จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณต้องทำแต่สิ่งเดิมๆ วนไปวนมา 5 ปี ….กลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็มองไม่เห็นทาง
บทความ Lifestyle แรกของปี 2020 หลังจากที่วิชาการมาเยอะแล้ว ก็อยากจะมาระบายเกี่ยวกับชีวิตของนักวิจัย(Rookie) และเส้นทางชีวิตหลังจากเลือกเรียนป.เอกที่ VISTEC นั้นเอง
ในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่ฟอร์มของผม อะไรหลายๆอย่างได้เกิดขึ้นมากมาย ทั้งได้ทำเพจ ได้ทำบล็อก ได้ร่วมงานกับทีมวิจัยต่างๆ และที่สำคัญ…ได้ที่เรียนต่อแล้ว !!!
โดยเริ่มจากต้นปี 2019
ในปี 2019 ผมเริ่มกลับมาทำบทความแบบจริงจังและดุเดือดกับด้าน Machine Learning และ Deep Learning เริ่มไม่ค่อยได้ทำอะไรกับบทความ IoT แล้ว (ดองบทความ Node-Red ยาวๆ) เพราะส่วนหนึ่งเริ่มทำงานด้านนี้และกำลังวางแผนจะหาที่เรียนต่อในด้านนี้
เสริม
ในตอนนี้ Blog ของผมตอนนี้คนคลิกดูประมาณ 250K กับ ติดหน้าแรกของ Google ถ้าคุณเสิร์จคำว่า Machine Learning แล้วเลือกค้นหาภาษาไทย
หรือจะเป็น natural language processing
แสดงให้เห็นว่าวงการ AI กำลังโตจริงๆ ทำบทความอะไรมันก็ติด แฮ่
แล้วในช่วงต้นปีถึงกลางปีก็เป็นช่วงที่ความสนุกที่แท้จริงเริ่มขึ้น เมื่อได้สมัครเรียนที่ สถาบันวิทยสิริเมธี หรือ VISTECโดยที่เป็นช่วงที่เหนื่อยสุดๆ เพราะงานก็ต้องทำ สอบสัมภาษณ์ก็ต้องไปที่ กทม. (ผมเป็นคนเชียงใหม่) ไปๆมาๆ3รอบ แล้วก็ประกาศผลว่าติด แล้วก็ต้องไปๆมาๆ เพราะมาทำธุระอื่นอีก เช่น มาช่วยสอนที่ Maker fair 2019 ในหัวข้อ M5Stack with UI Flow
เผื่อหลายๆคนไม่รู้ว่า VISTEC คือสถาบันอะไร ก็จะมีวิดีโอแนะนำสถาบันโดยในคลิปก็จะมี IST อีกด้วย
ส่วนผมจะขอแนะนำสั้นๆว่าเป็นมหาลัยที่เน้นทางด้านงานวิจัยและที่เปิดสอนแค่ โทและเอก ในสายวิทยาศาสตร์เท่านั้น โดยจะมีแค่ 4 school ได้แก่
- School of Energy Science and Engineering: ESE
- School of Molecular Science and Engineering: MSE
- School of Biomolecular Science and Engineering: BSE
และสถาบันที่ผมกำลังเรียนอยู่
- School of Information Science and Technology: IST
ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การทำวิจัยในระดับเข้มข้น งานวิจัยที่ออกจาก VISTEC จะเน้นไปที่การตีพิมพ์ที่ Conference ดังๆ(Rank : A or A+) หรือ Journal ดังๆ (IEEE journals and transactions)
ซึ่ง IST ของ VISTEC ก็จะเน้นไปที่ด้านการนำ AI มาประยุกต์ใช้ โดยเรามี lab ทั้งหมด 4 lab ด้วยกันทั้ง Brain, Robotic, Computer Vision, and Scalable database system.
ซึ่งถ้าใครอยู่วงการ Computer Vision ก็อาจจะรู้จักกับเรื่องของ Fake video ซึ่งที่ Computer Vision lab เรามี Dr.Supasorn ที่เคยได้พูดที่ TED Talk เป็นอาจารย์ประจำ Lab ที่นี้ด้วยครับ
ที่ผมสนใจที่นี้เพราะงานวิจัยและทุนที่ให้ ซึ่งที่นี้เปย์หนักมาก
ยกตัวอย่างเช่น ค่าเทอม, มีเงินเดือนให้, ค่าทำวิจัย, ค่าเดินทางไป Conference และที่สำคัญที่สุดคือให้เงินอีก 1 ล้าน เพื่อไปทำวิจัยที่ต่างประเทศในปีสุดท้าย !!! โดยทุนทั้งหมดนี้ไม่มีข้อผูกมัดหลังเรียนจบ ซึ่งหมายความว่าถ้าจบแล้ว จะทำงานที่ไหนก็ได้ ไปไหนก็ได้ หรือจะทำงานกับ PTT ต่อก็ได้
ซึ่งชีวิตที่ผมคิดไว้ตอนสอบติด VISTEC คือ
ทำวิจัย ทำวิจัยเท่านั้น ชีวิตนี้จะทุ่มให้กับวิจัยยยยยยยยยยยย
แต่ความเป็นจริงคือ สถาบันนี้ก็ยังให้เราได้ร่วมงานกับ Industy ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก โดยผมได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักวิจัยหลายๆท่านด้วยกันเช่น
ร่วมงานกับ AIRESEARCH
AIRESEARCH เป็นการร่วมมือระหว่าง DEPA และ VISTEC ซึ่งจุดประสงค์คือ
การสร้าง Corpus ขนาดใหญ่ โดยเป็น Open data 100%ทุกคนสามารถใช้ได้
แน่นอนว่าเป็น Corpus เกี่ยวกับด้าน NLP ซึ่งตอนนี้เรากำลังทำ 4 dataset ตามรูป
โดยสมาชิกของทีมหลายๆคนที่ทำ NLP น่าจะรู้จักเช่น Korakot Chaovavanich (แอดมินกลุ่ม Colab Thailand), Dr. Ekapol Chuangsuwanich (อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จุฬาฯ) หรือ Dr. Attapol Thamrongrattanarit (อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาศาสตร์ จุฬาฯ)
ช่วงกลางปี 2019
ช่วงกลางปีผมเริ่มชีวิตเด็กป.เอกที่ vistec แล้ว ทำวิจัยไปด้วย ทำกิจกรรมอย่างอื่นไปด้วย โดยช่วงนี้ผมก็ได้ไปอินโดฯ กับโครงการ SEA:Machine Learning school
SEA:Machine Learning School 2019
ซึ่งผมได้ทำรีวิวสั้นๆไว้แล้ว ซึ่งถ้าใครทำวิจัยในสายนี้ (Artificial Intelligence) ก็แนะนำให้ไปดูสักครั้งครับ สนุกมาก ซึ่งในปี 2020 จะจัดที่เวียดนาม
พอเมื่อกลับจากอินโดฯ ก็ได้รู้จักคนอีกมากมาย ซึ่งผมได้รู้จักกับคนๆหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มาทำเพจด้วยกัน
Facebook page : อ่าน #NLProc
อันนี้เป็นเพจที่เกิดจากความคิดของคนรู้จักของผมซึ่งไปเจอกันที่งาน research school ที่อินโดเมื่อปีก่อน ซึ่งเรามีความคิดที่ว่าอยากจะเปิดเพจ NLP ที่ยังเน้น Research เพราะเราทั้งคู่ยังเรียนป.เอกกันอยู่ แล้วเราก็อ่านเปเปอร์เกี่ยวกับ NLP กันเป็นประจำ แล้วอยากมาแชร์สิ่งที่เราอ่าน ก็เลยเกิดเพจนี้ขึ้น โดยเราจะเขียนเกี่ยวกับเปเปอร์ที่เราอ่านกันมา มารีวิวกันสั้นๆ ช่วงหลังๆเริ่มทำบทสัมภาษณ์ สัมภาษณ์คนในวงการ NLP ไทยทั้งนักวิจัย และนักเรียน ซึ่งเรากำลังพยายามปั่นบทความแบบนี้อยู่ ซึ่งก็พึ่งรู้ว่ามันกินพลังงานมาก
ช่วงปลายปี 2019
มีโอกาสได้เป็น (Mini) Speaker ที่งาน Data Science & Engineering Workshop 2019: The future of Thai NLP จัดโดย AIRESEARCH
เป็นหนึ่งอีเว้นที่ผมชอบมากๆ โดยได้พูดเกี่ยวกับ Corpus ของ Named-entity และ Word segmentation ซึ่งตื่นเต้นมาก ซ้อมประมาณ 10 รอบ พูดประมาณ 10 นาที ไวมากกกกกกกกกกกกกกก ซึ่งผมทำรีวิวสั้นๆไว้แล้ว
ไปเที่ยวไต้หวันด้วยการวางแผนล่วงหน้า 6 วัน
อันนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับงานแต่ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบวางแผนอะไรล่วงหน้าเยอะๆ ชีวิตยึดติดกับแผนมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งคนที่ lab ก็ชวนไปเที่ยวไต้หวันกับความฮาคือ เราชื้อตั๋ววันพุธ วางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนบ้างวันเสาร์(4 ชั่วโมง) และเราจะไปคืนวันอังคาร ซึ่งทุกอย่างมันรีบไปหมด แต่ก็ทำให้รู้ว่าบางทีคนเราไม่จำเป็นต้องมีแผนเสมอไป (แผนล่มบ่อยมาก) แต่สนุกสุดๆ เมื่อไปถึงที่นั้นยิ่งทำให้เรารู้ว่า เทคโนโลยีมันสำคัญกับชีวิตอย่างไรเช่น Google translate ที่ช่วยแปลภาษาเพราะคนที่นั้นไม่ค่อยพูดอังกฤษกัน หรือจะเป็น Google map ที่บอกได้ละเอียดจนน่าตกใจ
เป้าหมายในปี 2020
มีงานตีพิมพ์
เป้าหมายหลักในปี 2020 คือการมีงานตีพิมพ์เพราะเงื่อนไขในการเรียนจบก็คือมีงานตีพิมพ์นั้นเอง ซึ่งก็คงต้องรีบ กลัวจะไม่จบตามเวลา ฮาๆ
ปั่นบทความ Deep Learning ให้เสร็จๆ
อีกหนึ่งเป้าหมายที่อยากจะทำให้เสร็จๆ ที่จริงผมทำ Experiment ของบทความ DL เสร็จหมดแล้ว (ทั้ง CNN / RNN) แต่รู้สึกมันเบสิคมากไป กลัวว่าคนมาอ่านแล้วจะคิดว่ามันง่ายไป เลยพยายามจะใส่เรื่อง Transfer learning / BERT หรือ Fastai เข้ามาในบทความ เลยต้องในเขียนใหม่หมด
หา Research School เรียนในช่วงปิดเทอม
ที่จริงการไป Research School เป้าหมายหลักไม่ใช่การเรียน แต่เป็นการออกไปเจอคนอื่นบ้าง เผื่อจะได้แรงใจในการทำวิจัย แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน หาเพื่อนใหม่ๆ
Medium : https://medium.com/@pingloaf
Linkedin : https://www.linkedin.com/in/peerat-limkonchotiwat/
