(Internship) เส้นทางการฝึกงาน Graphic Designer ของผมที่ MFEC

Narongchai Ruamsuk
MFEC
Published in
3 min readFeb 7, 2024

--

สวัสดีครับ ผมชื่อเกื้อนะครับ เป็นนักศึกษาปริญญาตรีชั้นปีที่ 4 จาก มหาวิทยาลัยศรีปทุม คณะ Digital Media สาขา Graphic Design วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องประสบการณ์ฝึกงานที่บริษัท MFEC ในตำแหน่ง Graphic Designer เชิญอ่านกันได้เลยครับ

น้องแงวผมเอง ฮ่า ๆ

ก่อนฝึกงาน

ด้วยหลักสูตรของมหาลัยทำให้ผมต้องหาที่ฝึกสหกิจศึกษาเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่ง 4 เดือนก็ถือเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ดังนั้นการเลือกสถานที่ฝึกจึงต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควรเพราะผมมองว่ามันคือโอกาสในการพัฒนาตนเอง แต่ก็ยังลังเลว่าจะทำงานเกี่ยวกับพวกรูปภาพ โฆษณา Product ดีไหมเพราะเป็นแนวที่ถนัดหรือไปหาความท้าทายทำงานที่คิดว่ายากสำหรับผมเพื่อหาประสบการณ์และเพิ่มทักษะในการทำงานดีนะ ในเวลานั้นทาง MFEC ก็ได้โพสต์รับสมัครนักศึกษาฝึกงานพอดี เมื่อทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็รู้สึกสนใจขึ้นมาด้วยความที่พี่ชาย 2 คน ของผมก็ทำงานด้าน IT ด้วย ผมจึงอยากรู้ว่าระบบการทำงานด้านในบริษัทใหญ่แบบนี้เป็นยังไง อีกทั้งมองว่าน่าจะได้รับประสบการณ์ทำงานที่ผมต้องการ นั่นคือการทำงานประเภท Event และ สื่อสารภายในองค์กร ผมไม่ได้ถนัดหรือมีประสบการณ์ทำงานประเภทนี้เท่าไหร่จึงเลือกที่จะสมัครเพื่อเพิ่มทักษะและประสบการณ์ในด้านนี้ หลังจากนั้นผมก็ได้รับการติดต่อทำแบบทดสอบ สัมภาษณ์รับฝึกงาน และได้รับการต้อนรับเข้าสู่ทีม CCB

ยะ…ยังไม่ได้เซฟ……

ช่วงแรก

ผมเป็น Graphic ที่ถนัดการทำภาพใน Photoshop เป็นหลักซะมากกว่า (Illustrator ใช้ได้ในระดับ Basic ส่วนใหญ่ทำภาพ Vector มาใช้ต่อใน Photoshop ) การมาทำงานช่วงแรกจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับผมมาก ด้วยความที่ต้องทำงานประสานกับทีมด้วยการใช้ Illustrator ในการทำงานจนจบ บวกกับไม่ได้ถนัดด้าน Typography เท่าไหร่จึงมีปัญหาตั้งแต่การจัด Layout และความชำนาญในการใช้โปรแกรม ผมก็เลย ตู้ม หมดสภาพเลยครับ 5555 งานที่ทำค่อนข้างสะเปะสะปะ และขาดความละเอียดรอบคอบ จนต้องแก้งานยาว ๆ กว่าจะเสร็จงานนึงจึงค่อนข้างใช้เวลา แต่พี่ ๆ ก็คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำผมอยู่เสมอ (กราบพี่ตะวันพี่เพจมากครับ) จนงานเสร็จรุร่วงด้วยดี ช่วงแรกเลยต้องกลับบ้านช้าตลอด แต่ก็พยายามสู้ต่อไป เพราะมันคือสิ่งที่ผมเตรียมใจต้องมาเจออยู่แล้ว เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นไปอีก

ภาพรวมสมาชิกทีม CCB

เพื่อนร่วมงานที่แสนดี

ผมไม่ได้ฝึกงานคนเดียวซะหน่อย มีเพื่อนฝึกงานที่มาจากต่างมหาลัยทั้ง เดียร์ พี่แน็ค ดี คอปเตอร์ ซึ่งเพื่อน ๆ ทุกคนเก่งและเป็นกันเองมาก ๆ จึงทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในการทำงานจากการได้พูดคุยและทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะเดียร์ (เป็น Creative) ที่อยู่กันตั้งแต่ต้นยันจบ ในการทำงานทำงานหลายครั้งผมมักจะมีจุดผิดพลาดเล็กน้อยที่ต้องแก้ไข เดียร์ก็จะคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการปรับปรุงงานอยู่เสมอ (แถมบรีฟงานได้เก่งมาก ๆ ด้วย) อีกทั้งยังมีพี่แน็คที่เหมือนเป็นทั้งเพื่อนและอาจารย์คอยให้คำแนะนำและให้กำลังใจในการทำงานอยู่เสมอ (ไปตาม Youtube เขาได้นะ ชื่อ Nack Siwakorn) นอกจากนี้เพื่อน ๆ หรือพี่ ๆ คนอื่นในทีมก็เก่งกันมาก ๆ นับว่าโชคดีจริง ๆ ที่ผมได้เจอเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ

ด้านซ้ายคือพี่เพจ ส่วนในจอคือพี่ตะวันนั่นเอง

รุ่นพี่สุดเก่ง!

คนที่คอยดูแลผมหลัก ๆ จะมีอยู่สองคนนั่นคือ พี่ตะวัน (พี่เลี้ยง) และ พี่เพจ (รุ่นพี่ตำแหน่ง Graphic) พี่ทั้งสองคนดูแลและคอยให้คำแนะนำในการปรับปรุงงานอยู่เสมอ ซึ่งพี่ทั้งสองคนนี้เก่งแบบเก่งมาก มากกกกก ความเก่งนี้ก็ทำให้ผมรู้ถึงความต่างของระดับและอยากพัฒนาตัวเองขึ้นเพื่อไปในระดับเดียวกันให้ได้ ในช่วงที่ผมกำลังลำบาก พี่ทั้งสองก็ยังคอยช่วยเหลือผมอยู่ตลอด ต้องขอบคุณพี่ทั้งสองคนจริง ๆ ที่เป็นแรงผลักดันและแบบอย่างให้ผมอยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และขอบคุณที่ช่วยเหลือผมมาโดยตลอดนะครับ

โรงอาหารทานข้าวกลางวัน ไม่รีบครับ กินช้ารอได้

ผ่านช่วงปรับตัว

ผมใช้เวลาค่อนข้างมากในการปรับตัวให้เข้ากับการทำงาน ซึ่ง 2 เดือนแรกนับว่าค่อนข้างเหนื่อยสำหรับผม ด้วยเรื่องการ Manage เวลาในการทำงานได้ไม่ค่อยดี ความไม่คุ้นเคยในกระบวนการทำงานต่าง ๆ รวมถึงมุมมองในการทำงาน ที่ผมอาจคิดว่ามันดี มันโอเคแล้ว สุดท้ายโดนสั่งแก้ตลอด (ซึ่งที่เขาให้แก้มามันก็สวยกว่าเดิมจริง ๆ) แต่หลังจากผ่านไป 2 เดือนกว่า ๆ ผมก็รู้สึกคุ้นชินและปรับตัวเข้ากับการทำงานเป็นทีมได้ ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดมาจากสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพัฒนา ด้วยการ Assign งานที่หลากหลายและยากขึ้น เริ่มจากจับจุดให้ได้ว่าแต่ละงานนั้นมี Objective อะไร และทำแบบไหนถึงจะสื่อสาร Objective นั้นออกไปได้ กระบวนการทำงานที่ต้องคิดเยอะขึ้นก่อน ลงมือ ทำให้ผมรู้สึกพัฒนาขึ้นแบบจับต้องได้ชนิดที่ว่ากลับไปมองงานชิ้นแรก ๆ แล้วอยากหยิบงานเก่ากลับมาแก้เลย สิ่งสำคัญเลยคืออย่าท้อและมองทุกอย่างคือความท้าทาย ผมเลือกที่จะออกจาก Safe zone ในการทำงานประเภทเดิม ๆ มาลองทำประเภทงานที่ไม่ได้คุ้นเคยเพราะอยากเก่งขึ้น (อย่างที่บอกด้านบน ผมไม่ได้ถนัด Typography แต่ผมอยากเก่งด้านนี้ด้วยเลยสมัครมาฝึกงานที่นี่) และจากการเลือกนี้มันก็เห็นผลจริง ๆ ด้วยสกิลการทำงานที่มากขึ้นของผม ประสบการณ์ทำงานเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับผมในอนาคตอย่างแน่นอน

// หลัง ๆ ผมกลับบ้านตรงเวลาเสมอนะเออ 5555555 (ไม่มีใครอยากกลับบ้านดึกหรอกครับ แหม)

Community Session : Pink Team Pink Jai #2 เล่นเกมสนุกมากกกก

บทสรุป

เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับผมจริง ๆ กับการมาฝึกงานที่นี่ ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย สนุกบ้าง เครียดบ้าง ครบทุกอารมณ์ พูดในภาษาผมก็เหมือนเข้า Training room แล้วได้ Exp x3 คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน ออกมาคือกล้ามขึ้น แต่เส้นทางของผมยังอีกยาวไกล มีข้อเสียและข้อผิดพลาดอีกมากที่ผมยังต้องปรับปรุง ผมจะนำบทเรียนต่าง ๆ มาปรับใช้และก้าวต่อไปในทางของผม ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนในทีมที่คอยดูแลผมจนจบฝึกงาน และ ขอบคุณบริษัท MFEC Public Company Limited มาก ๆ ที่ให้โอกาสผมได้เข้ามาฝึกฝนวิชาที่นี่ สำหรับใครที่ลังเลว่าจะมาฝึกที่นี่ไหม ถ้าคุณเป็นคนที่กระตือรือร้นและพร้อมที่จะพัฒนาตนเองจริง ๆ ไม่ต้องลังเลครับ คุ้มค่าคุ้มเวลาแน่นอน

CCB Report Q3 เล่นกล้องทีวีกันสนุกเลย 5555

สุดท้าย ผมก็มีเป้าหมายของผมในการมาฝึกงาน ถ้าอยากมาฝึกงานแล้วได้อะไรกลับไป คุณก็ต้องมีเป้าหมายของคุณด้วยเช่นกัน

ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ สวัสดีครับ _/\_

--

--