[KULAP] บทสัมภาษณ์ใน “รายงานพิเศษ : บาทดิจิทัล..อัศวินม้าขาวปกป้องอธิปไตยการเงิน”
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย -19 มิ.ย. 63 19:00 น.
ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย เรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) จึงขอบันทึกบทสัมภาษณ์ไว้ (บทความเต็ม)
“พลากร ยอดชมญาณ” ซีอีโอ บริษัท ซาโตชิ จำกัด (KULAP) บริษัทน้องใหม่ป้ายแดง ที่เพิ่งได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. มองว่าในอนาคตหาก ธปท. สามารถพัฒนาเงินบาทดิจิทัลให้เกิดขึ้นและใช้งานได้จริงในระดับประชาชน จะเป็นการเปลี่ยนระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ และเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
“บาทดิจิทัลจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดต่ำลงมากกว่าระบบการเงินเดิม อย่างร้านค้ารับบัตรเครดิตมีต้นทุน 2–3% ถ้าเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการแลกเปลี่ยนก็จะมีต้นทุนที่ต่ำ ดังนั้น จะเป็นประโยชน์กับคนไทยทุกคน” พลากร ระบุ
“พอขยายมาเฟสเอกชน ผมว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้กับบริษัทเอกชนด้วย และตามหลักถ้าเปิดให้บริษัทเอกชน ก็ควรจะเปิดให้บริษัทเอกชนขนาดเล็ก ๆ ด้วย เนื่องจากไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ที่บริษัทเล็กเข้าไปร่วม เพราะว่าผู้ใช้งานเป็นคนถือเงิน และบริษัทเล็กที่เข้าไปร่วมก็จะได้รับประโยชน์คือ เขาก็รับเป็นเงินบาทดิจิทัลได้ เช่น ร้านค้าก็รับเป็นเงินบาทดิจิทัล คืออยู่ ๆ เขาจะรับเงินบาทดิจิทัลเลยไม่ได้ เขาต้องเข้าร่วม หรือมีกระเป๋าเงินดิจิทัลในระบบนี้ก่อน”
ซีอีโอ KULAP ยังเปิดเผยถึงมุมมองเขาในหมวกอีกใบที่เป็น “นักพัฒนา” (Developer) ว่าการมาของบาทดิจิทัล หาก ธปท.เปิดให้นักพัฒนาไทยเข้าไปช่วยพัฒนาระบบ คือ ธปท.ต้องเปิดเป็น Open Platform ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะยิ่งทำให้ระบบนิเวศน์ทางด้านการเงินเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเงินบาทดิจิทัลจะเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการเงินใหม่ ซึ่งมันกำลังจะฉายภาพไปสู่โลกของ Decentralized Finance (DeFi) หรือระบบการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ไม่ต้องมีคนกลาง โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และความสามารถของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
“ยกตัวอย่างเช่นระบบการกู้ยืมแบบปกติ เวลาเราจะซื้อคอนโด ต้องทำเรื่องกู้เงินแล้วก็รอเป็นเดือน เอกสารกระดาษอีกมากมายที่จะต้องใช้ ในอนาคตพวกนี้จะถูกตัดออกไปหมดเลย แล้วทุกอย่างจะเป็นอัตโนมัติเพราะมันเป็น Coding ”
ขอบคุณพี่ชัชชญา อังคุลี สำหรับการสัมภาษณ์ครับ 🙂