ข้อควรรู้ ต้องดังระดับไหนถึงจะเรียกว่ามลพิษทางเสียง

MaliLalll
Look ‘n Say
Published in
1 min readJan 23, 2020

เสียงที่อยู่ในสภาพคลื่นจะผ่าน ช่องหูไปยังแก้วหู ซึ่งจะส่งแรงสั่นไปถึงกระดูกหู 3 ชิ้น คือ กระดูกรูปค้อน กระดูกทั่ง กระดูกโกลน จากนั้นของเหลวจะถูกส่งไปยังของเหลวในหูชั้นใน ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปหอยโข่ง และมีเซลล์ขน ทุกครั้งที่เซลล์ขนเคลื่อนไหวจะส่งกระแสประสาทไปยังเส้นประสาทเพื่อส่งต่อไปยังสมองเพื่อแปลงให้ความหมายของเสียงที่เราได้ยินเป็นขั้นสุดท้าย

โดยตั้งแต่เกิดคนเราจะมีเซลล์ขนประมาณ 7,500 เซลล์ และในการรับเสียงดังในแต่ละครั้งอาจทำลายเซลล์ขนได้ถึง 10 เซลล์

เสียงที่เรียกว่าดังเกินไปจนกลายเป็นมลพิษทางเสียง

เสียงที่จะเริ่มดังเกินไป จะเริ่มที่ 80 เดซิเบล ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ เสียงบนถนนที่มีการจราจรคับคั่งนั่นเอง ถ้าเสียงที่ดังมากกว่านี้ ตั้งแต่ 100–120 เดซิเบล เช่น เสียงในคอนเสิร์ต หรือเสียงจากหูฟังที่เปิดเสียงเกินครึ่งหลอด มีอันตรายต่อแก้วหู เป็นอย่างมาก ยิ่งดังมากเท่าไหร่ก็จะทำให้ การเสื่อมของประสาทหูเร็วมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามค่ามาตรฐานของเสียงทั่วไปตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 กำหนดให้ค่าระดับเสียงทั่วไป เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ และค่าระดับเสียงสูงสุดไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ ถึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย ไม่ก่อมลภาวะทางเสียงให้ความน่ารำคาญต่อผู้อื่น

สำหรับค่ามาตรฐานของเสียงที่บุคคลหนึ่งจะได้รับที่ไม่กระทบกับสุขภาพตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก คือ 80 เดซิเบลเอ ต่อการได้ยินตลอด 24 ชั่วโมง

ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก Line Today และ Goodlifeupdate.com

--

--