5 อย่าง ที่คุณได้มา เมื่อปิด Facebook
นวัตกรรมหรือเทคโนโลยียุคดิจิทัล ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเสพติดอยู่กับโซเชียลมีเดีย (Social Media )หรือโลกเสมือนจริง
โดยใช้รูปแบบการติดต่อสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์ ที่สามารถเชื่อมต่อโต้ตอบกันได้อย่างรวดเร็วทันใจและไร้พรมแดน อำนาจของ โซเชียลเน็ตเวิร์ค(Social network) ทำให้เกิดชุมชนหรือสังคมเสมือนจริงขึ้นมา
สังคมขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกนับล้านคนอยู่ทั่วโลก ก็คือ Facebook ซึ่งเป็นศูนย์รวมที่สามารถสร้าง connection ใหม่ๆและมีเรื่องราวมากมายเผยแพร่ให้ทุกคนได้ติดตาม
เมื่อ Facebook เป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ง่าย การแชร์ข้อมูลข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น รวมถึงการแชร์บทความต่าง ๆ ผ่าน Facebook เป็นเรื่องทำได้ง่ายและสะดวก
นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางการสื่อสารด้วยข้อความผ่าน Messenger ที่ช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์ได้มาก ดังนั้นในแต่ละวันเราจึงเห็นผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับสังคมออนไลน์ อยู่กับโลกเสมือนจริง จนทำให้เกิดคำว่า “สังคมก้มหน้า”
ซึ่งเป็นพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกจริงใบนี้ และหากเราปิด Facebook จะเกิดอะไรขึ้น Leader Wings มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ 5 อย่าง ที่คุณได้มา เมื่อปิด Facebook
1.เวลาเพิ่มขึ้น
คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ อยู่กับ Facebook มีพฤติกรรมการใช้เวลาให้หมดไป 3 รูปแบบที่ เหมือนๆกัน
- พฤติกรรมแรก ได้แก่ การเผยแพร่ข้อมูลในเชิงธุรกิจ เช่น โพสต์รูปภาพสินค้า รีวิวสินค้า โพสต์หรือเขียนบทความที่เป็นข้อมูลความรู้ ตอบและให้ข้อมูลลูกค้าในกรณีขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Facebook
- พฤติกรรมที่ 2 ได้แก่การโพสต์ เพ้อ ไปตามอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง
- พฤติกรรมสุดท้าย เมื่อมีเวลาว่างก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านข้อมูลเรื่องราวต่างๆที่มีการแชร์ผ่าน Facebook รวมถึงการพูดคุย ทักทาย คอมเม้นท์ หรือกดไลค์ให้กับเพื่อน ๆ
ดังนั้น เมื่อปิด Facebook สิ่งที่ได้กลับคืนมาก็คือเวลา เริ่มตั้งแต่เวลาว่างทั้งหมดที่เสียไปกับการส่อง หรือติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ รู้จักควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง และสามารถบริหารจัดการเวลาในแต่ละวันได้อย่างลงตัว
2.งานเพิ่มขึ้น
เมื่อมีเวลามากขึ้น ทำให้มีโอกาสได้คิดทบทวนและบริหารเวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ หรือทำให้ได้คิดวิเคราะห์และนำสิ่งที่บกพร่องมาพัฒนาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ทำให้มีงานเพิ่มขึ้นซึ่งก็ส่งผลต่อรายได้ที่อาจเพิ่มมากขึ้นด้วย
3. ได้คุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น
“ทุกวันนี้ เหมือนคนไม่มีสังคม คนในครอบครัวก็ไม่มีเวลาได้พูดคุยกัน” ประโยคปรารภของพ่อค้าออนไลน์คนหนึ่ง ที่ขายสินค้าผ่าน Facebook ผ่าน webpage ที่บอกให้รู้ว่า
วิถีชีวิตบนโลกออนไลน์ นอกจากทำให้เวลาส่วนหนึ่งหายไป ยังทำให้ตัดขาดจากสังคมจริงๆไปด้วย
การปิด Facebook จึงนอกจากจะได้เวลากลับคืนมา ยังทำให้ได้พูดคุยกับผู้คนที่อยู่ในสังคมจริง ๆ
ทำให้เรียนรู้และสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้นจริง ๆ และสิ่งสำคัญการปิด Facebook ปิดการ ติดต่อสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ในบางช่วงบางเวลา ยังทำให้เกิดการบริหารและพัฒนาธุรกิจ ทำให้เกิดระบบ การทำงานรูปแบบใหม่ๆที่ส่งผลดีต่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น
4. มีเวลาอ่านหนังสือ
การปิด Facebook ทำให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ จากการอ่านหนังสือ
โดยปกติเมื่อคนเราใช้ชีวิตอยู่กับ สังคมออนไลน์ อยู่กับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การหาข้อมูลข่าวสารจึงเลือกหาจากอินเทอร์เน็ตเพราะทำได้สะดวกรวดเร็ว
แต่ลืมไปว่าขาดความละเอียดอ่อน เมื่อต้องการหาข้อมูลหรือต้องการเรียนรู้สิ่งใด ก็จะโฟกัส ไปที่สิ่งนั้น ต่างจากการอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เมื่อคนเราเข้าร้านหนังสือ เพื่อซื้อหนังสือที่เราชื่นชอบหรือต้องการ ก็จะพบเห็นหนังสื่อหลากหลายรูปแบบเมื่อเกิดความสนใจก็จะทำให้ เราเลือกอ่านหนังสือเล่มนั้น ทั้งๆที่ไม่ได้มีความต้องการมาก่อน
การปิด Facebook จึงทำให้คนมีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น
5. กระชับสัมพันธ์กับคนที่รัก
การใช้เวลาให้หมดไปกับ Facebook ทำให้ความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติ ๆ ลดน้อยลง
ถึงแม้บางคนบางครอบครัวจะสามารถใช้เทคโนโลยีติดต่อสื่อสารถึงกัน ซึ่งทำได้ทั้งการพูดคุย หรือเขียนหนังสือติดต่อสื่อสารผ่าน Facebook ทุกวัน
แต่ก็เป็นเพียงการติดต่อผ่านโลกเสมือนจริง ที่ไม่ได้ สร้างความรักความผูกพัน หรือทำให้รู้สึกอบอุ่นได้เช่นเดียวกับการได้อยู่ใกล้ชิดกันจริงๆ
การปิด Facebook ยังทำให้สังคมครอบครัวมีเวลาได้แก่กันและกัน ได้อยู่ใกล้ชิด ได้ร่วมปรึกษาหารือ หรือ พ่อแม่มีเวลาพูดคุยกับลูกๆ พี่น้องมีเวลาอยู่ใกล้ชิดและทำกิจกรรมดีๆร่วมกัน ก่อให้เกิดความรักความเข้าใจและเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก
สรุป
เทคโนโลยีมีความสำคัญและมีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของคนเราในทุกๆด้าน SOCIAL NETWORK คือสิ่งสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เช่นเดียวกับ Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถรับรู้ข้อมูล
และสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เป็นเครื่องมือหรือช่องทางทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
“แต่ต้องไม่ลืมว่า ในสิ่งที่ดีก็ต้องมีข้อด้อย Facebook คือสิ่งสร้างสรรค์หรือทำลาย…..ขึ้นอยู่กับการใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม หากใช้มากเกินไปสิ่งที่สร้างสรรค์ก็กลายเป็นการทำลายได้เช่นเดียวกัน”