ความลับที่เราไม่รู้ เมื่อนำหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าระบบ

Published in

Measure Station

1 min readJun 14, 2021

ความลับที่เราไม่รู้ เมื่อนำหม้อแปลงไฟฟ้าเข้าระบบ

Sweep Frequency Response Analysis (เรียกโดยย่อว่า SFRA) เมื่อถูกนำมาใช้ในการทดสอบที่หม้อแปลงไฟฟ้า จะทำให้เรารู้ว่า หม้อแปลงไฟฟ้าแต่ละตัวจะมีกร๊าฟที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเองที่ความถี่ต่างๆกัน

ดังนั้น การใช้ SFRA จึงเป็นอีกหนึ่งวิธี ที่มีผู้คนนิยมนำมาใช้ในการวินิจฉัยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในหม้อแปลงไฟฟ้า โดยการติดตามการเปลี่ยนแปลง ผ่านการเปรียบเทียบ กร๊าฟ ความถี่ (frequency) ในรูปแบบก่อนและหลัง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหม้อแปลงไฟฟ้า

เช่น การติดตามว่าโครงขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้ามีการเปลี่ยนรูปร่างหรือไม่หลังจากที่เกิดการลัดวงจรขึ้นในหม้อแปลงไฟฟ้า หรือ ติดตามว่าโครงขดลวดหม้อแปลงไฟฟ้ามีการเปลี่ยนรูปร่างหรือไม่หลังจากการขนย้ายหม้อแปลงจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

นอกจากนี้ วิธีของ SFRA ยังสามารถนำมาใช้เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทางแม่เหล็กในแกนเหล็กหม้อแปลงไฟฟ้า เช่น ดูว่ามีสนามแม่เหล็กตกค้างภายในแกนเหล็กหลังจากเกิดฟอลทํในหม้อแปลงหรือหลังจากที่ทดสอบหาค่าความต้านทานของขดลวด ได้อีกด้วย

แน่นอน เนื่องจากผู้ทดสอบ SFRA จำเป็นต้องทำการดูการเปลี่ยนแปลงภายในหม้อแปลงไฟฟ้า ผ่านการเปรียบเทียบกร๊าฟ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ที่ผู้ทดสอบจะต้องระมัดระวังปัจจัยที่มีต่อผลของกร๊าฟที่จะถูกนำมาเปรียบเทียบ โดยปัจจัยดังกล่าวคือ

ผลกระทบจากสนามแม่เหล็กตกค้าง (Residual magnetism effect)

ตำแหน่งของแท็บ (Tap-changer position)

ผลกระทบจากสภาพของบุชชิ่ง (Bushings condition effect)

ทิศทางการวัด Measurement direction

ค่าแรงดันที่ใช้ในการทดสอบ (Test voltage value)

สภาพก่อต่อลงดินที่ไม่ดีและจุดต่อเพื่อทำการวัดไม่ได้คุณภาพ (Poor grounding and measurement lead connection)

ผลกระทบจากน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (Effect of the insulating oil)

ผลกระทบจากขดลวดตติยภูมิ (Effects of the tertiary winding)

ขอขอบคุณ

ภาพงานทดสอบ SFRA โดย Sweep Frequency Response Analyzer, FRA500 ของ DV-Power, Sweden

Factors that affect the repeatability of frequency response, DV-Power Sweden.

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ