พาสลอท มาเจอสลอท ที่งาน Agile Thailand 2018

Minseo Chayabanjonglerd
MikkiPastel
Published in
9 min readSep 2, 2018

สวัสดีค่ะทุกคน เราได้ไปงาน Agile Thailand มา ปีที่แล้วพลาดไปเพราะสมัครไม่ทัน
-*- ปีนี้ก็เลยรีบกดบัตรซะ แต่ยังกดไม่ได้ ต้องตอบคำถามก่อนนะ

พาเจน BNK48 ที่มีฉายาว่าสลอท มางาน Agile Thailand ที่มีสลอทเป็นโลโก้

และในปีนี้ก็ได้มางาน Agile Thailand แล้ว จัดวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2018 เวลา 8.30–17.30 น ที่ SCB Academy, Plaza East ชั้น 18, SCB Park Plaza เขาบอกว่าบัตรนั้นเซฟเก็บไว้แล้วเอาให้ยามดู จะได้ขึ้นตึกได้นะเออ และใกล้วันงานก็มีอีเมลล์รายละเอียดงานส่งมาให้ นึกว่าจะไปได้งานแบบสุ่มไลน์อัพซะแล้ว ฮ่าๆ

รูปจากอีเมลล์ เราก็หลงเฉย ฮือออ

มีกรุ๊ปไลน์ของคนที่ได้มางานในปีนี้ด้วย เลือกธีมว่าในงานจะเป็นธีมอะไรดี และรูปแบบงานนั้นจะเป็นการจับกลุ่มพูดคุยตามธีม ในรูปแบบ Lean Coffee หื้มม คืออะไรอ่ะ อ่านด้านล่างนี้เลยจ้า

ในกรุ๊ปไลน์ เราได้รายละเอียดข้าวปลาอาหาร และกำหนดการของงาน

การเดินทางยากเย็นไปนิด ต้องต่อ taxi รถเมล์ วินมอไซต์ และรถติด แล้วก็หลงตึกอีก หัวร้อนมาก จนมาถึงจุดลงทะเบียน เปิดไฟล์ตั๋วเพื่อลงทะเบียน ได้บัตรขึ้นตึก ขึ้นตึก คืนบัตรรับกระบอกนํ้า แล้วก็เข้างาน หาที่นั่ง ดีที่เขาถ่วงเวลากันไว้ก่อนนะ

เรื่องของเรื่องคือเนื้อหา ไม่ได้จดนั่นเอง ผ่ามมมม เปล่าๆอันนี้เกี่ยวกับงานในวันนี้คร่าวๆ

อันนี้เกี่ยวกับผังงานเนอะ แล้วก็ธีมต่างๆที่โหวตกันในไลน์ และเพิ่มเติมหัวข้อได้นะ

มาอธิบายการรันวงการในวันนี้กันสักนิด ยํ้าเตือน Lean Coffee กันอีกที

FA คืออะไรอ่ะ คือ facilitate เรียกสั้นๆว่าฟา เป็นคนที่ดำเนินรายการในแต่ละธีม เป็นคนประสานงาน สรุป อะไรงี้อ่ะ

เมื่อได้เวลาอันสมควร เป็น keynote จากเจ้าภาพ SCB คุณทอมมี่ค่ะ

แอร์ใจ —

วันนี้คุณทอมมี่ใส่เสื้อ Agile ที่ตัว A จะเป็นโลโก้ของธนาคาร และใส่เดินทั่วออฟฟิคเพื่อขาย Agile ซึ่งบางคนมองว่า อไจล์ = อาเจียน ซึ่งมันจริงหรือไม่

ในทีมเขา list อันนี้ไว้ 3 อย่างด้วยกัน จำหัวข้อมันไม่ได้แล้วววว น่าจะ Marketing Trend นะ

1) Instant gratification : บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ถูก disturb ด้วย Food Panda

2) Experiences ประสบการณ์ คนชอบซื้อประสบการณ์ในชีวิต วันๆส่อง IG เจอคนไปเที่ยว โชว์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ มีความ exaggeration แบบในรูปนี้

ถ้าจำไม่ผิดคือโปรเจกจบของน้องคนนึงนะ ซึ่งดังมากๆเลยตอนนั้น สะท้อนชีวิตไลฟ์สไตล์ที่โชว์ผ่านไอจี

3) Attention Deficit คนสมาธิสั้นมากขึ้น บางเพจก็ทำ content สั้นๆของรายการนั้นๆ เพราะคนไม่ชอบดูอะไรยาวๆ ขี้เกียจดูรายการเต็ม เช่น ของช่อง Workpoint

แล้วคนก็ชอบซื้อของผ่าน Facebook Live ด้วยนะ ชอบแบบ Interactive (ตัวอย่างคือเจ๊นํ้านั่นเอง ในความเห็นเรา น่าจะชัดเจนสุด)

อุ้ยยยย พิไทคนหล่อ เอ้ยยย เฌอปรางงง (รูปนี้ไม่ใช่ร่างหล่อนะ หวีดในใจไปก่อน) อันนี้เขาบอกว่า BNK48 ไม่ได้ขายอัมบั้มอย่างเดียว เน้นของแถมนั่นคือบัตรจับมือนั่นเอง ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนให้ทันลูกค้า

น้องๆมาไกลและแมสมากจนหลายๆงานพูดถึงเลยทีเดียว

Agile ไม่ได้บอกว่าทำงานเร็วขึ้น แต่เปลี่ยนแปลงไวขึ้น แต่อาจจะทำงานช้าลงก็ได้

ยุทธศาสตร์ของ SCB ตอนสิ้นเดือนแอปธนาคารพากันล่มกัน แต่ SCB ไม่ล่ม ตามสถิติคนจะกดเงินเยอะในวันศุกร์และปลายเดือน ที่ล่มกันนั้น เป็นวันศุกร์ปลายเดือนพอดี (งาน AI Day Bangkok มีพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน)

การเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์องค์กร มีเปลี่ยนแปลงตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ต้องเปลี่ยนด้วย และเปลี่ยนแปลงตลาด

ชอบสไลด์นี้มาก 55555 คนเราคงไม่อยากไหว้ server แบบนี้บ่อยๆนะ (บางที่พรมนํ้ามนต์ ทำบุญ server ก็มีนะเออ)

เปลี่ยนโดยปรับ Design Technology ทำให้เปลี่ยนไวที่สุด ศึกษาหลักการต่างๆ เช่น ที่ Netfilx เขาใช้, มี micro service ต่างๆ, เราแอบเห็น Firebase ด้วย, ทำ data lake มีข้อมูลในการพยากรณ์พฤติกรรมลูกค้าได้

บริษัท Startup ต้องทำ Agile โดยสปิริตอยู่แล้ว

ตามหลักของ Agile ไม่ให้ทำ Document เยอะแยะ แต่ธนาคารต้องมีเอกสารตาม policy ของแบงค์ชาติหน่ะสิ

Gen Y เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ technology มากที่สุด มี creative และอยากตัดสินใจทำอะไรเอง ดังนั้นองค์กรจะต้องปรับบางอย่างให้พอดีกับคนยุคนี้ในเรื่องของ Working Culture ทำให้ทีมเล็ก ให้คุยกันรู้เรื่อง ทีมมีประมาณ 8–10 คน

Water-Scrum-Fall คือ Waterfall ที่มีหัวใจเป็น Agile

Agile มีสิ่งใดบ้างหล่ะ มีการพูดคุยกันเพื่อวางแผนงานในทีม แล้วก็ User Story เนอะ

แล้วในหนึ่ง Sprint ต้องมีอะไรบ้างหล่ะ?

  • Sprint Planing วางแผนว่าเราจะทำอะไรกันบ้าง
  • Standup meeting ทำทุกวัน เพื่ออัพเดตงานว่าใครทำอะไรไปแล้วบ้าง
  • Journey Design
  • Paired Development คือการจับคู่กับ coding เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และทำงานได้ไวขึ้น อันที่ดีๆคือ พี่ๆ coding คู่กับน้องๆไปด้วย
  • User Testing เอาไป test กับลูกค้า ซึ่งของ SCB เอา paper prototype มาเทสกับลูกค้า
  • Test Automation การทำ automation นั้นเป็นหัวใจของ Agile แล้ว Developer ไม่ยอมทำ Unit Test กัน (จึกเลย ต้องทำกันจริงๆแหละ เป็นสิ่งที่ developer ต้องทำ) แล้วหา QA เก่งๆยากมาก (อันนี้จริง เพราะบางคนเป็น QA เพราะไม่ชอบเขียนโปรแกรม)
  • CI/CD อันนี้ฝั่งหลังบ้านเนอะ เขาจะเก็ทกันดี
  • Retrospective อันนี้เราชอบ จะมี Good, Bad, Thank แต่ของฟังใจมี Try ด้วย
  • Group Therapy เป็นการสุ่มหัวนั่งบ่นๆกัน เอ้ยยยย ระบายความในใจ อันนี้เราว่าน่าทำมากกกกก

ถ้าทีมนึงมี 200–300 คน ทำยังไง คุณทอมมี่บอกว่าก็อปแนว Spotify มา =_=

แล้วก็พูดถึงเรื่อง Architecture Solution ด้วย

มีช่วง Q & A จดเท่าที่เราอยากจด (เริ่มมีองค์บอสปู๊ปเข้ามาแล้ว ณ ช่วงนี้)

  • ใช้ Micro Segment ดูสไตล์ลูกค้า Customer Audience ละเอียด แต่ต้องเลือกเอาเนอะ เอามาทุกอันไม่ไหว ทาง marketing คูณเลขทำชิ้นงานกันตายเลย เขามีหลัก 555 มีนํ้าตาซ่อนอยู่ เอ้ยย 555 : 5 segments 5 contents 5 scenarios
  • ใช้ QA เยอะเพราะ Automate Testcase และ Developer ไม่ได้เขียน Unit Test (โดนไปอีกจึกนึง)

หลังจาก keynote แล้ว Agile เป็นสิ่งที่เราต้องทำไปอย่างพร้อมเพียงกันนะ

กฏกติกาในการโหวตธีม จะใช้ dot vote คือ เรามีสองแต้มในมือ เลือกคนละ 2 อัน หรือทุ่มโหวตอันเดียวก็ได้ และขอ Fa มาช่วยให้แต่ละธีมรันไปได้

หลังจาก keynote มาโหวตหัวข้อที่อยากคุยในงานกัน ซึ่งจากภาพน่าจะเดาได้น่ามีเรื่องอะไรบ้าง

ในงานมีคำถามที่ใช้เข้าร่วมงาน และคำตอบของผู้ร่วมงานด้วยหล่ะ แปะรอบงาน แต่ขี้เกียจหาของตัวเองหล่ะ

ระหว่างนั้นก็มีพักเบรกด้วย ชมวิวๆ แต่ได้รับไอร้อนมาบ้าง ฮ่าๆ

และผังในงานก็ตามนี้แหละ มี 8 ธีมตามภาพ

ซึ่งเราเลือกเข้าไปในหัวข้อ Enterprise Agile และหยิบ post-it พร้อมเขียนหัวข้อที่เราสนใจ อยากฟัง อยากแชร์ คนเยอะมว๊ากก

รูปจากในกรุ๊ปไลน์ Agile Thailand ขอบคุณคุณ Ray ค่ะ

สุดท้ายหัวข้อที่พูดคุยเป็นแนวแบบอยากเริ่มทำ Agile ต้องเริ่มยังไง มีตัวอย่างไหม โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ

สรุปการทำ Lean Coffee คือ ทุกคนเขียนเรื่องที่สนใจ อยากแชร์ อยากฟังลงใน post-it หลังจากนั้น FA ก็จะหยิบ post-it แต่ละแผ่นบนบอร์ด ให้เจ้าของอธิบายว่าคืออะไร อะไรที่คล้ายๆกับก็จะอยู่กลุ่มเดียวกัน แล้วก็โหวตกันแบบ dot vote เหมือนตอนเลือกธีม จากนั้นเรื่องที่ถูกโหวตมากที่สุดจะได้นำมาพูดก่อน แบ่ง kanban เป็น 3 ส่วน คือ เรื่องที่จะคุย เรื่องที่กำลังคุย และเรื่องที่คุยเสร็จแล้ว ได้คำตอบแล้ว แบบนี้

ในรอบเช้าที่จับใครความได้ มีดังนี้

รูปจากในกรุ๊ปไลน์ Agile Thailand ขอบคุณคุณ Thor Verapat ค่ะ
  • การเริ่มนำ Agile มาใช้ในองค์กรได้อย่างไร ค่อยๆเริ่มต้น เริ่มเล็กแต่เสียงดัง ทำให้ผู้บริหารเห็น ตอบให้ได้ก่อนว่า business ได้อะไร ทำแบบเล็กๆและคุ้มค่าให้เขาดู เพื่อจะได้ไปต่อได้
  • มีแรงเสียดทานระหว่างโครงสร้างองค์กรกับการเริ่มทำ Agile ให้ระดับผู้บริหารหรือหัวหน้าลองทำดู ระหว่างนั้นก็ศึกษาพฤติกรรมเขาได้ด้วย ว่าทำยังไงให้ได้ใจคน และละลายพฤติกรรมเขาด้วย
  • ต้องเข้าใจ value ของการนำ Agile ไปใช้ บางท่านกล่าวว่าเหมาะกับทีมที่มีความไม่แน่นอนและมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
  • มีคนลองเอาไปใช้กับโรงเรียน ให้เด็กส่งงานทุก 2 อาทิตย์เพื่อดูความก้าวหน้าและนำไปปรับเปลี่ยนงานได้ทัน ซึ่งดีกว่าทำวันสุดท้ายส่งเนอะ วิธีบอกก็คือ ถ้าให้ตรวจงานทุกสองอาทิตย์ แล้วถ้าโปรเจกไหนเป็นไปได้ทางธุรกิจ ก็สามารถปรับเปลี่ยนหรือให้คำแนะนำได้ เด็กก็จะตาลุกวาว
  • การเอา Agile ไปใช้ใน Lean ต้องทำตัว Lean ด้วย
  • มี data เพียงพอต่อการนำไปขายเขา และสื่อสารรู้เรื่อง

จากนั้นทานข้าวเที่ยงกัน

เคยทานของร้านนี้ตอน Code Mania 111 แหละ แนะนำร้านนี้เลยยยยย ดีงาม

และแว่บไปดูธีมอื่นๆว่าเขาคุยอะไรกัน

แล้วไปเจอธีม Scrum กำลังสนุกและใกล้จบด้วย

  • ถามตัวเองให้ได้ก่อนว่า ต้องการอะไร

แล้วมีคนเขียนบล็อกของธีมนี้มาด้วยแหละ เย้ เพราะเนื้อหาค่อนข้างต่อเนื่องมากเลยทีเดียว สัมผัมได้ว่า คุณเข้าธีมนี้แล้วออกไม่ได้ เดี๋ยวคุณรับความรู้ไม่ครบถ้วน

ส่วนอันนี้ห้อง DevOps จ้า น่าจะเก็บเสียงสุดหล่ะ ห้องกระจกห้องเดียว

มุมนี้น่านั่งแหะ

จากนั้นลองเปลี่ยนธีมหล่ะ เป็น Lean Startup จากทีมงาน Lean Startup Thailand นั่นเอง รู้สึกโชคดีมากจริงๆ คนไม่ค่อยเยอะแต่ก็ฟังได้เรื่อยๆ มาเปิดโลก มาแบบสนใจเรื่องนี้แต่อ่านหนังสือไม่เคยจบ

คุณนิคที่ให้นามบัตรเรามาบอกรู้จักกับพี่ท้อปด้วย พี่ท้อปเคยมาเรียน แล้วคุณนิคก็เจอพี่ท้อปตอนช่วงแรกๆของฟังใจนี่แหละ มาช่วยดูแลด้วย แล้วมีคนถามว่าเพลงในนั้นฟังยากไหม ถถถถถถ เพลงติดชาร์ทตอนนี้เป็นใคร ใช่ Jelly Rocket ไหม เราเลยบอกไปว่า ช่วงนี้เจลลี่ยังไม่มีเพลงใหม่ออกเลย (จริงๆมีเพลงที่ปั้นนักร้องนำรันวงการนะ เพิ่งนึกออก ยังไม่ได้ฟังเลย) มีของ Polycat กับณีอร (Eletric.neon.lamp วงอะไรชื่อเท่มากกกกก ฮ่าๆ)

เอ้าาาาา เราได้ความรู้อะไรมาบ้าง จากธีม Lean Startup อันนี้แน่นพอสมควร

  • ถามว่า Lean Startup ใช้กับ SME ได้ไหม ใช้ได้นะ เช่น เคสของร้านเบอร์เกอร์ My Burger Lab ที่มาเลเซีย ร้านมีแค่โต๊ะยาวๆสามตัววางแถวแนวดิ่ง มีจุดขายที่กวนบาทา คือ บอกว่า fat 99% คาร์โบไฮเดรตก็พอควร โปรตีนหรอ เออน้อยนิด มีกล่องสี่เหลี่ยมที่บิดได้ (อันนี้ยังไม่เห็นภาพเท่าไหร่ ว่าบิดแล้วเป็นยังไง ฮ่าๆ) และเป็นเจ้าแรกของมาเลย์ที่ขายเบอร์เกอร์ชาโคลด้วย เขาก็ใช้ Lean มาลองทำหลายสิ่งอย่าง เช่น ทำเบอร์เกอร์มาเมนูนึงแล้วเอาไปขายเพื่อน แล้วให้เพื่อนวางเงินตามใจชอบ ซึ่งมากกว่าที่เขาตั้งราคาขายไว้เสียอีก, มีให้จ่ายเงินเบอร์เกอร์เท่าไหร่ก็ได้ แต่มีเลข 1 นำหน้า ซึ่งเขาจ่าย 17 19 ริงกิตนะ เป็นส่วนมาก (พี่ไทยจะจ่าย 1 เลยหรือเปล่านะ), จัดโปร 1 แถม 1 แต่มีข้อแม้ว่าอันที่แถมเอาไปให้เพื่อนกินนะ, แล้วมีการเช่าตึกร้านขายข้าวมันไก่ ถ้าจำไม่ผิดนะ บอกเขาว่าเช่าแค่สี่ทุ่มถึงแปดโมงนะ แล้วไอทำความสะอาดให้ ยูไม่ต้องห่วงนะ เขาเสียแค่ค่าทำความสะอาดเท่านั้นเอง (เท่าที่ส่องเว็บร้านนี้กิจการใหญ่โตดีนะ ไม่แน่ใจว่าเป็นร้านห้ามพลาดไหม)
  • บาง SME เรียกตัวเองว่า Startup เพื่อดึงดูดคนให้คนเข้ามาทำงาน ดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนด้วย และจริงๆก็ใช้ Lean ได้ด้วยนะ
  • Customer validation เป็นการนำ product ให้ target group ลองใช้แล้วเราได้ feedback กลับมา
  • เรื่องราวบอร์ดเกมส์ของ Lean Startup Thailand มีครั้งนึงทำทั้งแบบพูดสไลด์และบอร์ดเกมส์ ปรากฏว่าคนไปบอร์ดเกมส์กันหมด เลยเน้นไปทางบอร์ดเกมส์ที่เสริมสร้างความรู้ Lean Startup เพราะคนสนุกด้วยได้ความรู้ไปด้วย การทำสไลด์เหนื่อยและใช้พลังมากกว่าทำบอร์ดเกมส์ สิ่งที่ได้กลับไปเป็นเนื้อหาแกนเดียวกัน
  • HR in startup/Corp : เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองกันหลากหลายประเด็น เกี่ยวกับการรับเด็กเข้าทำงาน เช่น รับเด็กที่ผ่าน camp/startup เพราะคุยกันรู้เรื่อง ทำงานได้เลย เข้ากับ culture บริษัทได้ เคยลองรับเด็กธรรมดาแล้วไม่ match กัน, มีบางส่วนบอกว่าควรสอนงานเด็กธรรมดา และดูว่าเขามีพัฒนาการมากน้อยแค่ไหน (Trello, JIRA บางคนรู้จักตอนทำงานเลย อย่างเราเป็นต้น ฮ่าๆ /กลายเป็นคำถามในใจของเราเกี่ยวกับหลักสูตรปริญญาตรีแล้วแหละว่า จะให้เด็กไปเจอโดยไม่สอนตอนฝึกงานหรือทำงานจริง ให้ขวนขวายเอาเอง หรือเพิ่มไปในเนื้อหาด้วย) ดังนั้นเลือกคนที่สอนได้และเคมีเข้ากัน อาจจะให้น้องลองเข้ามาทำงานแบบไม่จ่ายเงินเดือน ดูว่าชอบไหม (เราว่าก็ดีนะรู้กันไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาทั้งสองฝ่าย) แต่งานของบริษัท startup track เยอะ คนนึงทำหลายอย่าง (ซึ่งทีมเราก็เป็นนะ เป็นทั้ง Marketing, Data Analysic บลาๆ แต่จะเก่งไวขึ้นมากๆ ทำได้หมด เพราะคุณต้องทำ)
  • Lean Startup != Lean Management
  • Lean Startup is similar with Agile
  • หลายๆที่ใช้ Kanban board ซึ่งสิ่งนี้หลักๆเราอาจจะใน Trello, Anasa บลาๆที่มี backlog, to do, done อะไรงี้ ซึ่งปัญหาของ backlog คือ list ไว้เพียบ แต่ทำได้และทำทันใน sprint ไม่กี่อย่าง เช่นสั่ง 10 ทำได้ 3 ทางแก้อาจจะทำตาราง 4 ช่อง แบบนี้
หวังว่าจะอ่านออกกัน ฮ่าๆ มี สำคัญ-เร่งด่วน และ สำคัญ-sure ถ้าสำคัญและ sure จะใช้ Lean และสามารถโยกไป สำคัญและไม่ sure ก็ใช้ Agile ไป หรือ sureและไม่สำคัญ
  • ฝั่ง business เลือกไอเดียมาทำ assume test แล้วให้ dev มาทำต่อ
  • Scenario metric เช่น งาน Agile Thailand ต้องมี speaker, คนเข้างาน, sponsor, สถานที่ แล้วก็เหตุการณ์ต่างๆ เช่น งานคนแน่นมาก งานไม่มีคนมาเลย งานมีคนมาน้อย เพราะสาเหตุอันใด เช่น ฝนตก รถติด และที่สำคัญ คือ สิ่งที่เรารู้ คือ สิ่งที่เราไม่รู้ แล้วเอาไป test (ข้อคิดจากคุณปอมค่ะ เป็น information ในเรื่องนี้)
  • Mindset = lean Startup + Agile + design thinking
  • บางโปรเจกทำกันให้เสร็จแล้ว launch ออกมา แต่ก็ไม่ดีเนอะ ไม่ได้เทสก่อน บัคจะเบ่งบาน ก็ต้องแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ที่สามารถหยิบมา test ได้ และนำ customer insights ที่ได้กลับมาทำต่อ
  • หนังสือน่าอ่าน The Startup way
  • Entitlement funding แบ่งงานให้คนอื่นเอาไปทำ ก็คือไปสั่งงานเขา ถามว่าทำได้ไหม แบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ ว่าคนรับงานอยากทำไหม
    ส่วน Meteded funding เล่าง่ายๆ สมมุติเราอยากได้ไอเดียเกี่ยวกับ product ใหม่ ทุ่มเงินจากระดับ C-level ในบริษัทใหญ่มาเป็นเงิน 7 หลัก แล้วให้ทุกคนส่งไอเดียมา พบว่าคนส่งน้อยนิดเหมือนแทบไม่มีคนส่งเลย มันไม่ work เพราะคนไม่กล้าส่ง แล้วเงินเยอะขนาดนี้แน่นอนเป็นเงินในโปรเจก ดังนั้นอาจจะเริ่มกั้นประตู หาไอเดียจากระดับเล็กๆ อันที่ผ่านเอามาพัฒนาต่อ ไปเรื่อยๆจนได้ไอเดียสุดท้ายที่ดีที่สุด
หวังว่าอ่านที่เราจดออกนะ ฮืออออออ สมมุติเริ่มที่แฮกกาธอนในบริษัท ได้ทีมที่ชนะ ก็ใช้ของทีมที่ชนะมาพัฒนาต่อ และอาจจะแข่งต่อ จนได้ไอเดียที่ดีที่สุดออกมา โดยเจ้าเส้นดิ่ง คือ ประตูต่างๆของแต่ละ level ซึ่งจะมี reward ในแต่ละ level และจำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามขั้นจ้า

ตัวอย่าง บริษัท GE หรือ Genral Electric ไอเดียของโปรเจกเกิดจากคนข้างล่าง

  • Change Management เหมือนเป็นการจัดการการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในองค์กร กลายเป็นว่าคนอื่นๆมองว่าไปเพิ่มงานให้เขาอีก แล้วไม่ยอมทำ ดังนั้นควรให้ reward เขา และเราเองควรจะ change culture อย่างไร
  • มีเรื่องการศึกษานิดหน่อย แต่ขอไม่เขียนในบล็อกนะ ถ้าคนที่อยู่ในธีมนี้ช่วงบ่ายจะรู้ อิอิ
  • อะไรคือความเข้าใจผิดของ method ใน Lean
  1. pivot vs เลิก : ถ้าไม่มี passion ไม่มีทางไปเสมอ แบบโบ้ยโน้นนี่แต่จริงๆอาจจะขี้เกียจทำอะไรงี้
  2. วนในอ่าง : ทำตามกฏหรือคนอื่นมากเกินไป
  3. ไม่ต้อง test ก็ได้ : test เถอะ เราต้องทำให้คนอื่นรู้เรื่องให้ได้ และได้ feedback กลับมา
  • MVP หรือ minimal value product มี 3 ระดับ คือ supersmall, superbig (คิดว่าปลายทางคืออะไร) และ optimite เราลิสต์สิ่งต่างๆเหล่านี้ เอาไปใส่ใน backlog ซึ่งควรใช้ speed มากสุดและ cost น้อยสุด
    เช่น เกี่ยวกับเช่าที่จอดรถ ก็ต้องหาสถานที่ที่เจ้าของอยากให้เช่า ความต้องการจอดรถมีเท่าไหร่ สถานที่เป้าหมาย คิดชั่วโมงละเท่าไหร่ ซึ่งจะมีอันที่รู้ก็ติ๊กถูก อันที่ไม่รู้ก็ใส่เครื่องหมายคำถาม แล้วลองหาดู ในกระดานเขาจะแบ่ง MVP1, 2, 3 ซึ่งก็เป็น 3 อันที่กล่าวไปเบื้องต้น แบบง่ายๆคือให้คนไปยืนดู อาจจะนับคนเข้าออกอะไรงี้ ไม่ก็ถามยาม ขยับ level โดยการตั้งป้ายบอกว่ามีที่จอดรถที่นี่นะ และ level สุดท้ายคือทำ Ads บน Google Ads Network ยิงเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย และทำ landing page รองรับเพื่อวัดผล ซึ่งอันนี้เขาเล่าประสบการณ์เรื่องคอร์สสอน มีแค่หน้า landing page บอกรายละเอียดแล้วมีคนทิ้งเบอร์โทรมา 2 คน แล้วโทรไปคุยกับเขา อะไรงี้ ได้ insight มา (คหสต แน่นอนเป็นวิธีที่วัดผลได้นะ แถมมีสถิติให้เราด้วยแหละ)

ใครสนใจเรื่อง Lean Startup สามารถอ่านหนังสือ The Lean Startup ได้ ซึ่งเราซื้อมาแต่อ่านไม่จบ แหะๆ มาลองอ่านในบล็อกนี้กันได้จ้า

มาฝั่งของที่ระลึกกันบ้าง มีกระเป๋าผ้า เสื้อยืดและกระบอกนํ้าจาก SCB จ้า ช่วยลดโลกร้อนด้วย

บทสรุปของงานนี้และ feedback คร่าวๆ

  • สถานที่จัดงานเดินทางยากมากกกกก ต้องต่อด้วยขนส่งมวลชนอื่นๆหลังจากรถไฟฟ้า คนไม่เคยมาก็มีหลงๆบ้าง อยากให้จัดที่เดินทางสะดวกกว่านี้นิดนึง แต่ในเรื่องพื้นที่ค่อนข้างโอเคนะ (อันนี้เสริม คนขับรถมาเองเขาจะงงๆว่าจอดไหนดี ขลุกขลักเล็กน้อย)
  • บางครั้งรู้สึกไหลเกินไปในเรื่องของ session โอเคคราวนี้ใช้ lean coffee เป็น concept ที่ดีเลยแหละ แต่ความสนใจเรากับหลายๆคนในธีมอาจจะไม่ match กัน ทำให้อาจจะต้องสับเปลี่ยนเพื่อความ match และค่อนข้างเดาทางยากด้วยว่าแบบเรานั้นควรจะไปธีมไหนที่ match กันพอดี
  • บางครั้งรู้สึกไหลเกินไปในเรื่องของเวลา แล้วด้วยความที่ต่างคนต่างดำเนินการ lean coffee ทำให้เวลาไม่ match กัน กินข้าวเที่ยงไม่พร้อมกัน แต่เพราะกินข้าวเที่ยงทำให้สามารถปรับเปลี่ยนบอร์ดที่เข้าร่วมตามความสนใจได้นั่นแหละ แต่ผลคือบางธีมคนน้อยตามไปเลยนะ เพราะคงช้อปปิ้งดูแต่ละธีมเหมือนเรา
  • ด้วยความที่คนหลากหลายเว่อร์ มีทั้ง developer QA business ทั้งไลฟ์สไตล์ อายุ เลยค่อนข้างแรนด้อมพอสมควรเลยแหละ
  • เอาจริงๆคำถามสองคำถามนั้น เน้นคำตอบ มากกว่ากรุ๊ปคนนะ น่าจะเป็นคำถามที่ครอบคลุมในการจัดงานประมาณว่าคนกลุ่มนี้น่าจะต้องการอะไร สายงานไหน สนใจอะไร อะไรงี้ค่ะ
  • เข้าถูกธีม ชีวิตจะดี เพราะตอนแรกเราไม่สามารถเดินช้อปปิ้งดูได้ว่าบอร์ดนี้คุยเรื่องอะไรกัน แล้วจะ match กับเราไหม
  • FA แต่ละธีมเก่งๆกันทุกคนเลยค่าาาา ได้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
  • และจากการสังเกต คนมาถ่ายรูปกับพี่รูฟเยอะมาก เพราะเขาเป็นทวยเทพสายนี้นะ ก่อนช่วง Lean Coffee เราสังเกตุว่าประมาณทุกๆ 5 นาทีมีคนถ่ายรูปกับพี่รูฟ 1 คน
  • บางโซนแบบเสียงรอบข้างรบกวนง่ายมาก คือ ต้องพูดให้ได้ยินชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเอื้ออำนวยอ่ะ ฮือออออออออออ
  • ข้าวเที่ยงร้านนี้ดีค่ะ ฮ่าๆ
  • แต่ด้วยความที่ช่วงบ่ายนั้น คนเริ่มน้อยลงในแต่ละบอร์ด ทำให้ช่วงจะบ่ายสาม คนกลับกันเยอะเลย เพราะแต่ละธีมก็จะจบใกล้ไกัน เย้ ได้เดินเที่ยวหล่ะ เดี๊ยววว

เนื่องจากที่เรากลับก่อนนั้น เขามี close-up ก่อนกลับด้วย เราไม่ได้อยู่จนจบ ส่วน feedback ต่างๆ ไปบอกในโพส Facebook นี้ได้นะ

อันนี้บล็อกของสาวๆ เอ้ยย ท่านอื่นๆในงานจ้า มีอันนึงแปะไว้ข้างบนที่เป็น Scrum จะได้ continue กันเนอะ

ถ้ามีโอกาสก็อาจจะเจอกันคราวหน้านะ :) ขอบคุณสำหรับทุกๆท่านที่จัดงานนี้ สปอนเซอร์ FA ทุกท่าน และผู้ร่วมงานที่มาร่วม sharing กันเนอะ ส่วนเรารับหน้าที่เป็นผู้ฟังเป็นส่วนใหญ่ แหะๆ

ปล. วันนี้ในทีมไปเที่ยวหัวหินกันเกือบหมดเลย 555

#พื้นที่โฆษณา

จะจบแบบนี้เลยหรอ ไม่หรอก ขายของสักนิด ถ้าอยากหาเพลงฟัง มาฟังใจสิ เพลงไม่ได้ฟังยากอย่างที่คิดนะ ถ้าชอบ Polycat, The Toy, Jelly Rocket เราว่าก็ไม่ได้มีเพลงที่ฟังยากขนาดนั้นอ่ะ ถ้าชอบดูคอนเสิร์ตตอนนี้มีเห็ดสด 6 นะ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายอ่ะ ไปซื้อบัตรกันได้ แล้วก็มีมหรสพด้วย

เนื่องจากนโยบายฟังใจไม่ให้ลงเพลง cover ต่างๆที่ต้นฉบับไม่อนุญาติ (เพราะเหมือนเคลมว่าเป็นเพลงตัวเองซะอย่างงั้นอ่ะ) เรามีแอป cover เพลงโดยเฉพาะ นามว่า Song Shakes นั่นเองงง มา join contest กันได้นะ

แน่นอนสุดท้ายก็ฝากเพจ ฝากบล็อก กด follow กันในเพจและ medium ได้นะ เขียนไว้หลายๆ publishion เลย

--

--

Minseo Chayabanjonglerd
MikkiPastel

Android Developer | Content Creator AKA. MikkiPastel | Web2 & Web3 Contributor