SEA Machine Learning School 2019 (Indonesia) เรียน ML ทั้งที ต้องไปเรียนที่อินโด
นี้หรืออินโดนิเซีย
สำหรับบทความนี้เป็นบทความบอกเล่าประสบการณ์การเรียน Machine Learning School ที่ อินโดนีเซีย 5 วัน (07/08/19–07/12/19) โดยจุดประสงค์ของงานนี้เกิดขึ้นได้เพราะงาน Conferrence ICML 2018 ที่จัดไปเมื่อปีก่อน โดยทางผู้จัดงานได้เล่งเห็นว่าโซน SEA เองก็มีประชากร 10% ของโลกนี้และผลงานก็ไม่ได้ด้อยกว่าโซนไหนเลยจึงจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นความสนใจด้าน AI ในโซน SEA นั้นเอง
ทำไมต้องอินโดนิเซีย
ความจริงแล้วอินโดนิเซียมี Startup ยูนิคอร์นถึง 4 อันด้วยกัน (ในไทยยังไม่มี)ทำให้เป็นประเทศที่โดดเด่นในโซน SEA พอตัวเลย
โดยภายในงานจะมี Speaker จากบริษัท/มหาลัยชื่อดังมากมายมาสอนที่งานนี้
ซึ่งในงานจะสอนตั้งแต่เบสิคยัน expert กันเลยทีเดียว
- basic math foundation
- Machine Learning Fundamental
- Supervised & Unsupervised Learning
- Neural Network
- CNNs [VQA,Grouding]
- RNN [Seq2Seq, Word Embedding, LSTMs]
- New Technology [auto encoder, BERT]
โดยจะมีวันที่เราได้พูดคุยทุกเรื่อง ขอย้ำทุกเรื่อง ! จบจากไหน เขียนเปเปอร์ยังไงดี อนาคต AI จะยังไง ทำงานที่ไหนดี ไปทำงานด้วยได้ไหม สมัครงานยังไงให้คนรับ เขียน cv ยังไงให้น่าสนใจ
กฏเกณฑ์ในการรับสมัคร
- ไม่มี
หากคุณสนใจและทำงานด้านนี้หรือกำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ (Machine Learning) คุณสามารถสมัครได้เลย โดยในปีนี้ (2019) มีคนสมัครทั้งสิ้น 1,200 คน รับเพียง 120 คน ซึ่งคนในงานมีตั้งแต่ มัธยม ยัน Senior datascient กันเลยทีเดียวและที่สำคัญคนที่มาร่วมงานมีหลายประเทศมาก รัสเซีย เกาหลี จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน
ฟรีหรือไม่ ?
ถ้าเป็นนักเรียน/นักศึกษาสามารถขอ Travel Assistance ได้ (ค่าเดินทาง / ค่าที่พัก) หรือจะไม่เอาก็ได้ ถ้าไม่ใช่นักเรียน/นักศึกษาก็คนละ 200 USD (เฉพาะค่าสมัครเท่านั้นนะ)
และที่สำคัญ ได้งานแน่นอน
ในตอนที่เรากดสมัครจะมีช่องให้เราเลือกว่าจะยินยอมให้สปอนเซอร์ของเขาดู CV ของเราหรือไม่ ซึ่งวันที่ 1–3 จะมีบูธสปอนเซอร์มาตั้งรับหาคนไปทำงานด้วยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว headquarter จะอยู่ที่สิงคโปร์
ที่สำคัญ ได้ของฟรีเพียบ ทั้งปากกาจาก google กระเป๋า traveloka และอื่นๆ
ทำไมถึงต้องไปเรียนที่ Machine Learning ที่งานนี้ ?
-ได้รู้จักกับผู้คนใหม่ๆ
-เรียนกับคนที่เป็นเซียนด้านนี้โดยตรง
-ได้เจอกับสปอนเซอร์ (บริษัทใหญ่ๆทั้งนั้น)
-มีคาบแลปได้ทำจริง ไม่ได้นั่งฟังอย่างเดียว
ประสบการณ์ 5 วันของผม
โดยผมไปในฐานะนักเรียน/นักศึกษาซึ่งเขาจะออกค่าที่พัก (จองโรงแรมให้เราตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏา จนถึง 13 กรกฏา) และค่าตั๋วเครื่องบินอีกคนละ 200 USD ซึ่งจะมีอาหารเช้าและเที่ยงให้ส่วนมื้อเย็นต้องออกไปหากินเอง ลำบากตรงที่ประเทศอินโดไม่ค่อยพูดอังกฤษ แต่ใช้ภาษามือเอาก็ได้ ไม่มีปัญหา ฮาๆ
ซึ่งสถานที่จัดงานคือมหาวิทยาลัย Indonesia คณะ Computer Science
ในทุกๆวันเราจะนั่งที่ห้องสโลปเพื่อเรียน โดยแต่ละคาบจะเรียนประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง ไม่นานมากไป ไม่สั้นมากไป
ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีหัวข้อต่างกันเช่นวันแรกจะเป็นพื้นฐานของทุกๆอย่างเลย เช่น Math เบื้องต้น (เบื้องต้นสุดๆ) / Machine Learning พื้นฐาน / Deep Learning พื้นฐาน พอวันถัดไปก็จัดเรื่อง RNN + NLP และอีกวันก็ CNN ต่ออีก
โดยภายในงานมีการเชิญอาจารย์จากมหาลัยดังๆ ซึ่งใครหลายๆคนก็น่าจะรู้จักกันดี เช่น Kyunghyun Cho (เจ้าพ่อ Machine Translation) หรือจะเป็น Cheng Soon Ong (ผู้เขียนหนังสือ Mathmatics for Machine Learning) หรืออีกคนที่เรียนออนไลน์น่าจะรู้จักคือ Wee Sun Lee จาก NUS
หรือจะเป็นพนักงานในบริษัทดังๆอย่าง DeepMind ที่ได้เชิญ Chris Dyer มาเป็น Speaker พูดเรื่อง Deep Learning พื้นฐานทั้งหมด
และทุกๆวันตอนเย็น ก็จะมี Session จากสปอนเซอร์ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่การสอน แต่จะเน้นไปที่การโชว์ของ และเทคนิคต่างๆ อย่างเช่นช่วงเย็นวันที่ 2 ผมเข้า session ของ Go-JEK เรื่องการ Deploy Machine Learning ซึ่งได้อะไรดีๆมาเยอะมาก
ซึ่งถ้าวันไหนไม่มีแลปให้ทำ ก็จะมี Session พูดคุยเรื่องทั่วๆไปเช่น Community in SEA ที่จะเน้นไปที่เรื่อง Dataset เล่าถึงความยากลำบาก และภาครัฐช่วยอะไรได้บ้าง
โดยในสองวันสุดท้าย จะเป็นการโชว์ POSTER โดยแต่ละคนจะนำโพสเตอร์มาโชว์ว่าตัวเองทำงานอะไรอยู่ โดยเราจะถามคำถามเจ้าของผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกันก็ได้ หรือจะให้เขาอธิบายทั้งงานให้ฟังเลยก็ยังได้ (แอบสงสารคนโชว์นะเพราะโชว์ตั้ง 2 ช.ม.)
บทสรุปจากงาน SEA MLS 2019
‘ความรู้’ ที่ได้มาแบบเต็มๆ เพราะคนที่สอนเราที่งานคือตัวจริงในสายงานนี้ เขาจึงให้คำแนะนำและความรู้ใหม่ๆที่ผมไม่เคยเรียนมาก่อน
‘มิตรภาพ’ แน่นอนว่ามางานนี้จะไม่ได้เพื่อนใหม่ได้ไง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนชาวไทย เพื่อนชาวต่างชาติ ทำให้เรารู้อีกว่า ‘ประเทศไทยไม่ด้อยกว่าใครในโซน SEA’ เพราะ % คนไทยที่มาได้ก็สูงอยู่พอตัวนะ (10กว่าคน จาก 120)
สำหรับคนที่คิดจะมางานนี้ในปี 2020
ถ้าใครอยากจะเปิดโลกของ Machine Learning ให้กว้างกว่าที่กำลังเป็นอยู่ อยากรู้ต่างประเทศกำลังทำงานวิจัยอะไร แนวทางของ ML ในอนาคต หรือกำลังหางานด้านนี้ทำก็เตรียมตัวได้เลยเพราะงานนี้ปีถัดไปจะจัดที่เวียดนาม