[รีวิว]ชีวิตเด็กฝึกงาน Software Engineer ที่ Sunday ลุยงานจริงตั้งแต่วันแรก!! 🚀

Noppanat Dev
3 min readSep 2, 2021

--

ผมและผองเพื่อนในวันแรกของการฝึกงาน

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ วันนี้ผมเจ้าของบล็อกจะมาแชร์ประสบการณ์ การฝึกงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาในบริษัท Sunday ว่าได้อะไรมาบ้าง โดยผมจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ช่วง เริ่มตั้งแต่

  • ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างในการยื่นขอฝึกงานที่ Sunday
  • ได้ทำอะไรบ้างในช่วงของการฝึกงานที่ Sunday
  • สิ่งที่ได้หลังจากจบการฝึกงานที่ Sunday

โดยก่อนที่เราจะเริ่มกัน ขอผมขอเล่าประวัติคร่าวๆของตัวเจ้าเข้าของบล็อคเองก่อนนะครับ ผมชื่อเล่นว่า “ต้นไม้” ในช่วงฝึกงานผมกำลังศึกษาอยู่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ชั้นปีที่ 3 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยผมได้รับโอกาสเข้าไปฝึกงานที่ Sunday ตั้งแต่ช่วง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จนถึง สิ้นเดือนกรกฏาคม ครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า 🚀

ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างในการไปฝึกงาน Sunday

ผมว่าเรามาทำความรู้จักบริษัท Sunday กันก่อนนะครับว่าคือ เค้าทำอะไรกันบ้าง? และทำไมถึงต้องรับตำแหน่ง Software Engineer? Sunday (ซันเดย์) เป็นแพลตฟอร์มประกันรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเป็น InsurTech ก่อต้ังขึ้นเมื่อสิงหาคม 2560 ด้วยการดึงเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time ทำให้เกิดนวัตกรรมทางด้านประกันภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า เอาแบบเข้าใจง่ายก็คือ ลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อประกันในราคาที่เหมาะสมได้ด้วยตนเองผ่าน Website หรือ Application ‘Sunday’ จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Sunday ต้องการบุคลากรสาย Tech ตัวอย่างเช่น Software Engineer มาเพื่อพัฒนาตัว Product นี่จึงเป็นที่มาของความสนใจในการสมัครฝึกงานของผมครับ

ตัวอย่าง Product ของ Sunday

ผมรู้จักบริษัท Sunday ครั้งแรกในงาน CE Smart Career ซึ่งบางคนอาจจะรู้จักในชื่องาน Job Fair ที่จัดโดยภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ โดยในช่วงนั้นผมได้ค้นพบแล้วว่าสาย Web Developer คือตัวตนของเราแน่ๆ ผมจึงได้มองหาบริษัทที่เปิดรับสายงานทางด้านนี้ ซึ่งบริษัท Sunday ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยในครั้งนั้น Sunday จะรับเฉพาะ Software Engineer ที่เป็น Full-Stack เท่านั้น แต่ผมเองในขณะที่ยังอยู่ปี 2 นั้นยังมีความเข้าใจในทักษะ Front-end เท่านั้น

แม้ว่าครั้งนั้นผมจะยังไม่พร้อม แต่ในช่วงหนึ่งปีหลังจากนั้นผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมในทักษะของการทำ Back-end และยังรับงานจากอาจารย์บ้างเพื่อฝึกฝน และเตรียมตัวให้พร้อมกับโอกาสที่จะมาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า

ในที่สุดก็มาถึงช่วงที่ทางภาควิชาของผมประกาศ เริ่มต้นช่วงของการหาที่ฝึกงานอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าบริษัทแรกที่ผมยื่นสัมภาษณ์ไปก็คือ Sunday นั่นเอง โดยต้องขอบคุณพี่ไอซ์ จากทีม HR ของ Sunday ที่ตอบรับและนัดวันสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผมไม่รีรอที่จะตอบตกลงและนัดวันสัมภาษณ์ในสัปดาห์ถัดไปเลย

มาถึงวันสัมภาษณ์ ผมตื่นเต้นมากเพราะผมรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอโจทย์ปัญหา ที่มีนอกเหนือจากคำถามทั่วไปด้วย แต่จริงๆแล้วการสัมภาษณ์นั้นไม่ยากมาก โจทย์ที่ถูกถามมาก็เป็นเรื่องพื้นฐานที่เคยเรียนมาแล้วในภาควิชาวิศวะ คอมฯ โดยต้องขอบคุณพี่บิ๊กและพี่หมูปิ้ง จากทีม Sunday Care ที่ทำให้การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่นด้วยครับ

เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันผมได้รับโทรศัพท์จากพี่ไอซ์ ที่โทรมาตอบรับการเข้าฝึกงานซึ่งตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก เรียกว่ามือสั่นทำอะไรไม่ถูกเลย โดยพี่ไอซ์ได้นัดวันเข้ามาเซ็นสัญญาพร้อมกับยื่นข้อเสนอที่จะทำให้ชีวิตของผมช่วงเทอมสุดท้ายของปี 3 ซึ่งเป็นช่วงก่อนฝึกงาน จะต้องเปลี่ยนไป

ได้ทำอะไรบ้างในช่วงของการฝึกงานที่ Sunday

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของการฝึกงานผมขอเล่าก่อนว่าข้อเสนอที่ได้รับมาคือการได้เข้ามาทำงานเป็น Part-time เป็นเวลา 4 เดือนก่อนที่จะเข้าฝึกงานจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าผมตอบรับข้อเสนอนี้แน่นอน โดยหลังจากนี้ผมจะถือว่าตั้งแต่ช่วงของการทำ Part-time จนถึงวันสุดท้ายของการฝึกงาน ทั้ง 6 เดือน เป็นช่วงฝึกงานแทนนะครับ

บริษัท Sunday นั้นตั้งอยู่บนอาคารสาธรนคร ทาวเวอร์ ชั้น 16 ซึ่งติดกับ BTS ช่องนนทรีพอดี ทำให้การเดินทางไปบริษัทนั้นไม่ยากเย็นนัก วันแรกที่ผมก้าวเข้าไปในบริษัท ทางบริษัทมีการ On Boarding เพื่อเป็นการทำความรู้จักบริษัท และทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานที่เข้ามาเริ่มงานในวันเดียวกัน หลังจาก On Boarding จบลง ก็ถึงช่วงเวลาที่ผมจะได้ไปเจอหน้าพี่ๆ ในทีมของผมแล้ว อ๋อ แต่ก่อนที่จะไปเจอพี่ๆในทีม ทางบริษัทได้ให้ผมและพนักงานทุกคนยืม Macbook มาให้ใช้ตลอดช่วงของการฝึกงาน (แอบขายของว่าได้ Macbook ฟรีมาใช้ด้วย 😜)

มุมทำงานชิวๆ กับ Macbook

เอาหละครับหลังจากได้ Mac ผมก็ได้มานั่งที่โต๊ะที่ทางทีมของผมได้นั่งกันเป็นประจำ โดยผมขอแนะนำทีมของผมให้ผู้อ่านทุกคนรู้จักกันก่อนนะครับ ทีมของผมเป็นทีมที่ทำเรื่องเกี่ยวกับ Shared Service ซึ่งก็คือเราจะทำการผลิต Product ต่างๆ ที่ทาง
ทีมอื่นๆต้องการจะใช้โดยเราจะทำเตรียมไว้ล่วงหน้า พอถึงเวลาทีมอื่นก็นำไปใช้ต่อได้เลย นอกจากนี้ทางทีมเรายังผลิต Product ที่ใช้เป็นส่วนกลางของ Sunday อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Easysunday.com ซึ่งผมได้มีส่วนร่วมในการพัฒนา จากนี้ผมจะไม่ลงลึกในส่วนของงานที่ทำมากนัก แต่จะเล่าถึงบรรยากาศในการทำงานแทนนะครับ

โดยสมาชิกในทีมมีเพียงแค่ 7 คน ได้แก่ พี่ทอม (เป็นทั้งTeam Lead และ Technical Director ในคนๆเดียวกัน) พี่บอส (เป็นพี่เลี้ยงที่คอยสอนผมในช่วงต้นของการฝึกงาน) นอกจากนี้ยังมียังมี พี่วินเนอร์ พี่ชิน พี่นัน เพื่อนออย (เพื่อนรุ่นเดียวกันและยังเริ่มทำงานในวันเดียวกัน) และพี่มด (QA ประจำทีม) เนื่องจากผมฝึกงานเป็นเวลานานเพราะฉะนั้นพี่ๆทุกคนจะมีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอดแบบไม่มีกั๊กกันเลย

บรรยากาศการทำงานในออฟฟิศในช่วงที่ COVID-19 ยังระบาดไม่หนักมาก
มุมขนมของ บ. หิวๆก็เดินมากินได้

หลักจากเกริ่นกันมานานก็เข้าสู่ช่วงบรรยากาศการทำงานจริงๆ ซักทีเนื่องจากในตำแหน่งของผมนั้นจะรับคนที่มีประสบการณ์ในด้านนี้มาแล้วพอสมควร ดังนั้นในสัปดาห์แรกของการทำงาน พี่ๆก็จะมอบหมายให้เราเริ่มพัฒนา Product จริงเลยพร้อมกับทำความเข้าใจงานไปด้วย ถ้าใครกำลังมองหาที่ฝึกงานที่ได้ลุยงานจริงเลย Sunday ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทนั้น ต่อไปผมจะแนะนำภาพรวมของการทำงานที่นี่กันนะครับ

โดย Developer ที่ Sunday เราจะทำงานกันแบบ Agile and Scrum โดยแต่ละ Sprint จะใช้ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ทางทีมจะมีการทำ Sprint Planning ในช่วงต้น และ Sprint Review ในช่วงท้ายของแต่ละ Sprint ทั้งนี้ในระหว่าง Sprint ยังมีการทำ Knowledge Sharing เพื่อให้คนที่มีความรู้เฉพาะด้านมาแบ่งปันความรู้ให้กับคนที่เข้ามาใหม่หรือคนที่ไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ โดยส่วนตัวผมคิดว่า Knowledge Sharing ได้ช่วยให้ผมปรับตัวเข้ากับการทำงานได้เร็วขึ้นมากๆ เนื่องจากงานที่ผมได้ทำนั้นเป็นโปรเจคที่จะถูกใช้งานจริงๆ แน่นอนว่าความไว้วางใจของทางทีมที่มอบหมายงานที่สำคัญให้กับเรา ก็ต้องแลกมากับการที่เราต้องพิสูจน์และพยายามขวนขวายความรู้เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถทำงานไปกับทีมได้ ฟังดูแล้วทุกคนอาจจะคิดว่า “เอ๊ะ จะกดดันเกินไปรึเปล่า ?” แต่ความจริงแล้วกับตรงกันข้ามเลยครับ เพราะพี่ๆ ในทีมจะเปิดโอกาสให้เราถามเสมอ และยังให้ความสำคัญกับความคิดเห็นที่เราเสนอด้วย จึงทำให้บรรยากาศโดยรวมไม่เครียดเลย แถมยังได้ความรู้สึกว่าเราโตไปพร้อมกับทีมอีกด้วย

ขอเสริมช่วงพิเศษนะครับเนื่องจากในช่วงฝึกงานอยู่ในช่วงของการระบาดอย่างต่อเนื่องของเจ้า Covid 19 จึงทำให้ในช่วงของการฝึกงานของผมแทบจะทั้งหมดถูกจัดเป็น Work From Home มาจนจบช่วงฝึกงาน แต่การทำงานทุกอย่างก็ยังเป็นไปตามปกติเพียงแค่ผมจะได้เจอกับทีมผ่านทางหน้าจอเท่านั้นเอง 😂 (แม้ว่าจะได้ประสบการณ์การฝึกงานอย่างเต็มที่ แต่ผมก็ยังแอบคิดถึงการได้ไปทำงานพร้อมหน้ากับพี่ๆ ในทีมเหมือนกันครับ)

โต๊ะทำงานช่วง Work From Home ก็จะรกๆหน่อยๆ 😂

สิ่งที่ได้หลังจากจบการฝึกงานที่ Sunday

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของบทความนี้กันแล้วนะครับ โดยจากการฝึกงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาผมได้อะไรมากมายจริงๆ ทั้งจากบริษัท Sunday และจากทีม Shared Service ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้าน Technical ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นการโค้ดอย่างเป็นระบบเพื่อให้คนอื่นสามารถมาทำงานต่อจากเราโดยไม่มีคำถาม การได้เรียนรู้ Stack ที่หลากหลายจาก Service ต่างๆ โดยตลอด 6 เดือนผมได้มีส่วนร่วมในโปรเจคมากกว่า 5–6 โปรเจคด้วยกันซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเด็กฝึกงาน นอกจากนี้ผมยังได้พัฒนาทักษะด้าน Soft skill มากขึ้นจากหลายๆเหตุการณ์ เช่นการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนในทีม การนำเสนอหรือ Demo งานให้กับคนในทีมและคนทั้งบริษัท เป็นต้น

บรรยากาศ Demo Day ในช่วงสุดท้ายของการฝึกงาน (คนเยอะมาก 😂)
มีของแจกช่วงที่ทำงานอยู่บ้านด้วยแหละ ❤❤

สรุปแล้วสิ่งที่ได้จากการฝึกงานที่ Sunday “คือความสุขในการทำงานที่เราชอบ ท่ามกลางบรรยากาศการทำงานที่สนุกและทำให้ Enjoy ไปกับมันได้ตลอด”

สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณพี่ๆ และเพื่อนๆทุกคนที่คอยสนับสนุนผมมาตลอดครับ ขอบคุณครับ 😀

--

--