จาก Intern มาเป็นพนักงาน Part time
| ประสบการณ์การทำงานของ Software Developer ที่ Muze
ชื่อบรีส นางสาวนิรชา บุญยเนตร
ตอนนี้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ได้มีโอกาสเข้ามาฝึกงานที่ Muze ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 64 ที่ผ่านมา โดยรู้จัก Muze จากเพื่อนที่แนะนำที่ฝึกงานผ่านไลน์กลุ่ม พอหลังจบฝึกงานก็มาเป็นพนักงาน Part time ต่อเลยจนถึงตอนนี้ (ก.พ. 65)
แล้วจากเด็กฝึกงาน ทำยังไงถึงมาเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ? ปกติที่ Muze มีตำแหน่ง Part time Developer มั๊ย ? แล้วทำไมน้องบรีสถึงเลือกทำงานต่อที่นี่ ไปลองดูประสบการณ์การทำงานที่ Muze ตั้งแต่ฝึกงานจนถึงตอนนี้กัน
เริ่มฝึกงานในตำแหน่ง Software Developer ตอนนั้นได้ทำโปรเจกต์ที่เป็นแอปพลิเคชั่นหนึ่งที่ชื่อว่า Onesiam ทำในส่วนของ Front-End เป็นหลัก ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโปรเจกต์นี้มาก จึงได้เริ่มทำอะไรที่ง่ายก่อน ส่วนใหญ่ทำพวก UI หรือ Logic ง่ายๆ คอยช่วยพี่ๆแก้บัค สงสัยส่วนไหนก็ถามเพิ่มเติม พอได้เรียนรู้มากขึ้น ถึงได้ทำสิ่งที่ยากเพิ่มขึ้นเป็น Step ถัดไป
จนมาเป็นพนักงาน Part time เราได้รับ Task งานที่ยากขึ้นและต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิม อย่างการเริ่ม Integrate API เข้ามา เขียน Widget Test หรือส่วนอื่นๆของโปรเจกต์ที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงขั้นตอนการทำงานที่เยอะขึ้น เพราะต้องมีการคุยงานมากขึ้น อย่างการคุยกับพี่ๆ Back-End หรือ PO ว่าอยากให้ Flow ออกมาเป็นรูปแบบไหนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
เราก็ได้สิทธ์เลือก Task Card เท่ากับพี่ๆ เลย ว่าจะทำอันไหนในแต่ละ Sprint ซึ่งอาจจะเป็น Flow หลักเลยก็ได้ ทำให้ความรับผิดชอบตรงนี้มากขึ้นมากถ้าเทียบกับตอนเป็น Intern คือถ้าเราทำช้า หรือติดส่วนไหน ก็จะได้รับผลกระทบทั้งทีม
| ทำไมถึงมาเป็นพาร์ทไทม์ต่อ
ส่วนตัวบรีสอยากทำต่อเอง เลยไปคุยกับพี่ๆ แล้วพี่ๆก็ไปคุยกัน จนเราได้โอกาสมาทำโปรเจกต์นี้ต่อในฐานะพนักงานพาร์ทไทม์
เหตุผลที่อยากทำต่อคือ รู้สึกว่าการฝึกงาน 2 เดือน ผ่านไปไวมาก เหมือนมันยังไม่ต่อเนื่อง กำลังสนุกกับงานที่ได้ทำ รู้สึกว่าตัวเองยังสามารถเรียนรู้อะไรได้มากกว่านี้ และอยากเห็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เราทำด้วย
| เคล็ดลับการฝึกงานที่ทำให้ได้มาเป็นพาร์ทไทม์ต่อ
คงเป็นเพราะเราเป็นคนที่เปิดกว้างในการเรียนรู้ กล้าถาม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆน้อยๆ พร้อมเรียนรู้และพยายามหางานทำตลอด เหมือนพอเราทำงานตัวเองเสร็จก็คอยถามพี่ ๆ ว่าเราทำ Task นี้ได้เลยไหม เสนอตัวทำ เพื่อให้งานมันเสร็จไวขึ้น
| คิดว่าที่ Muze แตกต่างจากที่อื่นยังไง ?
รู้สึกเลยว่าพี่ๆรับฟังความเห็นเรา เปิดโอกาสให้เสนอไอเดีย ทำให้รู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมกับพี่ๆ ไม่ได้รู้สึกว่าเข้ามาเป็นแค่เด็กช่วยทำงาน แต่เหมือนเป็นพนักงานคนหนึ่ง ที่สามารถสร้าง Impact ให้กับทีมได้
อีกอย่างคือสังคมของที่นี่ค่อนข้าง Flexible พี่ๆก็มีความเป็นกันเองมาก เรามีส่วนร่วมกันในเรื่องอื่นๆ ด้วย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องงาน ได้เล่นเกมกัน ปรึกษาเรื่องอื่นๆ บรรยากาศเวลาทำงานก็ไม่เครียดมากเกินไป
ได้อะไรจากการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ที่ Muze บ้าง ?
| รีวิว Muze หน่อย
ได้โอกาสทำงานใน Task ที่เท่ากับพี่ ๆ เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เราเก่งได้ไว ๆ บางทีเราเห็นพี่ ๆ ทำงานแล้วรู้สึกเหมือนเป็นไอดอลเลย เห็นพี่ SA คอยวิเคราะห์ระบบให้ หรืออย่างพี่ PO ทุกคนเก่งมาก ทั้งในเรื่อง Technical แล้วก็ Business เรามองว่าพี่ๆเท่มาก ทำให้รู้สึกว่าอยากพัฒนาตัวเองในอีกหลายๆด้านเลย
สุดท้ายคือผลลัพธ์ที่เราคาดหวังจะเห็น คือโปรเจกต์ OneSiam ที่ใช้ inCart เป็น Backend นั้น เราได้มีส่วนร่วมทำตั้งแต่ตอนยังไม่ Launch ตอนนี้เวลาเดินห้างก็เห็นเต็มไปหมดเลย เพื่อนก็มาถามว่าใช่ที่เราทำรึเปล่า ทำให้รู้สึกภูมิใจว่าเราได้ทำอะไรที่ใหญ่ขนาดนี้
| ส่งท้ายสำหรับน้อง ๆ ที่กำลังมองหาประสบการณ์การฝึกงานที่เหมือนทำงานจริง โปรเจกต์จริง และได้อยู่กับพี่ ๆ ที่เป็นกันเอง คอยช่วย ซัพพอร์ตเราทุกเรื่อง มาเริ่มฝึกงานกันที่ Muze ได้ค่ะ :)
ปีนี้ ที่ Muze ก็มีเปิดรับ Internship ทั้งหมด 4 ตำแหน่งน้าา
- Full Stack Developer
- iOS Developer
- Android Developer
- UX/UI Designer
น้อง ๆ คนไหนสนใจส่ง Resume มาที่ hr@muze.co.th ได้เลยยยย