าลืมกดติดตาม Medium: KBTG Life เรามีสาระความรู้และเรื่องราวดีๆ จากชาว KBTG พร้อมเสิร์ฟให้ที่นี่ที่แรก

--

--