วิธีคิด ของไมเคิล เดลล์ ผู้ผลิตและจำหน่ายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ รายใหญ่ที่สุดของโลก

Watchara Manisri
Leaderwings Blog
Published in
2 min readSep 9, 2016
1200x628-4

คนที่ประสบความสำเร็จ จะมีวิธีคิดที่แตกต่างจากคนอื่นเสมอ ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) CEO หนุ่มอายุน้อย เจ้าของบริษัท เดลล์ ผู้ผลิตและจำหน่ายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรายใหญ่ที่สุดของโลก

เขาเป็นบุคคลต้นแบบของคนในยุคนี้ เดลล์ก่อตั้งบริษัทในขณะที่มีอายุเพียง 19 ปี และสามารถประสบความสำเร็จได้รับการยกย่องจากนิตยสารอิงค์ ในปี 2533 ให้เขาเป็นนักธุรกิจแห่งปีด้วยวัยเพียง 24 ปี

นอกจากนั้น ไมเคิล เดลล์ ยังได้รับยกย่องจากนิตยสารฟอร์จูน ประกาศให้เขาเป็น CEO เจ้าของบริษัทที่มีอายุน้อยที่สุด และตามด้วยตำแหน่ง CEO แห่งปีจากนิตยาสารเวิร์ธ, ไฟแนนเชียลเวิร์ล อินดัสตรี วีค และ ชิป เอ็กเซกคูทีฟ

ความสำเร็จในธุรกิจและกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ในปี 2555 นิตยสาร
ฟอร์บส์ จัดอันดับให้เดลล์ เป็นบุคคลที่รวยที่สุดอยู่ในลำดับที่ 41 ของโลก เขามีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดมากกว่า 4 แสน 7 หมื่น 7 พันล้านบาท

สิ่งที่ทำให้ ไมเคิล เดลล์ ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะเขาเกิดในครอบครัวที่มีฐานะพ่อแม่มีการศึกษาและหน้าที่การงานที่ดี แต่เป็นเพราะเขารู้จักคิดวิเคราะห์และกล้าที่จะเริ่มต้นทำในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ โดยไม่กลัวความล้มเหลวเพราะเชื่อมั่นในพรสวรรค์ที่เขามีอยู่ในตัวเอง รวมถึงการมีวิธีคิดที่แตกต่างส่งผลให้เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

วิธีคิด ของไมเคิล เดลล์

1.เข้าใจผลกระทบที่เกิดขึ้น

เมื่อลงทุนในธุรกิจทุกประเภท ทรัพยากรบุคคลคือองค์ประกอบสำคัญ หากธุรกิจนั้นมีผู้คนจำนวนมาก ความคิดหรือการกระทำย่อมแตกต่างกันอย่างมาก

สิ่งที่ ไมเคิล เดลล์ เลือกที่จะทำก็คือ การให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับการวางกลยุทธ์ เพราะเขาถือว่านั่นคือผล
กระทบในการทำงาน เมื่อเข้าใจผลกระที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้มีการวางลำดับการทำงานในองค์กรให้มีความเหมาะสม โดยการเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน

2.มองหาการทดลอง

ไมเคิล เดลล์ มองว่าคนส่วนใหญ่เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ๆ ล้วนแล้วแต่มองหาความสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับมองว่านั่นคือความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ และสิ่งที่ เดลล์ คิดว่าควรจะทำมากกว่า คือการทดลองอะไรใหม่ ๆ และลงมือทำมันอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนอาจจะต้องมีข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง แต่สิ่งที่ต้องทำก็คือการแก้ไขและเรียนวิธีแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะเขามีวิธีคิดว่าการทดลองทำในสิ่งใหม่ ๆ ทำให้พบโอกาสใหม่ ๆ เสมอ

3.มีไหวพริบ

การมีไหวพริบ รู้จักคิดวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ทำให้เราค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับเราเสมอ ไมเคิล เดลล์ กล่าว่า..

“สมัยที่ผมมีอาชีพเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ ฮูลตัน ผมค้นพบว่า ผู้คนเมื่อแต่งงานมีครอบครัว ก็จะต้องย้ายบ้านใหม่ ผมสังเกตเห็นว่าเมื่อพวกเขาจดทะเบียนสมรส จะมีข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ใหม่ และข้อมูลเหล่านั้นยังเป็นข้อมูลสาธารณะ ผมจึงได้ที่อยู่ของพวกเขา และไม่รอช้าที่จะจัดส่งข้อเสนอพิเศษในการรับหนังสือพิมพ์ ไปตามที่อยู่ของพวกเขา”

4.สร้างวัฒนธรรมในองค์กร

ไมเคิล เดลล์ บอกว่า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการทำงานเป็นทีม องค์กรธุรกิจยิ่งมีขนาดใหญ่วัฒนธรรมองค์กรก็ย่อมมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น พนักงานทุกคนที่เคยเคยผ่านองค์กรธุรกิจอื่นมาแล้ว ย่อมซึมซับวัฒนธรรมขององค์กรต่างๆติดตัวมาด้วย การสร้างวัฒนธรรมองค์กรตามวิธีคิดของ เดลล์ ก็คือ

“เราไม่ได้ให้พวกเขาออกจากวัฒนธรรมองค์กรที่เคยอยู่มา แต่ต้องทำให้ให้วัฒนธรรมองค์กรของเราซึมซับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ชีวิตของพวกเขา”

5.พึงระลึกไว้เสมอเวลาที่ยากลำบาก มักทำให้เราเข้าถึงโอกาส

ในเวลาที่ทุกคนต้องอยู่ท่ามกลามความยากลำบาก สิ่งที่เราเห็นก็คือ ผู้คนมักทำตัวเป็นเสมือนกระต่ายแช่แข็ง ไม่กล้าทำอะไร ท่ามกลางเวลาที่ผู้คนกำลังสับสนเราต้องรู้ว่าในนั้นมีโอกาสมหาศาลซ่อนอยู่ ในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่กล้าทำหรือไม่คิดที่จะค้นหา แต่เราต้องหาให้เจอเพราะนั่นคือเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ

6.กล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ

ไมเคิล เดลล์ มีวิธีคิดที่เป็นตัวของเขามากที่สุด นั่นคือ ทุกคนต้องกล้าที่จะทดลองอะไรใหม่ ๆ แม้บางครั้งอาจจะต้องล้มเหลวบ้าง ผู้คนจำนวนมากไม่กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ เพราะกลัวจะผิดพลาด และกลัวความล้มเหลวที่อาจตามมาจากความผิดพลาดนั้น เดลล์ บอกว่าไม่ใช่แนวทางของความสำเร็จ ทุกคนต้องกล้าที่จะทำโดยไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

7.ยอมรับความเสี่ยง

ทุกคนต้องยอมรับและเข้าใจธรรมชาติของการทำธุรกิจ เมื่อธุรกิจติดขัดและมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ก็ย่อมมีมากตามไปด้วย ในทางตรงกันข้ามหากธุรกิจเติบโตตามธรรมชาติ ก็ย่อมมีความเสี่ยงน้อยแต่ถึงอย่างไรก็ดี ก็ยังต้องมีความระมัดระวังอยู่เสมอ รวมถึงมีการวางแผนสำรองหรือมีแผนฉุกเฉินรองรับไว้ หากธุรกิจนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

8.พัฒนาความสัมพันธ์ของหุ้นส่วน และ พันธมิตร

เรื่องของ connection มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของหุ้นส่วน เดลล์ บอกว่า เขาได้พัฒนาความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านบุคลการทั้งภายในภายนอกองค์กร พัฒนาส่วนผสมของซอฟต์แวร์ ฮาร์ตแวร์ รวมทั้งพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างเหลือเชื่อ

9.รักที่จะทำ

คนที่ประสบความสำเร็จในการลงมือทำสิ่งใด ๆ ส่วนหนึ่งมาจากความรักและความชื่นชอบ และเมื่อคนเรารักที่จะทำ ก็จะเป็นพลังเป็นแรงผลักดันให้คิดค้นและลงมือทำสิ่งนั้นจนประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก วิธีคิดของ เดลล์ มองว่า….

“ผู้ประกอบการทุกคน ล้วนเป็นมีส่วนเล็ก ๆ ของการเป็นผู้สร้างสิ่งนั้นด้วยตัวเอง และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ประกอบการที่มีอยู่ในตัวผม เราทุกคนมีสัญชาตญาณแห่งความรู้สึกนั้น เมื่อคุณได้เริ่มรักที่จะทำอะไรบางอย่าง ผู้คนส่วนมากมักมองหาเงินก่อนแต่สำหรับผมคือการรักที่จะทำมัน และตื่นเต้นไปกับมัน”

10.ความล้มเหลวนำเราสู้ความสำเร็จ

ความสำเร็จใด ๆ ที่ผู้คนมากมายได้รับมาล้วนเคยผ่านความล้มเหลวมาก่อนทั้งสิ้น เดลล์ กล่าวว่า เมื่อเราต้องพบเจอกับความล้มเหลว จงเชื่อมั่นว่าในที่สุดผลลัพธ์ของมันก็จะนำมาซึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น จงอย่างกลัวหรืออย่ายอมแพ้ต่อความล้มเหลว แต่จงให้ความล้มเหลวเป็นตัวนำพาเราก้าวไปสู้ความสำเร็จ

บทสรุป

ความสำเร็จที่ได้มาไม่ว่าช้าหรือเร็ว มีบทสรุปสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามและไม่เห็นความสำคัญ นั้นก็คือ “การมองทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เลวร้าย ล้มเหลว ผิดหวัง สมหวัง หรือเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี การมองและให้ความสำคัญทุกเรื่องราว เป็นวิธีคิดที่ทำให้ ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) ประสบความสำเร็จ และหากเราคิดและลงมือทำเช่นเดียวกับเขา ทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

--

--