Android 11 กับของใหม่ที่มาแบบเงียบๆ

Chaiwiwat Koksantia
Nextzy
Published in
5 min readMar 23, 2020

พบกับ 13 ฟีเจอร์ใหม่ ที่เปิดตัวออกสื่อและแอบซ่อนมา ในที่สุดก็มีสักที!

สวัสดีครับ ผมกลับมารายงานตัวอีกครั้งกับ 2 บทความใหม่ เรื่องที่ผมจะเล่าในบทความนี้มันเกิดมาจาก เมื่อวัน 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Google ได้ปล่อย Android 11 เวอร์ชัน Developer Preview ออกมา เพื่อให้นักพัฒนาทั่วโลกได้ลองเล่นและทดสอบแอปกัน

โดยผมจะแบ่งออกเป็น 2 ตอน อันได้แก่

  • ตอนแรก (Android 11 กับของใหม่ที่มาแบบเงียบๆ) จะอธิบายถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้มุมมองของผู้ใช้งาน ว่าเราจะได้ของเล่นอะไรเพิ่มมาบ้าง ทั้งแบบเปิดตัวออกมาและแบบที่ซ่อนไว้ แต่มีคนตาดีไปเจอเข้า
  • ตอนที่ 2 (Android 11 การเปลี่ยนแปลงที่นักพัฒนาควรปรับตัว) จะอธิบายถึงสิ่งที่นักพัฒนาแอปควรปรับตัวให้แอปที่มีอยู่ สามารถรองรับกับ Android 11

อะไรเปลี่ยนบ้าง?

ก่อนจะบอกว่ามีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ผมจึงจะขอแยกเป็นหมวดหมู่ เพื่อลดความมึนงง ที่อาจจะเกิดขึ้น เริ่มกันเลย!!

Notification (การแจ้งเตือน)

Floating Bubble Chats

หลาย ๆ คน คงน่าจะเคยใช้ Floating Bubble ของแอป Facebook Messenger หรือที่เรียกว่า “Chat Head” ถึงจะไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่อะไร แถมยังมีการเปิดตัวและทดสอบไปใน Android 10 แล้วเงียบไป จนใน Android 11 มันก็ได้กลับมาอีกครั้ง

Notification Shade Section

ใน Android 11 ได้มีการแบ่งส่วนของการแจ้งเตือน โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ Conversation(การสนทนา), Silent notification(การแจ้งเตือนแบบไม่มีเสียง) และ การแจ้งเตือนอื่นๆ

Notification History

หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ ประมาณว่า วางมือถือทิ้งไว้นานๆ กลับมาดูอีกที การแจ้งเตือนเต็มจอไปหมด แล้วเผลอกดปุ่ม Clear All Notification การแจ้งเตือนที่น่าสนใจหายไปในพรึ่บตา! โดนลบไปแล้วววว!! ( ; ω ; )

ปัญหาที่จะหมดไปด้วย Notification History!!

เดิมทีใน Android 10 ก็มีฟีเจอร์แบบเดียวกันนี้ชื่อ Notification Log แต่มันไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรเลย บอกแค่ว่าเป็นของแอปไหนเวลาเท่าไหร่ มี Log อย่างไร ซึ่งไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้ใช้งานทั่วไป ใน Android 11 เลยมีสร้างหน้าใหม่ชื่อ Notification History โดยทำให้ใช้งานขึ้น และเป็นมิตรมากขึ้น

ใครที่สนใจจะใช้ Notification Log ลิงค์ด้านล่างช่วยท่านได้!

Privacy (ความเป็นส่วนตัว)

One-Time Permission

หากใครเคยเล่น iOS มาก่อนจะคุ้นเคยกับ “Allow once” หรือ “อนุญาตครั้งเดียว” แต่ใน Android ไม่มีปุ่มนี้ให้เลือก ผู้ใช้ต้องเลือก

  • Allow all the time
  • While using the app
  • Deny

โดยใน Android 11 ปุ่มนี้ได้มาแล้ว ในชื่อ “Only this time” หรือ “เฉพาะเวลานี้”

กรณีที่อยากให้มัน Allow all the time เหมือนเมื่อก่อน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก (ขายของๆ)

Wireless Charging (การชาร์จแบบไร้สาย)

แจ้งเตือนหากวางเครื่องบนแท่นชาร์จไร้สายไม่ตรงจุด

ฟีเจอร์นี้ได้ถูกค้นพบ โดยคนนั้นติดตั้ง Android 11 Developer Preview บน Google Pixel 4 แล้วเค้าก็สังเกตว่า ตอนเค้าวางบนแท่นชาร์จไร้สาย มันมีข้อความสีส้มแดง แจ้งเตือนให้ขยับมือถือให้ตรงจุดเพื่อให้ชาร์จไร้สายทำงาน

แบ่งพลังงานให้เครื่องอื่นผ่าน Battery Share

ปัจจุบันนี้มือถือหลาย ๆ รุ่น ก็รองรับการแชร์แบตเตอรี่ให้อุปกรณ์เครื่องอื่นแบบไร้สายมาพักนึงแล้ว ล่าสุดใน Android 11 Developer Preview ฟีเจอร์นี้ก็ได้ถูกพบอีกเช่นกัน โดยพบว่า Google ได้ซ่อนฟีเจอร์นี้ไว้ และเปิดใช้กับอุปกรณ์แค่รุ่นเดียว โค้ดเนม “Redfin” คงต้องติดตามกันยาว ๆ

Tools (เครื่องมือ)

Native Screen Recorder

ถ่ายวิดีโอหน้าจอเป็นฟีเจอร์นึงที่มีมาอย่างยาวนานใน Android Third-Party App ผู้ใช้ต้องทำการดาวโหลดแอปแยกต่างหาก หลาย ๆ ยี่ห้อจึงเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของตน แต่ทาง Google ก็ไม่มีการเพิ่มฟีเจอร์นี้เข้าไปใน Android และแล้ว Android 11 Developer Preview ก็ได้มี Screen Recorder เข้ามาเรียบร้อย

อยากให้กดถ่ายจอแล้วเลือก Stream ขึ้น Youtube หรือ Twitch ได้คงจะดี~ OwO)b

New Screenshot UI and Scrolling Screenshot

ใน Android 11 Developer Preview มีคนพบว่า Google ได้ซ่อน UI ใหม่ไว้ โดยจะมีการแสดงรูปตัวอย่างและปุ่มทางลัดสามปุ่ม คือ แชร์รูป แก้ไขรูป และ ปุ่มสุดท้ายคือ Extend หรือก็คือ Scrolling Screenshot

Scrolling Screenshot คืออะไร?

หากใครที่เคยใช้สมาร์ทโฟนของค่ายเกาหลีอย่าง Samsung หรือค่ายจีนอย่าง Huawei, OPPO, Vivo, Xiaomi คงน่าจะคุ้นเคยกับการแคปหน้าจอยาว ๆ พวกเว็บหรือแชท ฟีเจอร์นี้ถูกสร้างและใส่เพิ่มเข้าไปโดยทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของค่ายนั้น ๆ เอง

วิธีใช้งานของ Scrolling Screenshot อันนี้ต้องยอมรับเลยว่า ขึ้นอยู่กับแต่ละค่ายจะใช้วิธีใด ไม่ว่าจะเป็น กดแล้วภาพออกมาแบบยาว ๆ เลย หรือ แสดง Animation ที่เนื้อหาค่อย ๆ เลื่อนไป แม้แต่บางค่ายให้ผู้ใช้เป็นคนเลื่อนด้วยเองก็มี

และแล้วตอนนี้ Android 11 ก็ใส่ฟีเจอร์นี้เข้ามาเรียบร้อย!

แต่น่าเสียดายที่ปุ่ม Extent ยังไม่สามารถใช้งานได้ และยังไม่มีตัวอย่างข้างในให้เห็นคงต้องรอพัฒนากันต่อไป

Connectivity (การเชื่อมต่อ)

ใช้งาน Bluetooth ได้เมื่อเปิด Airplane Mode

หลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาที่ว่า ต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับหูฟัง Bluetooth แล้วจำเป็นต้องเปิดโหมดเครื่องบิน จู่ ๆ อารมณ์ในการฟังเพลงเราก็ดับวูป!! Bluetooth ในมือถือโดนปิดไปด้วย!! เราจำเป็นต้องกดเปิดแล้วเชื่อมต่อใหม่อีกรอบ ขัดใจมาก!!

Android 11 แก้ปัญหาจุดนี้แล้ว เย้~

User Interface

Pin app บน Share menu ได้แล้ว

คนที่มีแอปเยอะอาจจะปรบมืออยู่ก็เป็นไปได้~ กดปุ่มแชร์ทีต้องเลื่อนหาแอปหรือบุคคลที่เราต้องการจะแชร์ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก แอปไหนที่เราจะใช้ มันดันชอบเรียงไปอยู่หลัง ๆ ซะงั้น แชร์ครั้งเดียวพอว่า แต่พอหลายครั้งเข้า เมื่อยนิ้ว!! ฉะนั้นขอปรบมือให้!! 👏👏👏

Automated Dark Mode

ส่วนตัวผมคิดว่าฟีเจอร์นี้แปลกดี ที่แปลกคือ เมื่อก่อนมันมีฟีเจอร์ Night Mode ที่เปลี่ยนหน้าแจ้งเตือนเป็นสีดำ และมี Auto Night Mode ตั้งเวลาได้ แต่พอมา Android 10 ฟีเจอร์ Night Mode ถูกเอาออก และเพิ่ม Dark Mode เข้ามาแทน แต่ดันตั้ง Auto แบบ Night Mode เดิมไม่ได้ ไม่รู้เพราะเสียงเรียกร้องหรืออย่างใด มันก็กลับมาแล้วใน Android 11 ..

Media Controller บน Quick Settings

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ถูกซ่อนไว้ กับความพยายามผสาน Quick Settings กับ Media Controller เข้าด้วยกัน ลดความแออัดของหน้าการแจ้งเตือน ไม่แน่อาจจะมีการต่อยอดให้เอา Widget ตัวเล็กวางไว้ด้านบนก็ได้

นึกถึง Lockscreen widget สมัย Android 4.2 เลย ( ̄ω ̄)

Other (อื่น ๆ)

รองรับไฟล์ภาพแบบ HEIF

HEIF หรือ High Efficiency Image File Format ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก MPEG โดยคุณสมบัติของมันคือ สามารถเก็บภาพนิ่ง, ภาพเคลื่อนไหวสั้น ๆ, ค่า HDR, ค่าความลึกตื้น, หรือแม้แต่เสียง ในขนาดที่เล็กกว่า JPEG เกือบครึ่ง

สรุป

จากทั้งหมด 13 ฟีเจอร์ใหม่ของ Android 11 ที่เล่าในบทความนี้ นี่แค่ส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่ผู้ใช้ทั่วไปจะได้เห็น ยังมีอีกหลายอย่าง ที่อยู่ในส่วนของนักพัฒนา ซึ่งผมจะขอเล่าในส่วนตอนที่สองนะครับ ยังไงก็ ผมขอจบบทความแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ!~

เครดิตข้อมูลและรูปภาพจากเว็บ 9to5Google.com

--

--