ติดตั้งโปรแกรมผ่าน Command Prompt หรือ PowerShell บนวินโดว์ด้วย WinGet

Windows Package Manager หรือ WinGet เป็นคำสั่งจัดการติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน Command Prompt หรือ PowerShell ซึ่งมีคอนเซปต์การติดตั้งคล้ายกับระบบปฏิบัติการ Linux

NOC Team
Make it easy
4 min readFeb 8, 2022

--

Windows Package Manager หรือ WinGet เป็นคำสั่งจัดการติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน Command Prompt หรือ PowerShell ซึ่งมีคอนเซปต์การติดตั้งคล้ายกับระบบปฏิบัติการ Linux ซึ่งมีแอปพลิเคชันที่สามารถติดตั้งผ่าน WinGet อยู่เป็นจำนวนมาก เช่น Adobe Reader, WinZip, Zoom, Team Viewer เป็นต้น โดยตัวจัดการแอปพลิเคชัน WinGet เป็นตัวจัดการแพ็คเกจที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการWindows 10 Version 2004 เป็นต้นไป การติดตั้งโปรแกรมด้วยตัวจัดการแพ็คเกจนั้นสะดวกสบายและใช้งานได้จริงมั่นใจเรื่องความรวดเร็วและปลอดภัยไร้โฆษณาแอบแฝงที่ติดมาตอนติดตั้งแอปพลิเคชันอย่างแน่นอน และ สะดวกต่อการทำงานผ่าน Command Line เป็นอย่างมาก เนื่องจากการทำงานผ่าน Remote Desktop หรือ Quick Assist นั้น มีการทำงานดาวน์โหลดภาพหน้าจอของอีกฝั่งขึ้นมา ทำให้มีการทำงานที่ช้ามากขึ้น ยิ่งทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วต่ำ หรือผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแล้ว ความเสถียรของสัญญาณอินเทอร์เน็ตคงคาดเดาได้ยากมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การติดตั้งแอปพลิเคชันง่ายๆ ให้ยูสเซอร์ ควรมีความรวดเร็ว และง่าย ดังนั้นการใช้งาน WinGet ผ่าน PowerShell ก็ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกอีกทางหนึ่ง

วิธีการติดตั้งตัวจัดการแพ็คเกจ Winget

Winget หรือ Windows Package Manager สามารถติดตั้งได้ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่

1. ลงทะเบียนโปรแกรม Windows Package Manager Insiders และติดตั้ง App Installer จาก Microsoft Store และทำการอัพเดต

การติดตั้ง App Installer ผ่าน Microsoft Store

2.ดาวน์โหลด Windows Package Manager .appxbundle โดยมีขั้นตอนดังนี้

การดาวน์โหลดไฟล์ App Installer บน Github.
  • เมื่อดาวน์โหลดแล้วให้ดับเบิลคลิ้กที่ไฟล์ Microsoft.DesktopAppInstaller_8wekyb3d8bbwe.appxbundle เพื่อติดตั้ง
ไฟล์สำหรับการติดตั้ง App Installer
  • เมื่อดับเบิ้ลคลิ้กแล้วจะขึ้นหน้าจอแจ้งเตือนการติดตั้ง ให้กดปุ่ม Update
หน้าจอการแสดงการติดตั้ง App Installer
  • รอจนกว่าติดตั้งเสร็จ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วก็สามารถใช้งาน WinGet ได้
หน้าจอแสดงความคืบหน้าการติดตั้ง App Installer

วิธีการตรวจสอบว่าเครื่องเราพร้อมใช้งานตัวจัดการแพ็คเกจ WinGet

เมื่อทำการติดตั้งแล้ว หรือว่าอยากตรวจสอบว่าเคยติดตั้งเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ก็สามารถตรวจสอบได้ตามขั้นตอนดังนี้เลย

  • ไปยัง Windows menu → Settings เพื่อเข้าไปเมนูการตั้งค่าต่างๆ บน Windows
ขั้นตอนการเข้าไปตั้งค่าบน Settings
  • ไปยังหัวข้อ Apps เพื่อจัดการ และตรวจสอบการลงแอปพลิเคชัน
ขั้นตอนการเลือกเมนู Apps
  • เมื่อเข้ามายังหัวข้อ Apps แล้ว ให้เลือก Apps & features (เป็นหัวข้อเริ่มต้นอยู่แล้ว) จากนั้นให้สังเกต “App execution aliases” ทางด้านขวา หากเจอแล้วให้คลิ้กเข้าไปได้เลย
ขั้นตอนการตรวจสอบการติดตั้ง App Installer บน App execution aliases
  • เมื่อขึ้นหน้าต่าง App execution aliases มาแล้ว ให้ตรวจสอบว่ามี Windows Package Manager Client และ App Installer ทั้งสองไฟล์นี้หรือไม่ หากมีครบตามภาพตัวอย่าง ก็จะสามารถใช้งาน WinGet ได้
หน้าจอสำหรับตรวจสอบแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งาน WinGet

เริ่มต้นการใช้งาน Windows Package Manager (Winget)

การใช้งาน WinGet นั้น สามารถใช้งานผ่าน Command Prompt และ PowerShell ได้ทั้งสองแอปพลิเคชัน เลือกใช้งานตามความเหมาะสมกับโอกาส และการเข้าถึงแอปพลิเคชันการใช้งานได้เลย ซึ่งทั้งสองแอปพลิเคชันนี้ใช้คำสั่ง WinGet เหมือนกัน ไม่แบ่งแยกระหว่าง Command Prompt หรือ PowerShell ดังนั้น ทางเราจะขอยกตัวอย่างการใช้งานผ่าน PowerShell สามารถเรียก PowerShell ผ่านคีย์ลัด ปุ่ม Windows + X แล้วเลือกหัวข้อ PowerShell

ขั้นตอนการเข้าใช้งาน PowerShell และ Command Prompt

เมื่อเปิด PowerShell ขึ้นมาแล้ว หากไม่สามารถนึกคำสั่ง หรือ Syntax การใช้งานของ WinGet ก็ให้เรียกใช้คำสั่ง winget -help ขึ้นมา เพื่อดูคู่มือการใช้งาน WinGet โดยละเอียดได้จากตรงนี้

การใช้คำสั่ง winget -help

แล้วถ้าอยากรู้ว่า WinGet มีแอปพลิเคชันอะไรให้ติดตั้งได้บ้างหล่ะ

WinGet มีคลังแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานทั่วไปใช้งานบ่อย ซึ่งมีเยอะมาก แล้วถ้าหากอยากรู้ว่ามีแอปพลิเคชันอะไรบ้างก็สามารถใช้คำสั่งเพื่อแสดงรายชื่อแอปพลิเคชันทั้งหมดขึ้นมา ด้วยคำสั่ง winget show

ใช้คำสั่ง winget show เพื่อแสดงรายชื่อแอปทั้งหมด

winget show มันแสดงผลออกมาเยอะมากเกินไปหล่ะ ทำอย่างไรให้แสดงผลที่ต้องการ

หากการแสดงผลแบบออกมาทั้งหมดมันเยอะมากเกินไปจนรู้สึกว่ามันลายตา ผู้ใช้งานก็สามารถใช้คำสั่งค้นหาเป็นชื่อแอปพลิเคชัน หรือชื่อ Id (ชื่อบริษัท) เพื่อให้แสดงผลที่แคบลงมาได้ โดยในที่นี้จะแสดงตัวอย่างโดยใช้คำสั่งเพื่อแสดงผลแอปพลิเคชันที่ Adobe เป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน มีคำสั่งดังนี้ winget search adobe [ชื่อบริษัท,ชื่อแอปพลิเคชัน]

การใช้คำสั่ง winget search เพื่อแสดงรายชื่อแอปที่ต้องการค้นหา

ถ้าหากอยากตรวจสอบที่มาของแอปพลิเคชันอย่างละเอียด ก็สามารถทำได้เช่นกันนะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบลิงค์ที่ดาวน์โหลด ผู้ปล่อยไฟล์อัพโหลด เวอร์ชันของไฟล์ติดตั้ง และ SHA256 เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ ให้ใช้คำสั่ง winget show vlc [ชื่อแอปพลิเคชัน]

การตรวจสอบที่มาของไฟล์ติดตั้ง ด้วยคำสั่ง winget show [application_name]

การติดตั้งแอปพลิเคชันผ่าน WinGet

เมื่อมั่นใจกับการตรวจสอบ หรือการค้นหาแอปพลิเคชันที่ต้องการ แล้วพร้อมติดตั้งแอปพลิเคชันที่ต้องการแล้ว ให้ใช้คำสั่ง winget install vlc [ชื่อแอปพลิเคชันที่แสดงอยู่บน winget show ทั้งหมด] ในที่นี้ของแสดงตัวอย่างการติดตั้งแอปพลิเคชัน VLC

การติดตั้งแอปพลิเคชันด้วยคำสั่ง winget install

หากขึ้นข้อความ Successfully installed แล้วกลับมายัง Prompt ขั้นตอนการติดตั้งก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่จำเป็นไปต้องไปกด Next >> Next >> Finish ให้เหนื่อยเลย ประหยัดเวลาได้อย่างมากมาย หลังจากนี้ก็ตรวจสอบว่าทำการติดตั้งเรียบร้อยดีหรือไม ใช้งานได้ไหม โดยให้กดปุ่ม Windows แล้วพิมพ์ VLC เพื่อค้นหาแอปพลิเคชันที่เพิ่งติดตั้ง แล้วทดสอบการใช้งานกันตามสะดวกได้เลย

แอปพลิเคชันที่ได้จากการติดตั้งผ่าน winget

ตัวอย่างแอปพลิเคชันที่สามารถติดตั้งผ่าน WinGet ได้ แล้วเป็นแอปพลิเคชันที่นิยม เช่น Chrome, Mozilla Firefox, Zoom, VLC media player, Spotify, Visual Studio Code, Ruby, Power BI และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้น WinGet ก็ยังมีคำสั่งอื่นๆอีกเช่นกัน

  • Version แสดงเวอร์ชันของ WinGet ที่ใช้
  • Hash ระบบช่วยเหลือในการตรวจสอบความถูกต้องของที่มาแอปพลิเคชัน ว่าตรงกับ SHA256 ที่ให้มาหรือไม่
  • Source เพิ่ม อัพเดท หรือลบ แหล่งปล่อยแอปพลิเคชัน บางแอปพลิเคชันอาจจะไม่ได้แสดงผลอยู่บน winget show ตั้งแต่แรก แต่สามารถทำการ Add Source เพื่อเพิ่มแหล่งที่ปล่อยแอปพลิเคชัน เพื่อให้ได้แอปพลิเคชันที่ต้องการ
  • Info แสดงข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับข้อตกลงการใช้งาน หรือแสดงหน้าเว็บให้ข้อมูล WinGet
  • -? คำสั่งแสดงการใช้งาน Syntax ของคำสั่ง และแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมของคำสั่งที่ต้องการ เช่น winget hash -? เป็นต้น

ท้ายสุดนี้ WinGet จำเป็นต้องอัพเดท Windows 10 ให้เป็น Version 2004 หรือใหม่กว่าเท่านั้น ดังนั้นการใช้เวอร์ชันเก่าจะไม่สามารถใช้งาน WinGet ได้ และแอปพลิเคชันอาจจะไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด เช่น Adobe Photoshop, Microsoft Word เป็นต้น ซึ่ง WinGet จะเน้นไปที่แอปพลิเคชันที่ใช้งาน Free เป็นหลัก ดังนั้นควรตรวจสอบรายชื่อแอปพลิเคชันให้ดีก่อนใช้งาน

--

--