The Single Best Wish @ Work

Piyorot
Life As I Feel It
Published in
1 min readSep 16, 2015
Photo Credit: http://i.dailymail.co.uk/i/pix/2012/09/21/article-2206050-0059AA091000044C-332_964x756.jpg

ในชีวิตการทำงานผมเปลี่ยนงานไม่บ่อย — แค่สามครั้ง จากเด็กจบใหม่มาเริ่มงานที่แรกเกือบสิบปี เปลี่ยนมาที่ที่สองอีกเกือบสองปี และตอนนี้ออกมาเปิดบริษัทของตัวเองได้เกือบหนึ่งปี … ผมลองถามตัวเองเมื่อเช้านี้ว่า

อะไรคือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงาน?

ชื่อเสียงบริษัท ตำแหน่ง โอกาสและความก้าวหน้า เงินเดือนและผลตอบแทน ลักษณะงานที่ทำ — มีผลทั้งหมดแต่ไม่ใช่ที่สุด

สำหรับผมแล้ว “เพื่อนร่วมงาน” คือปัจจัยที่ว่านั้น ส่งผลต่อความสุขในการทำงานมากที่สุด ส่งผลต่อความรู้สึกมีแรงกระตุ้นในการทำงานมากที่สุด คิดๆดูแล้วที่ผ่านมาผมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอื่นเลย

  • ชื่อเสียงบริษัท — ผมเฉยๆ ใช่ว่าบริษัทใหญ่กว่าแปลว่าดีกว่าเสมอไป หลายครั้งกลับกันด้วยซ้ำ
  • ตำแหน่ง — พักหลังมานี้ผมไม่สนใจชื่อตำแหน่ง จะเรียกอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา
  • โอกาสและความก้าวหน้า — ผมไม่เชื่อว่าความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆในบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ เช่น หัวหน้าทีมพัฒนาจะกลายมาเป็นไอทีไดเรกเตอร์ได้ในเวลาหนึ่งปีนั้นยาก เรื่องแบบนี้กลายเป็นคนนอกที่สอบสัมภาษณ์แค่สามชั่วโมงมีโอกาสมากกว่า (ตลกมั้ย?) ผมจึงไม่เชื่อเรื่องความก้าวหน้าตามระบบ ผมเชื่อเรื่องการพัฒนาตัวเองเพื่อตัวเองมากกว่า
  • เงินเดือนและผลตอบแทน — แทบไม่มีผลกับผมมาก ขอให้มันยุติธรรมและไม่น่าเกลียดเกินไปก็พอใจแล้ว
  • ลักษณะงานที่ทำ — ข้อนี้ค่อนข้างสำคัญเพราะถ้างานที่ทำมันไม่ตรงกับสิ่งที่ถนัดหรือสนใจหรืออยากทำ ผมก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่มีแรงกระตุ้นมากนัก (หลายคนก็คงเป็นเหมือนกัน) แต่ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วและผมรู้ว่าในงานที่น่าเบื่อมันมีช่องว่างให้เราทำงานที่เราสนใจเสมอ — ไม่ชอบเขียนโค๊ดผมก็เปลี่ยนมาช่วยเทส แล้วก็ลองหลีดโปรเจกต์ แล้วก็มาเป็นโปรเจกต์ เมเนเจอร์ แล้วก็เป็นเทรนเนอร์ แล้วก็มาดูโปรเซส …

ทั้งหมดนี้ไม่มีข้อไหนเหมือน “เพื่อนร่วมงานที่ดี*” เลย นี่คือสิ่งที่ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ทำงานสิบกว่าปี ในข้อเสียหลายๆอย่างของผมเรื่องที่รุนแรงสุดคือผมจะมีความอดทนต่ำกับคนที่ผมไม่ชอบ ฮ่าๆๆ ออกแนวอคติ มันพาลทำให้ไม่อยากทำงาน ไม่อยากช่วยเหลือ ไม่อยากมีส่วนร่วม ไม่อยาก ไม่อยาก ไม่อยาก มันเป็นตัวทำลายความสุขในชีวิตอย่างแท้จริง

สังเกตมั้ยว่า “เพื่อนร่วมงานที่ดี” นั้นแตกต่างจากปัจจัยอื่นๆที่ผมลิสต์มาตรงไหน? หึๆๆ มันต่างตรงนี้ — ปัจจัยข้ออื่นเราเลือกได้หมด ยกเว้นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่เราเลือกไม่ได้

ชื่อเสียงบริษัทเราเลือกได้ ตำแหน่งดูต่ำต้อยก็ปัดทิ้งไป ที่นี่ให้เงินเดือนน้อยเราก็ไม่เอา ลักษณะงานน่าเบื่อก็ไปสมัครที่ใหม่ “เพื่อนร่วมงานที่ดี” นี่แหละที่เราเลือกไม่ได้ เราไม่มีทางรู้ก่อนล่วงหน้าได้เลยว่าเราจะเจอคนแบบไหน จะเจอคนที่เข้ากันได้และเชื่อในหลักการเดียวกันมั้ย? จนกว่าจะได้ลองทำงานด้วยกันซักครั้งสองครั้งเราถึงจะเริ่มรู้ว่าอนาคตเราจะรุ่งหรือจะร่วง

ตามชื่อบทความ — ถ้าผมมีพรวิเศษหนึ่งข้อที่ผมขออะไรก็ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน … โดยไม่ลังเลและไม่คิดมาก — ผมขอเพื่อนร่วมงานดีๆครับ

เพื่อนๆหละฮะ … จะขออะไรกัน? :)

ป.ล.1 — * เพื่อนร่วมงานดีๆไม่ใช่แค่คนที่เห็นพ้องต้องตามใจเราความคิดเราเสมอไป แต่ต้องเป็นคนที่เราคุยด้วยได้ เถียงได้แต่รับฟัง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มักง่าย ไม่ขี้เกียจ … เอาง่ายๆคือเราไว้ใจกันและกันได้ว่าจะทำงานอย่างสุดความสามารถอะ หาโคตรยาก

ป.ล.2 — นี่เป็นสาเหตุหลักสำคัญที่ผมตัดสินใจลาออกเป็นครั้งสุดท้าย (หวังว่านะ ฮ่าๆ) แล้วเปิดบริษัทของตัวเองเพราะผมต้องการอิสระในการเลือก “เพื่อนร่วมงานที่ดี” และตอนนี้ผมแฮปปี้กับชีวิตมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย

--

--

Piyorot
Life As I Feel It

A member of Mutrack and Inthentic. I lead, learn, and build with vision, love and care. https://piyorot.com