เมื่อเราเปลี่ยนไปใช้ Taiga
ย้อนกลับไปเมื่อสัก 2–3 เดือนที่แล้ว มี Tool ตัวหนึ่งที่ทาง Nextzyใช้สำหรับทำพวก Scrum Management ที่มีชื่อว่า Redmine โดยทุกโปรเจคที่เราทำก็ได้ Redmine นี่แหละช่วยในจัดการพวก Sprint, User Story และ Tasks นอกจากนั้นมันยังสามารถที่จะเปิด Issue ให้กับเหล่านักพัฒนาที่ปล่อย Bug หลุดออกมาได้อีกด้วย ซึ่งจากข้อดีเหล่านี้ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่ใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่เปิดบริษัทกันเลยทีเดียว
จากที่เล่ามาด้านบน หลายคนอาจจะสงสัยว่าในเมื่อทำไมมันดีขนาดนี้ จึงอยากที่จะเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่น โดยเหตุผลหลักๆที่ทุกตอบกันว่าเป็นเสียงเดียวกันนั้นก็คือ “เบื่อ!!” เบื่อพวก UI ที่มันทันสมัยเมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว เบื่อพวก Bug ของตัว Redmine เองที่บางทีลาก Task ไปแล้วไม่ยอมเปลี่ยน Status เบื่อเลข Task ที่พุ่งไปถึงหลักหมื่นแล้ว แต่ตัวโปรเจคยังมี Feature ใหม่ออกมาเรื่อยๆ จากเหตุที่สมเหตุสมผล ทำให้เราตามหา Tool ตัวอื่นแทน Redmine ในทันที
หลังจากที่หามาสักพัก เรามาสะดุดกับ Tool ตัวหนึ่ง ที่มันสามารถทำได้เหมือน Redmine แทบทุกอย่าง แตกต่างกันที่ UI UX ซึ่งทำได้สวยงามและดูเป็นมิตรกับเหล่าผู้ใช้มากกว่า ซึ่ง Tool ตัวนั้นก็ Taiga เองนั้นแหละครับ
พอได้ข้อสรุปว่าต้องใช้ Taiga กันก็เลยหยิบมันมา Deploy ลงเครื่องในทันที ให้ทุกคนได้ลองใช้ โดยจากการที่ใช้มันมาหลายเดือน ผมเจอข้อดีของมันหลายๆอย่างตามนี้ครับ
- UI สวย UX ที่เข้าใจง่าย
ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นเหตุผลหลักที่เปลี่ยนมาใช้ Taiga กัน เนื่องจาก UI ที่ clean และกินขาด นอกจากนั้นยังมี UX ไม่ซับซ่อนใช้งานง่ายอีกต่างหาก
- ลาก Task ผ่าน Commit Message
อีกหนึ่งหมัดเด็ดที่ปล่อยมาจาก Taiga โดยที่ทางตัว Taiga สามารถให้นักพัฒนาสามารถลาก Task จาก Commit Message โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าเว็บแล้วลากให้เสียเวลา
- สามารถ Login ผ่าน Github ได้
มีตัว SSO สำหรับขา Developer ที่ใช้ Login ได้เลย
- Kanban Board vs Scrum Board
ใน Taiga เองเมื่อเราสร้างโปรเจคใหม่ เราสามารถเลือกให้มันใช้ Kanban board หรือ Scurm Board หรือจะเลือกใช้มันทั้งสองอย่างก็ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าเป็น Feature ที่ดีมาก เพราะว่า Scrum Board จะไม่ตอบโจทย์สำหรับโปรเจค บางโปรเจคที่ใช้เวลาทำค่อนข้างน้อยใช้ Kanban Board จะเหมาะสมกว่า
- Everything is Custom
ในตัวโปรเจคของทาง Taiga จะเปิดให้ Custom ได้หลายอย่างไม่ว่าเป็นตัว Scrum Board ที่ไม่จำเป็นต้องมีแค่ Todo, Doing, Done อีกต่อไป สามารถเปลี่ยนได้ตามใจนึก หรือตัวสีของ Task, Priority หรือ Issue ต่างๆ ที่เราสามารถเลือกเฉดสีต่างๆได้เอง ตัวของ Permission ที่เราสามารถกำหนดได้ละเอียดขนาดขั้นที่ว่า คนนี้มีสิทธิ์ที่จะสร้าง,ลบ หรือ ดู ตัว user stories ต่างๆ ได้หรือไม่
สุดท้ายและท้ายสุด ทุกคน Happy
อันนี้หัวใจหลักในการเปลี่ยนไปใช้ Taiga ในครั้งนี้เลย เนื่องจากเราต้องการให้ชีวิตในการทำงานมันดียิ่งขึ้น การใช้ Taiga มันกระตุ้นให้คนไปเปิด Tasks ต่างๆมากกว่า Remine ทำให้เห็นงานที่แต่ละคนทำในแต่ sprint ได้ดียิ่งขึ้น โดยตอนนี้มีโปรเจคที่ใช้ Taiga ประมาณ 80 เปอร์เช็นแล้ว ซึ่งมันก็น่าจะเป็นคำตอบที่ว่าใช้ Taiga แล้วค่อนข้างมีความสุขครับผม
Taiga Github: https://github.com/taigaio