🎤 ซอฟต์แวร์กับเรื่องเล่า
หรือทุกวันนี้เราไม่ใช่แค่คนเขียนโค๊ดเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆอีกต่อไป? อย่างน้อยเราไม่ควรคิดและปลูกฝังความรู้สึกแบบนั้นให้ตัวเอง
ซอฟต์แวร์และโปรดักท์ทุกประเภทนั้นเปลี่ยนไปแล้ว มันเป็นศิลปะพอๆกับที่มันเป็นวิทยาศาสตร์ ถ้าทำได้ดี … มันเปรียบเสมือนสินค้าแฟชั่นสินค้าที่เข้าถึงและสร้างความผูกพันธ์กับคนอย่างลึกซึ้ง ถ้าทำได้ดี … มันจะมีความใกล้เคียงกับเพลงและละครและภาพยนตร์
มันมีเรื่องราวของมันและเราคือผู้สร้าง ผู้กำกับ คนเขียนบท คอสตูม ตากล้อง คนตัดต่อ
ทุกวันนี้เรากำลังเล่าเรื่องผ่านซอฟต์แวร์
เรื่องราวที่มีที่มาที่ไป เรื่องราวที่เข้าถึงแก่นของปมปัญหา เรื่องราวที่สร้างความสุขให้กับผู้ใช้และทุกคนที่เกี่ยวข้อง … เราจึงไม่ใช่แค่คนเขียนโค๊ดหรือรันเทสตามคำสั่ง เราเป็นอะไรที่มากกว่านั้น
ทุกอย่างที่เราทำมีความหมายในตัวของมัน ความหมายที่ส่งต่อไปถึงผู้รับได้ผ่านทางซอฟต์แวร์ มันเป็นผลงานหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ (หรือความมักง่าย) ความละเอียดอ่อน (หรือความหยาบกร้าน) ความเข้าใจ (หรือความเห็นแก่ตัว) ถึงแม้เราไม่ได้กุมอำนาจสูงสุดในเรื่องการพัฒนาซอฟต์แวร์ ถึงแม้เราไม่ใช่ผู้สร้างหรือผู้กำกับแต่เราก็ยังเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญมากอยู่ดี ถ้าเราเป็นคนเขียนบทเราจะวางพล๊อตเรื่องแบบไหน เราอยากเล่าเรื่องราวนี้ผ่านทางซอฟต์แวร์ตัวนี้อย่างไร และที่สำคัญเราลงลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเราไปในงานนี้อย่างภาคภูมิใจหรือไม่
ซอฟต์แวร์ทุกตัวมีเรื่องราวของมัน ทุกทางเลือก ทุกการตัดสินใจ ทุกฟีเจอร์ ทุกหน้าจอ ทุกปุ่ม ทุกฟังก์ชั่น และทุกเทสเคส … เรากำลังเล่าเรื่องอะไรอยู่ เราสื่อสารกับตัวเองได้มั้ยว่าทำไมเราถึงเลือกทำแบบนั้นและไม่ทำแบบนี้ อะไรเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญในการตัดสินใจแต่ละขั้นตอน อะไรคือต้นเรื่อง อะไรคือธีม อะไรคือฉากเด่น และเราจินตนาการฉากจบไว้อย่างไร?
ถ้าเป็นละครหรือภาพยนตร์เราอยากให้ผู้ชมได้อะไรกลับไป? เราอยากให้มีภาคต่อหรือไม่? ผลงานละครหรือภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมนั้นคือผลงานที่สื่อสารอย่างเข้าถึงกลุ่มคนที่เป็นเป้าหมาย มันขึ้นอยู่กับการทำการบ้านอย่างขยันขันแข็งเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้ชมต้องการ ความสามารถในการเล่าเรื่อง ความใส่ใจในการผลิต … เทคโนโลยี เงินทุน นักแสดงนำ นั้นไม่ใช่ปัจจัยที่จะการันตีความสำเร็จเสมอไป
ซอฟต์แวร์ที่ดีก็เช่นกัน มันจึงไม่ใช่แค่ว่า “มันเวิร์ค มันทำงานได้แล้ว” แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น มันต้องงดงาม มันต้องมีเรื่องราว มันต้องแสดงให้ผู้ใช้เห็นได้ว่าคนสร้างซอฟต์แวร์ตัวนี้เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของพวกเค้า ท้ายที่สุดแล้วมันต้องสร้างความสุขและช่วยเติมเต็มทำให้ชีวิตพวกเขาดีขึ้น
นี่ต่างหากคือภาระหน้าที่ที่แท้จริงของพวกเรา ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ดีเวลลอปเปอร์ ซอฟต์แวร์เอ็นจิเนียร์ ซอฟต์แวร์เทสเตอร์ หรือซอฟต์แวร์อะนาลิสต์ ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วเพราะพวกเราคือนักเล่าเรื่องผ่านซอฟต์แวร์
วันนี้พล๊อตเรื่องของซอฟต์แวร์ของเราเป็นแบบไหน? เราเข้าใจมันดีรึยัง? เราสะดวกใจที่จะแบ่งปันมันให้กับคนอื่นได้รับรู้หรือไม่?
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด (ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตาม) คือนักเล่าเรื่องที่เก่งที่สุด … นี่คือประโยคที่ใช้นิยามคนอย่างพวกเราในโลกปัจจุบันที่มาถึงแล้วและพวกเราก็รู้ดีว่าต้องปรับตัวตามให้ทัน 🖖🏽