เราทำงานไปทำไม?
Why WE Work: Barry Schwartz
เกริ่น
เมื่อเราได้มีโอกาสได้เจอเพื่อนสมัยเรียน “งาน”เป็นหนึ่งในหัวข้อที่เรามักยกขึ้นมาพูดคุยกันอยู่เสมอๆ
“ตอนนี้ทำอะไรอยู่ว่ะ”
“งาน เป็นไงบ้าง อัพเดทหน่อย”
น้อยครั้งที่อีกฝั่งจะตอบว่า “มีความสุขกับงานที่ทำมาก” แน่นอนส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะวัฒนธรรมความเกรงใจ และถ่อมตัวของคนไทยเราด้วย
จากสถิติของ Gallup ได้บอกว่ามีคนงานเพียง 13% เท่านั้นที่รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับงานของตน ถ้ามองเป็นภาพใหญ่ๆ คนเกือบ 90% บนโลกใช้เวลาครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับสิ่งที่ตนไม่อยากทำ ในที่ที่ตนไม่อยากอยู่
เราทำงานเพื่อ “เงิน”
นี่น่าจะเป็นความเชื่อใหญ่ ที่มีอิทธิพลต่องานมากกว่าที่เราคิด โดยต้นตอของความเชื่อชุดนี้มาจาก Adam Smith ในหนังสือ The Wealth of Nations (ปี1776)
“มนุษย์ทุกคนต่างต้องการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายสูงสุดโดยสัญชาติญาณ หากผลตอบแทนในทุกสถานการณ์คงที่ไม่ว่าจะปฏิบัติงานนั้นด้วยความลำบากหรือไม่ มุนษย์ก็ย่อมเลือกทางสบายเสมอ เขาทำงานอย่างขอไปทีประมาทและเลินเล่ออย่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
หรือถ้าพูดอีกอย่างคือ “คนเราทำงานเพื่อเงิน” แท้จริงมุมมองของสมิทมีความแยบยลกว่านี้ เพียงแต่ในยุคต่อๆมาเรากลับค่อยๆละทิ้งไป สมการแรงจูงใจในการทำงานเหลือเพียง เราทำงานเพื่อเงิน
เมื่อเราเชื่อ เราจึงเป็นเช่นนั้น
หากเราเชื่อว่าคนทำงานเพื่อเงิน เราก็จะออกแบบระบบการทำงานเพื่อเงิน เช่น เราพยายามใช้แรงจูงใจคือเงินเป็นตัวผลักดันหลัก เราให้ผลตอบแทนตามชิ้นงานตามที่คนงานสามารถทำได้ เราพยายามทำระบบให้คนงานคิดน้อยที่สุด ตัดสินใจน้อยที่สุดเพราะเราเชื่อว่าคนงานไม่มีแรงจูงใจอื่น นอกจากเงินเท่านั้น
ผลของมันก็คือ เมื่อระบบเป็นแบบนี้ คนงานที่ทำงานก็ถูกหล่อหลอมให้มีความคิดแบบนั้นเช่นกัน
สุดท้ายเมื่อเราเห็นว่าคนงานทำเพื่อ “เงิน”จริงๆ มันยิ่งยืนยันความเชื่อของเราแล้วก็วนลูปอยู่เรื่อยไป
Unfinished Animal: มุนษย์เป็น “สัตว์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ”
Clifford Geertz นักมานุษวิทยาคนสำคัญกล่าวว่า มุนษย์เป็น “สัตว์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ” (Unfinished animals) คือธรรมชาติของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมากกว่าถูกค้นพบ
เราออกแบบธรรมชาติมนุษย์ด้วยการออกแบบสถาบันรอบตัวมุนษย์
นี่คือส่วนที่ผมชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้ เพราะมันให้ความหวังกับเราว่า มนุษย์ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน งานไม่จำเป็นต้องหดหู่ และไร้ความหมายขนาดนั้น
งานที่มีความหมายคืออะไร?
ลักษณะงานที่มีความหมายมักมีลักษณะร่วมดังนี้
- งานเปิดโอกาสให้คุณใช้และพัฒนาทักษะความสามารถ
- มีอำนาจในการตัดสินใจ
- รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม
- มีเพื่อนร่วมงานที่เชื่อใจ
- งานมีเป้าหมายที่สูงค่า (และข้อนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุด)
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ ผมก็คิดถึงบทสนทนาที่เคยได้คุยกับพี่เตา คุณบรรยง พงษ์พานิช ที่ได้พูดถึงหลักการบริหารทีมงานในบริษัท ภัทร ซึ่งได้สรุปไว้สั้นๆ 5 อย่าง
#ได้เรียน
#ได้ทำ
#ได้มันส์
#ได้ตังค์
#ได้ภูมิใจ
ผมเองชอบหลักการห้าข้อนี้บ้าง และก็ได้ปรับเอามาใช้ในบริษัทอีกด้วย ผมคิดว่ามันเข้าใจได้ และครบถ้วนดี
หากทฤษฎี Unfinished Animal นั้นเป็นความจริง ก็หมายความว่าเราไม่ได้สิ้นหวังซะทีเดียว เราสามารถสร้างงานที่มีความหมายได้จริง และมันก็อาจเกิดวงจรใหม่
ตัวอย่าง: Interface-ยอมสละกำไรเพื่อผลลัพท์ทางสังคม
20 ปีก่อน Ray Anderson ผู้บริหารอินเตอร์เฟซ โรงงานผลิตพรมที่ประสบความสำเร็จ ได้ค้นพบว่าเงินที่เขาได้มีมากมาย ส่งต่อให้ลูกหลานก็ยังเหลือเฟือ แต่ไอ้โรงงานที่เขาทำมันส่งผลทำลายสิ่งแวดล้อม จะมีเงินไว้ให้ลูกหลานในโลกที่อยู่ไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร เขาจึงได้ตั้งเป้าจะเปลี่ยนกระบวนการผลิตเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์ในปี 2020
แน่นอนความโลกสวยมีราคา การคิดกระบวนการใหม่และการควบคุมมลพิษมีค่าใช้จ่ายสูงลิบ แต่เขาก็ยอมสละกำไรเพื่อผลลัพท์ทางสังคม
ผลก็คือในปี 2013 อินเตอร์เฟซลดพลังงานที่ใช้ได้ถึงครึ่งหนึ่ง และลดของเสียได้ 1 ใน 10 ส่วนผลกำไร…. ไม่ได้ลดลงเลยซักนิด เพราะพนักงานทุกคนรู้สึก “อิน”กับวิสัยทัศน์นี้ทุกคนรู้สึกท้าทายในการค้นหานวัตกรรม ทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นนั่นเอง
เมื่อเราสร้างงานที่มีความหมาย และพนักงานทำงานเพื่อความหมายนั้น ผลผลิตในบรรทัดสุดท้ายจริงๆจะสูงขึ้น เป็นวิน-วิน อย่างแท้จริง
แล้วไงต่อ
เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จนจบ สิ่งที่กระทบใจที่สุดคือ เรายังมีความหวัง มนุษย์ไม่ได้เป็นมีธรรมชาติทำงานเพื่อเงินอย่างที่เรา(เคย)เชื่อ จริงอยู่เงินเป็นส่วนหนึ่งของสมการ แรงจูงใจ เพียงแต่มันไม่ใช่ทั้งหมด
หากคุณเป็นคนทำบริษัท ขอให้คุณมั่นใจว่าคุณสามารถสร้างงานที่มีความหมายได้ เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่คุณสร้าง สิ่งที่คุณเชื่อ จะกำหนดตัวทีมงานของคุณเอง (คุณไม่ได้โลกสวยอยู่คนเดียวหรอก…..ยังไงมีผมอีกหนี่งคนที่เชื่อเหมือนคุณ)
หากคุณเป็นคนทำงาน คุณรู้สึกว่างานที่ทำมันไม่ใช่ คุณไม่ใช่มนุษย์ที่ทำงานเพื่อเงินอย่างเดียว… ขอให้คุณเชื่อในความรู้สึกลึกๆว่านั่นคือความรู้สึกที่ถูกต้อง จงกล้าเดินออกไปบอกเจ้านายของคุณ บริษัทของคุณ ว่าคุณต้องการอะไรที่มากกว่า “เงิน”
แต่ถ้าคุณอยากทำงานที่มีความหมาย และคุณไม่สามารถเปลี่ยนบริษัทที่คุณอยู่ได้ มาสมัครงานกับเราได้นะครับ contact@healthathome.in.th บางทีเราอาจจะเป็นที่ทำงานที่คุณตามหาก็ได้
ด้วยรักและเคารพ
:->m’26