บันทึก IWD 2024 เวียงจันทน์ ลาวครั้งแรกที่เกือบหลับแต่กลับมาได้

Burasakorn Sabyeying
Mils’ Blog
Published in
5 min readApr 7, 2024

เป็นที่รู้กันว่า Google Developer Experts (GDE) จะมีโอกาสไปพูดในงาน conference ต่างประเทศทั่ว SEA

เรามักเห็นพี่ๆ GDE ไม่ว่าพี่ฝน GDE Cloud, พี่เดียร์ GDE Cloud, พี่ตั้ง GDE Web, พี่แบงค์ GDE Flutter, พี่ตี๋ GDE Firebase และอีกหลายๆคนก็เคยเป็น speaker ตามงาน IWD, DevFest หรือ I/O Extended

งานที่กล่าวไป คืองานอัพเดทเทคโนโลยีและแชร์ความรู้เกี่ยวกับ Google Technologies โดยแต่ละงานก็จะจัดในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในช่วงปี เช่น IWD เดือน 3–4, I/O Extended เดือน 5–6, DevFest เดือน 8–12

แน่นอนว่างานเหล่านี้ก็จัดในหลายๆประเทศ ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ แต่มีทั้ง Vietnam, Philippines, Malaysia, Indonesia และอื่นๆ

แต่ที่เห็นบ่อยสุดสำหรับเราคนไทยกันเอง น่าจะเป็นเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยปีที่แล้วเราเห็นพี่เดียร์, พี่ตั้ง, พี่แบงค์ และพี่ตี๋ก็เข้าร่วมงาน DevFest Vientiane 2023 เช่นกัน

พี่ๆ GDE ทุกคนที่เคยมาพูดที่เวียงจันทน์

สำหรับ GDE มือใหม่อย่างเราเอง ก็อยากทดลองชาเลนจ์สนามต่างประเทศสักครั้ง แบบค่อยเป็นค่อยไป

สนามเวียงจันทน์จึงเป็น milestone แรกในใจทันที เนื่องจากคนลาวสามารถฟังภาษาไทยได้พอสมควร อีกทั้งวัฒนธรรมและภาษาใกล้เคียงกันมาก จึงไม่ได้ใช้เวลามากในการเตรียมตัวและลดความกังวลไปได้อย่างดี

ดังนั้นทันทีที่กะเจี๊ยบ ตัวแทนจาก GDG Vientiane ติดต่อเรามาว่าสนใจมาเป็น speaker งาน International Women’s Day ที่เวียงจันทน์ไหม เราจึงไม่ลังเลที่จะตอบตกลง

กะเจี๊ยบ WTM Ambassador Vientiane & GDG Vientiane

จากนั้นกะเจี๊ยบจึงจัดแจงตั๋วเครื่องบินและที่พักให้ทันที !

เป็นครั้งแรกของเราในการไปเยือนลาว

โดยงานจัดวันที่ 30 เมษายน เป็นวันเสาร์ เราเลยตัดสินใจอยู่ต่อวันอาทิตย์และเดินทางกลับในวันจันทร์

และหัวข้อที่เราเลือกก็คือ “My Journey of becoming a Google Developer Expert (GDE) for Cloud” เป็นหัวข้อแนว soft skill + inspiration ที่คิดว่าน่าจะเหมาะกับ general audience หลายๆสาย (เพราะปกติพูดแต่ฝั่ง data แหะๆ)

ตอนแรกก็กะว่าจะพูดแปบเดียวประมาณ 20 นาที แต่พอทำ slide ไปๆมาๆ กลายเป็นจำนวน slide ปาไป 50 หน้าแล้ว แถมอธิบายทุกหน้า55555 กะเจี๊ยบเลยเพิ่มเวลาให้เป็น 50 นาที เต็มที่เลยมิว 555555

รูปโปรโมตกับตารางงาน

ตอนทำ slide เราถึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมพี่ทอย DataRockie ถึงจำสไลด์ 200 หน้าและเล่าแบบธรรมชาติได้ อ๋อ มันอยู่ในสายเลือดนี่เอง 🤣

วันที่ 1 — วันงาน

ไฟล์ทของกรุงเทพ-เวียงจันทน์มีไม่เยอะ เราเลือกมาแต่เช้าคือต้องตื่นตี 3 ไปสนามบินดอนเมือง และถึงเวียงจันทน์ประมาณ 07:35 เช้า บินแค่ 1 ชม.นิดๆเองก็ถึงแล้ว ไวมาก

วาร์ปมาตอนใกล้ๆเวลางาน กะเจี๊ยบก็ขับรถมารับไปกินข้าวและพาไป HOD Media สถานที่จัดงาน (organizer ดูแลดีมากกก)

HOD Media นั้นแต่เดิมเป็น office เก่าของบริษัท LaoITDev บริษัท software solution ที่เก่าแก่เจ้าหนึ่งในลาว

บรรยากาศในงาน

หรือดูจาก Instagram ได้นะ

บรรยากาศงานเป็นกันเองและสบายๆเพราะ speaker กับ audience ค่อนข้างตอบรับกันดี เช่น ผู้พูดพูดไปแล้วก็มีคนฟังพยักหน้า, หัวเราะ, ปรบมือ หรือแซวกันตลอด แม้แต่เราเองที่เป็น speaker พูดไทย (โล่งใจไปหนึ่ง)

เป็นเพราะส่วนหนึ่งคนที่มาร่วมงานคือเพื่อนๆของ speaker เอง แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีคนหน้าใหม่เข้ามางานเช่นกัน เราว่าคนลาวเองค่อนข้างชิลๆเหมือนคนไทย

หัวข้อที่หลากหลาย

นอกจากหัวข้อของเรา ที่เหลือจะเป็นหัวข้อของคนท้องถิ่นทั้งหมด

  • Introduction to System Analysis
  • How I became a Data Scientist
  • How to shift from Non-tech to Tech
  • How the STEM Community Could Impact Future Generations

จาก session เหล่านี้ เราได้เรียนรู้และเข้าใจ community ของลาวมากขึ้น ได้รู้จักความเหมือนและความต่างกันในสังคม dev ของไทยและลาว

HOW I BECAME A DATA SCIENTIST

อาทิเช่น Data Scientist ในลาวมีไม่เยอะมาก และ resource ของการเรียนฝั่งนี้ก็มีเรียนจากคอร์สฝั่งไทยด้วย เช่น Skooldio, DataTH, DataRockie และติดตามข่าวสารจากเพจ data ต่างๆในไทย

HOW TO SHIFT FROM NON-TECH TO TECH

ได้ฟังเรื่องราวของคนที่ทำงานหลากหลาย role ตั้งแต่ Analyst, Marketing Manager, Secretary จนเป็น Co-founder โดยเปลี่ยนตัวจากฝั่ง non-tech มาเป็นคนสาย tech ได้

Nungning ก็แชร์ประสบการณ์ของตัวเองที่เผชิญและฝ่าฟันมา และทริคต่างๆ สิ่งหนึ่งที่เราจับใจความได้คือต้อง curious และกล้าถาม ถ้าไม่รู้คำนี้เราก็ถามว่ามันคืออะไร (มีมากกว่านี้แหล่ะแต่เสียดายไม่ได้จด)

มีการพูดคุยเรื่องของความสำเร็จของผู้หญิงในตำแหน่งระดับสูงที่ % น้อย และพูดคุยถึงมุมมองว่าทุกคนสามารถช่วยให้เรามีสัดส่วนผู้หญิง involved ขึ้นได้อย่างไร

HOW THE STEM COMMUNITY COULD IMPACT FUTURE GENERATIONS

เป็นอีก session ที่เรารู้สึกได้ฟังมุมมองของน้องๆ ทั้งเรื่องความลำบากการ fit-in ที่เด็กๆมหาลัยต้องเจอทั้งสังคมและการเรียนฝั่ง tech, มุมมองการเลือกเรียน STEM กับสายอื่น, pain ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่เห็นอนาคตตัวเองเพราะไม่มี role model ที่คล้ายตัวเอง

คล้ายกับสิ่งที่เราเขียนในบทความ ‘6 อุปสรรคที่เด็กผู้หญิงในยุโรปไม่เลือกเรียนต่อ COMPUTER SCIENCE’ เราได้รับรู้ว่า pain เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกประเทศเจอทั้งที่ลาว ไทย หรือยุโรปก็ตาม

ตอนท้ายๆน้องปุ้ยเล่าถึง Champa Maker Club เป็นคลับที่รวมกลุ่มคนรุ่นใหม่สนใจด้าน tech และเป็นตัวแทนชาติลาวในการแข่งขัน robotic competitor ระดับประเทศมาแล้ว ซึ่งน้องๆก็ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรุ่นสู่รุ่น

เป็นหัวข้อที่ inspire มากๆ ถ้าเทียบกับหัวข้อทั้งหมดที่เคยฟังมาในงาน IWD ปีนี้ หัวข้อนี้นับว่าตรงตีม Impact The Future ที่สุดแล้ว และถูกเล่าโดยคนรุ่นใหม่ ไฟแรง 😄

เสียดายที่เราไม่ได้อยู่หน้าคอมเพื่อจดเนื้อหา เพราะวิ่งไปวิ่งมาในงาน (ไม่มีใครขอให้ทำอ่ะนะแต่อยากทำเอง55555 เลือด organizer มันพลุ่งพล่าน)

และเสียดายที่ติดเรื่องกำแพงภาษา เราเข้าใจประมาณ 70–80% ของเนื้อหา มีส่วนที่ไม่เข้าใจเพราะติดบางคำศัพท์บ้าง

ถึงจะไม่เข้าใจเต็มร้อย แต่รับประกันเลยว่าเนื้อหาดีสุดๆ 👍🏻

วันที่ 2 — วังเวียง

ต้องชื่นชมเลยว่าเจ้าบ้านดูแลเทคแคร์ดีมากๆ รับปากว่าจะพามาพักผ่อน

ทีมงาน GDG Vientiane — กะเจี๊ยบและแฟรงค์ — พาไปทัวร์ถึงวังเวียงเลย

ขับรถจากเวียงจันทน์ด้วยทางด่วนแค่ 50 นาทีก็ถึงวังเวียงแล้ว

วังเวียงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามมาก ทิวทัศน์ห้อมล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำซอง มีบ่อน้ำสีฟ้าจากธรรมชาติ Blue Lagoon

แถมกิจกรรมให้ทำยังเยอะมากด้วย เจ้าบ้านเขาถามว่า “อยาก adventure ไหม” เราก็ตอบว่า “ได้!”

เติมพลังที่คาเฟ่ Pullmind

พูมายเป็นร้านอาหารที่เห็นวิวสวยมาก เมนูที่คนวังเวียงนิยมคือแซนวิชหน้าต่างๆ เราสั่งเป็นแซนวิชเบคอนและไข่กะทะ ได้มาเป็นแซนวิชเบคอนโปะไข่เจียว55555

กิจกรรมแรกเลยเป็น Zipline

Zipline คือการโหนสลิงที่ไต่ตามเขา แล้วจะเห็นวิวภูเขาที่สวยงาม อุดมสมบูรณ์มากๆ

แต่ปัญหาคือเราเนี้ยต้องเดินขึ้นเขาเองนะ 15 นาที

ไอตอนขึ้นเขานี่แหล่ะที่ยากสุด และมันชันมากๆ เราหอบหนักมาก รู้เลยว่าไม่ออกกำลังกายมานาน 55555 เหนื่อยแบบสุดๆ

แล้วพอขึ้นมาจนสุดแล้ว เราก็ต้องโหนสลิงลงจากบนเขา ซึ่งมันสูงมาก ! ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะสูงขนาดนี้
เราเป็นคนกลัวความสูง แต่ตอนนั้นจะหันหลังกลับก็ไม่ได้แล้วเพราะทางขึ้นโคตรชัน จะเดินลงก็ดูป๊อดมากเพราะทางขึ้นเป็น one-way ก็ได้แต่เดินหน้าไป

ตอนโหนก็กรี๊ดให้สุดเสียง 🤣

โชคดีที่การปล่อยตัวเราไม่ต้องกระโดด ค่อยๆหย่อนตัว และภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นแขนตัวเอง ไม่ได้ก้มลงเห็นด้านล่างเลยไม่น่ากลัวเท่าที่คิด

มันสนุกนะเอาจริง ความปลอดภัยก็โอเคเลย จะมีสลิงให้คล้องอีกเส้นเพื่อกันร่วงหล่น และไกด์ก็จะอยู่หน้า-หลังคอยรับส่งเรา

พอลงมาถึงข้างล่าง สิ่งที่แรกที่วิ่งหาคือน้ำหวาน เพราะไม่ไหวแล้วทั้งร้อนทั้งเหนื่อย 5555555

เริ่มสงสัยละ ที่ว่าบอกพักผ่อน

พักผ่อนกี่โมง 😂

กิจกรรมที่ 2 — Vang Vieng City tour

ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากเราซื้อแพ็คเกจกิจกรรมกับทัวร์ ทัวร์จะมีหน้าที่ขับรถ 2 แถว พาเราไปจุดนั้นจุดนี้ ทีนี้ลุงเจ้าของทัวร์ขับรถไปซื้อเหล็ก ขับรถไปรับข้าว เราเลยได้เห็นว่าบ้านเมืองในวังเวียงเป็นยังไง เห็นแม่น้ำซองจนหนำใจ 🤣

กิจกรรมที่ 3 — Kayaking

คือเราต้องคายัคในแม่น้ำซองตลอด 5 กิโลเมตร

ความท้าทายคืออย่าพาคายัคไปติดโขดหิน และอย่าทำไม้พายหักเพราะมันแพง 😂

บอกเลยว่าเหนื่อยมาก จริงๆเหนื่อยตั้งแต่ขึ้นเขา Zipline นู่นแล้ว แต่วิวสวยมากเลยนะ เห็นภูเขาหินกับแม่น้ำ และวิวพระอาทิตย์ตก

ต้องพูดเลยว่าวังเวียงสวยมากจริงๆ

จากนั้นก็เย็นพอดี เลยกลับโรงแรมไปอาบน้ำกัน

กิจกรรมที่ 4 — กินซิ้นดาดหรือหมูกระทะ

เป็นคนไทยต้องกินหมูกระทะ

แม้แต่จะอยู่ต่างถิ่นก็ตาม !

เมนู ຊີ້ນດາດ อ่านว่าซิ้นดาด หรือหมูกระทะ

ຊີ້ນ (ซิ้น) แปลว่าเนื้อ เช่น ซิ้นหมู ซิ้นวัว → เนื้อหมู เนื้อวัว อะไรแบบนี้ (กะเจี๊ยบสอนมา)

จากนั้นก็ไปกินโรตีต่อ เนื่องจากแฟรงค์กับกะเจี๊ยบเล่าให้ฟังว่าคนที่นี้เขาขายโรตีรส Honey lemon ด้วย

เราก็อิหยังวะ honey lemon มันเข้ากับโรตีด้วยเหรอ

เลยไปลองให้รู้ซะหน่อย ซึ่งมันก็อร่อยดีนะ

วันที่ 3 — มาสู้ที่ลาว แต่ลาวสู้กลับ

หลับๆตื่นๆตั้งแต่ตี 2 เพราะว่าท้องเสีย

ตอนแรกก็นึกว่าท้องเสียเบาๆ ไปๆมาๆ ตี 3 ตื่นมาท้องเสียด้วย อ้วกด้วย

เราก็ง่วงก็พยายามจะหลับต่อ แต่กลับกลายเป็นตื่นทุกชม. ตี4, ตี 5 จน 6 โมง ตื่นมาทั้งอ้วกและท้องเสีย

ตอน 6 โมงถึงได้หลับหน่อย จนถึงเกือบ 9 โมง เพราะต้องเดินทางกลับเวียงจันทน์แล้ว

ก่อนขึ้นรถก็อ้วกไปอีก 1 ที กลัวอ้วกในรถคนอื่น5555

ตอนนั้นไม่ได้กินอะไรเพิ่มเลย ดื่มแค่น้ำเกลือแร่แค่จิบๆ ณ จุดๆนั้นอ้วกจนหมดท้องไปสมควรและมีอาการพะอืดพะอมมาก ยาที่เพิ่งกินไปตอน 6 โมงก็พุ่งออกไปแล้ว555555

คาดว่าอาหารเป็นพิษน่ะแหล่ะ แต่ไม่รู้ว่าต้นเหตุคือมื้อไหนเพราะกินเยอะมาก

หลังจากนั้นก็แปลงร่างเป็นซอมบี้ไปแล้ว นอนในรถสภาพหมดแรงจนเพื่อนขับไปส่งถึงสนามบิน

จำได้ว่าเหนื่อยมาก เดินแบบไม่มีสติสตังเหลืออยู่แล้ว แค่นั่งก็ยังเหนื่อย อยากอ้วก555555

ตอน check-in สายการบินเราเลยบอกแฟนที่ไปด้วยกันว่า ถ้าขอนั่งคู่กันไม่ได้ก็จ่ายให้คู่กันไปเลยนะ เพราะไม่ไหวแล้ว กลัวอ้วกบนเครื่องแล้วจะรบกวนคนเยอะ กลัวจะเป็นลมบนนั้นด้วย

แฟนเลยแจ้งพนักงานไปว่าอาหารเป็นพิษ ทางนั้นเขาเลยถามว่าอยากได้ wheelchair ไหม เราก็รีบพยักหน้าทันที

ภาพที่ออกมาเลยเป็นเช่นนี้แหล่ะ พนักงานเข็นซอมบี้

มันดีมากเลยนะ เพราะตอนนั้นเราไม่ไหวแล้วจริงๆ ระยะทางเดินในสนามบิน ต่อให้สนามบินเล็กแค่ไหนก็ไกลเสมอถ้าป่วย

ความโหดร้ายคือเราต้องรอไฟล์ทรอบ 13:50 โดยบินถึงเมืองไทยราวๆ 15:00 และพอถึงดอนเมืองก็ขับรถไปโรงพยาบาลก็อีก 50 นาที โดยรวมๆวันนั้นเราก็อดทนตั้งแต่ตี 2 จนถึงราวๆ 4–5 โมงเย็น กว่าจะถึงรพ.

แน่นอนค่ะ แอดมิท IPD ทันที โดนให้น้ำเกลือและยาวแก้คลื่นไส้

หลังจากนั้นเราก็ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไป หลับๆตื่นๆ แล้วเริ่มรู้สึกหนาว

สรุปคือไข้ขึ้น พยาบาลก็เอายาลดไข้ให้กิน และเอา cool fever มาแปะ

เวลาผ่านไปไข้ก็ไม่ลดสักที จนเขาต้องมาเช็ดตัว ไข้ถึงบรรเทาลง

จากนั้นเราก็ไม่รับรู้อะไรจริงๆแล้ว หลับเหมือนไม่เคยหลับมาก่อน

วันนั้นจึงผ่านไปไวมาก เหมือนไม่มีวันนั้นอยู่ในโลกใบนี้

(เขียนไปขำไป เรื่องจริงมันเศร้าเรื่องเล่ามันตลก)

บทสรุป

หลังจากนั้นเราก็อยู่ในรพ.อีก 2–3 วัน อาการดีขึ้นกว่าวันแรกที่เป็นมากๆเพราะฉีดยาก็ฉีดลงสายน้ำเกลือ เดินยาเร็วมากจนตาพร่าเลยทีเดียว

หมอวินิจฉัยว่าเป็นลำไส้อักเสบจากไวรัส ไม่มียารักษาก็กินยาแก้เวลามีอาการไปค่ะ

เป็นเรื่องราวของการเที่ยวลาวครั้งแรก เกือบหลับแต่กลับมาได้

และได้เรียนรู้อีกข้อว่า เกลือแร่ที่ลาวไม่อร่อยเลย

อย่าลืมติดตามข่าวสารจาก Women Techmakers ได้ด้านล่างเลย

Women Techmakers Bangkok

Women Techmakers Vientiane

--

--

Burasakorn Sabyeying
Mils’ Blog

Data engineer at CJ Express. Women Techmakers Ambassador. GDG Cloud Bangkok team. Moved to Mesodiar.com