ชีวิตไม่มีตอนจบแบบเทพนิยาย

samphan r.
Modern Buddhism
Published in
1 min readMay 29, 2017

ลึกๆเรายังเชื่อว่าวันนึงเราจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ปราศจากปัญหาหรือเปล่า

โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บางทีเรายังมีความเชื่อเหมือนตอนเด็กว่า มีชีวิตที่ “live happily ever after” เหมือนตอนจบเทพนิยาย เชื่อแบบนั้น เราก็เลยใช้ทั้งชีวิตเดินทางตามหาชีวิตแบบนั้น

มันเหมือนแบบว่า ถ้าฉันทำอะไรบางอย่างสำเร็จ เหมือนอย่างที่ตัวเอกเอาชนะวิกฤติในเทพนิยาย แล้วฉันจะพบกับชีวิตแบบนั้น บางอย่างดังกล่าวอาจจะเป็นเรียนจบ หรือได้งาน หรือแต่งงาน หรือมีธุรกิจส่วนตัว หรือมีทรัพย์สินสิบล้าน ฯลฯ มันเป็นเป้าเคลื่อนที่ moving target พอเราไปถึงแล้ว นอกจากจะไม่ live happily ever after แล้วยังพบว่ามีเป้าเลเวลต่อไปขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ด้วยคำสัญญาเดียวกัน

แต่ทำไมเราโตป่านนี้แล้วยังมีความเชื่อแบบเด็กๆอยู่?

ผมเชื่อว่ามันล่อเลี้ยงด้วยเรื่องเล่า (วรรณกรรมหรือภาพยนต์) ที่หลอกลวงเรามาตลอดว่ามีอะไรแบบนั้นจริงๆ เหมือน 18 มงกุฎ ที่หลอกเงินเราโดยการเล่าเรื่องเทพนิยายโกหกเราว่า มีชีวิตสมบูรณ์แบบอยู่เบื้องหล้งเป้าเคลื่อนที่ของเรานั้น

ตอนเด็กๆเราชอบดูหนังแอคชันซุเปอร์ฮีโร่ ตอนวัยรุ่นเราชอบดูหนังโรแมนติก หนังแอคชันและหนังโรแมนติกก็จะต้องจบแบบเทพนิยาย อย่างไรพระเอกนางเอกก็จะสมหวังเสมอ มันเป็นนิยามของหนังสองชนิดนั้น (มิฉะนั้นมันจะถูกเรียกว่าดราม่า) ที่คนชอบดูกันมากที่สุด และละครหลังข่าวก็จบแบบเทพนิยายเช่นกัน

ทำไมเราถึงชอบเรื่องเล่าแบบนี้?

มันเหมือนกับคนที่ซื้อหวยทุกงวด เมื่อเค้าลงทุนเค้าก็จะได้ฝันว่าถูกหวย จนกว่าจะถึงวันหวยออก ความฝันนั้นก็จะหายไป ซึ่งเค้าแก้ได้ง่ายๆโดยการซื้อหวยงวดต่อไป

เราดูหนัง/ละคร/นิยายแบบนี้เพื่อจะได้โอกาสฝันถึงตอนจบแบบเทพนิยาย

คราวนี้ปัญหาคือ เหมือนโฆษณาที่กรอกตาหูจนเราเชื่อเค้าว่า เราต้องการสินค้านั้นจริงๆ การที่เรากรอกตาหูเราด้วยเรื่องเล่าแบบเทพนิยาย ทำให้เรายังคงมีความเชื่อลึกๆว่า มีตอบจบ happily ever after ในเทพนิยายที่มีเราเป็นตัวเอกอยู่จริงๆ

เราเรียกมันว่า “ความฝัน” หรือในภาษาจิตวิทยาคือ

เดย์ดรีม

เรามีเดย์ดรีมกันเยอะแยะทุกคน เรื่องงาน ความรัก เซ็กส์ มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ดีไม่ร้าย แต่เดย์ดรีมว่า “ชีวิตมีเส้นชัยที่เราจะพบความสุขสงบ” มันดีกับเราหรือเปล่า?

ตอบตัวเองว่า ความเชื่อที่ไร้สาระอันนี้ ทำให้ “เราเกลียดสถานการณ์ชีวิตเราในปัจจุบันหรือเปล่า?” เพราะเมื่อเราเชื่อจริงๆว่ามีชีวิตที่ปราศจากปัญหาอยู่ที่ไหนสักแห่ง เราก็จะรู้สึกว่าชีวิตปัจจุบันไม่น่าอยู่ นั่นทำให้เราต้องหนีปัจจุบันไปสู่อนาคต (เดย์ดรีม) หรืออดีต (นอสตาลเจีย)

แต่เมื่อเราตัดสินใจที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ ตระหนักว่าซานตาครอสไม่มีจริง ผีกระสือไม่มีจริง และชีวิตแบบตอนจบเทพนิยายไม่มีจริง ชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาจะถือเป็นเรื่องปกติ เราจะไม่เกลียดชีวิตปัจจุบัน เพราะรู้ว่าชีวิตจะมีปัญหาแบบนี้ไปจนวินาทีสุดท้าย ทำให้เราไม่ต้องรอว่าวันใดปัญหาจะหมดไป วันใดจะถึงเป้าหมายที่ฝัน เราจะสามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างเต็มใจ และโฟกัสชีวิตไปที่การแก้ปัญหาทีละเรื่อง

ถ้ายอมรับว่าชีวิตไม่มีตอนจบแบบเทพนิยาย ก็จะพบว่าปัจจุบันนั้นดีเสมอ และนี่คือความสุขสงบโดยที่ไม่อาศัยอะไรเลย

--

--