ครบรอบ 10 ปี Muze Innovation จากวันแรก…สู่วันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง?

Wittaya Sudthinitaed
Muze Innovation
Published in
3 min readMay 16, 2024

ขอพาเพื่อน ๆ ย้อนไปชมการเติบโตของบริษัท จากเริ่มแรกที่เป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ของคนรักการฟังเพลง สู่การเติบโตเป็น Tech Partner ให้กับองค์กรใหญ่ในประเทศไทยและต่างชาติ ซึ่งตลอดเส้นทางนี้ จะมีเรื่องราวอะไร ที่สนุกและน่าสนใจบ้าง?

2 Co-Founder ซึ่งเป็นสมาชิกยุคแรกเริ่มที่ยังคงทำงานมาถึงปัจจุบันอย่างพี่เนม-ภูมิพัฒน์ และพี่พีท-วรท จะมาเล่าให้ทุกคนฟังแบบ exclusive ที่นี่ เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปี ของ Muze Innovation ในปี 2024 นี้

กว่าจะมาเป็น Muze Innovation บริษัท Tech Partner อย่างในทุกวันนี้ ถ้าย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Muze คือบริษัท Software Company มาก่อน โดยตอนนั้นโปรเจกต์เด่น ๆ ที่สร้างชื่อให้กับบริษัทคือ แอปพลิเคชันฟังเพลง Muze Music Player ที่เริ่มพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ และปล่อยให้ใช้จริงในปีค.ศ. 2014 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถทำยอดดาวน์โหลดสูงถึง 1,000,000 users กันเลยทีเดียว

ถ้าถามว่าความสำเร็จนี้มาจากไหน ก็จะขอตอบให้ทุกคนฟังว่า แอปพลิเคชัน Muze Music Player สามารถแก้ pain point ของคนในยุคนั้นได้ คือถ้าอยากฟังเพลงอะไร ก็ไม่ต้องไป Sync เพลงที่อยากได้ผ่านสายชาร์จไอโฟนมาใส่โทรศัพท์มือถือนั่นเอง เพราะตอนนั้นยังไม่มีบริการ Music Streaming อย่างในทุกวันนี้

จากความสำเร็จของแอปพลิเคชัน Muze Music Player ที่สร้างยอดดาวน์โหลดสูงมากในประเทศไทย และอีกหลายประเทศ ทำให้เกิดเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ขึ้นกับบริษัทของเรา นั่นคือการได้รับ invitation จาก Apple ให้ไปพัฒนาแอปพลิเคชัน สำหรับทดสอบ Apple Watch ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นคำเชิญปลอม แต่มันคือเรื่องจริงครับทุกคน!!

ตอนนั้นทุกคนทั้งดีใจและตื่นเต้นมาก แต่ใดๆก็คือ ต้องตั้งสติและรีบจัดประชุมเพื่อระดมไอเดียครั้งใหญ่ด้วยว่า Muze จะพัฒนาแอปพลิเคชันอะไรไปทดสอบ Apple Watch กันดี โดยหลังจบประชุมสรุปว่า เราจะทำ แอปพลิเคชันรายรับรายจ่าย ชื่อว่า Spendio โดยมีเวลาทำเพียง 5 สัปดาห์เท่านั้น

โดย Key Feature ของ Spendio คือ สามารถพูดไปที่นาฬิกา แล้วระบบจะบันทึกอัตโนมัติให้เลย เช่น พูดว่า Starbucks 300 บาท แอปพลิเคชันก็จะบันทึกให้ทันทีว่า ซื้อ Starbucks เป็น Category ของรายจ่ายแบบซื้อกาแฟ และค่าใช้จ่าย (Expense) คือ 300 บาท อะไรแบบนี้ แล้วก็ลงวันที่ให้เรียบร้อย เพื่อตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบพิมพ์บันทึกค่าใช้จ่ายระหว่างวัน

หลังจากนั้นชื่อเสียงของ Muze ก็ค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องของความชำนาญทั้ง App Native Mobile และตัว Web ทำให้เรื่องไปเข้าหูบริษัท Minor จนได้รับงานโปรเจกต์ Pizza ให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเปิดแอปพลิเคชัน Pizza Company มาครั้งแรกแล้วช้า ซึ่งปัญหานี้เกิดจากโค้ดตัวนึงที่ไม่ดี ทำให้โหลดช้ามากจนไม่มีคนใช้งาน หลังแก้ปัญหาได้และปิดงานเรียบร้อย

บริษัท Minor ค่อนข้างชอบการทำงานของเรามาก จึงได้ชักชวนเรามาทำโปรเจกต์ E-Commerce คือให้ทำเว็บและระบบหลังบ้านให้เขา ชื่อแอปพลิเคชันว่า Bemynt ตอนนั้นมีทำกัน 2 เว็บ คือเว็บ bemynt.com เป็นเว็บที่ขายสินค้าของทางแบรนด์โดยตรง ส่วนอีกเว็บหนึ่ง จะไว้สำหรับขายสินค้าแบบ Multi Brand

หลังทำโปรเจกต์ bemynt เสร็จ ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Muze ได้มีโอกาสไปพัฒนาแอปพลิเคชันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้องค์กรใหญ่ ๆ อีกหลายเจ้า เช่น Ari Football, McShop, Superdry, Warrix และเจียไต๋ เป็นต้น

เมื่อทำ E-Commerce มาอย่างโชกโชน Muze จึงเริ่มหันมาพัฒนา inCart สำหรับธุรกิจ SMEs จากประสบการณ์ที่ว่า การทำ E-Commerce by Requirement ตามลูกค้าแต่ละเจ้า Core Logic ข้างหลังเป็นแบบเดียวกัน ทำให้ต้อง Customize แยกกันค่อนข้างกระจาย เหมือนเขียนโค้ดแบบ Functional Logic ซ้ำเดิมหลายรอบ แต่ถ้าเปลี่ยนมาทำให้เป็น Platform กลาง แล้วให้ลูกค้าเข้ามาใช้อาจจะทำงานได้ง่ายกว่าและดีกว่า

ทางทีมก็เลยเริ่มพัฒนา inCart โดยวางคอนเซ็ปต์ว่า inCart จะมี 2 พาร์ต คือพาร์ต E-Commerce ส่วน Functional Menu ด้านบน กับพาร์ตตัวจัดการหน้าเว็บไซต์ เหมือนเว็บ E-Commerce แล้วก็ลงมือสร้างกัน

หลังพัฒนา inCart จนสำเร็จ ผลตอบรับที่ได้คือ มีองค์กรต่างๆ และก็มีแบรนด์ใหญ่ที่ใช้อยู่ในตอนนั้น คือแบรนด์ของ Pacifica Group นั่นคือ Jurlique ซึ่งยังใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงแบรนด์ Superdry ก็เช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้ก็จะมี Birkenstock ด้วย แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปใช้ของตัวเองแล้ว

นอกจากการทำ inCart แล้ว ตอนนั้น Muze ก็ยังรับทำโปรเจกต์อื่น ๆ เกี่ยวกับการพัฒนา Digital Solution ให้องค์กรต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น โปรเจ็กต์ True, โปรเจกต์ Smart Management ของการไฟฟ้านครหลวง และอีกมากมาย จนได้รู้จักและร่วมงานกับทีม Sylli ซึ่งตอนหลังผนึกกำลังกับ Muze จนกลายเป็นบริษัท Tech สุดแข็งแกร่ง

ปัจจุบัน Muze Innovation กลายมาเป็นบริษัท Tech Partner เต็มตัว โดยพร้อมให้บริการกับลูกค้าหลากหลายเจ้าทั้งเล็กและใหญ่ ในด้านการวางกลยุทธ์, ให้คำปรึกษา, ทำ Web, สร้าง Application, ดูแลระบบหลังบ้าน หรือแล้วแต่โจทย์และความต้องการของคุณลูกค้าแต่ละเจ้า ไม่ว่าจะเป็น AXONS, BECI (CH3+), One Siam SuperApp, TrueID, Chubb, Tokio Marine และ King’s Stella

และนี่คือเรื่องราวเส้นทาง 10 ปี ของ Muze Innovation จากจุดเริ่มต้นเป็น บริษัท Software Company สู่การเป็น บริษัท Tech Partner แถวหน้าของเมืองไทย ที่ผ่านโปรเจกต์ต่าง ๆ มามากมาย แต่ก็ยังคงตั้งใจพัฒนาตัวเองในทุกวัน เพื่อที่จะมอบคำปรึกษาเรื่อง Digital Solution ให้แก่ Partner อย่างตรงเป้าหมายครับ :)

--

--