ประสบการณ์เริ่มต้นทำแอปที่มียอดดาวน์โหลดรวมเกิน 1 ล้านครั้ง จนถึงจุดจบ
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (2555) ยุค StartUp รุ่งเรือง ตอนนั้นด้วยความเป็นวัยรุ่นอยากทำแอป
#จุดเริ่มต้น
ช่วงนั้นพึ่งเริ่มศึกษาเรื่องตลาดหุ้น เป็นช่วงร้อนวิชา เลยอยากทำแอป ที่เอาไว้ดูกราฟหุ้น พร้อมกับแสดงเส้นกราฟ MACD ( Moving Average Convergence/Divergence เอาไว้ดูสัญญาณชื้อขายแบบง่ายๆ)
เพราะว่าในตอนนั้น ถ้าจะดูราคาหรือกราฟหุ้น เราจำเป็นต้องล็อกอินแอป Streaming Pro ทุกครั้ง เลยอยากทำ แอปที่แค่เปิดดูได้แบบเร็วๆ
#ค้นหาข้อมูล
ตอนแรกกะว่าจะไปดูดข้อมูลหน้าเว็บของ Settrade แต่มีหุ้นอยู่หลายร้อยตัว ไม่น่าไหว แล้วก็ไปเจอ API แสดงราคาหุ้นของ Bloomberg และ Yahoo ที่เรียกข้อมูลได้แบบง่ายๆ เลย
ถัดมาก็หาข้อมูลว่า MACD มีสูตรคำนวณยังไง แล้วก็คำนวณแบบบ้านๆ อาจจะไม่ถูกต้อง 100% แต่ลองไปเทียบกับกราฟที่อื่นก็ถือว่าใกล้เคียงอยู่
#เริ่มพัฒนา
จำได้ว่าเป็นช่วงวันหยุดสงกรานต์ มีเวลา 3 วัน เป็นวันหยุดที่สนุกมาก อยู่บ้านลองเริ่มศึกษาการเขียนแอปตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งมี 2 ทางเลือก เขียนแอปด้วยภาษาของแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งไม่มีพื้นฐานอะไรเลย อาจจะได้แค่ Objective-C นิดหน่อย เลยตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ 2 ใช้แพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Titanium Appcelerator ซึ่งเขียนด้วย JavaScript ถือว่าเข้าทางเลย เขียนทีเดียวได้ทั้ง iOS และ Android (ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้ React Native ก็จะตอบว่า ตอนนั้น React Native ยังไม่เกิด)
#โปรโมท
พอทำแอปเสร็จก็จัดการเอาขึ้น App Store กับ Play Store แล้วก็คิดว่า จะทำยังไงให้คนโหลดแอปเราดี ในยุคนั้น iPhone 5 พึ่งออกใหม่ๆ ถ้าใครจำได้จะเป็นยุคร้านตู้รับลงแอป ที่ใครซื้อมือถือใหม่ ก็จะไปตามร้านตู้ให้เขาลงแอปเถื่อนให้ ซึ่งได้รับความนิยมมากในสมัยนั้น
ผมก็จัดการไปสั่งพิมพ์นามบัตรเล็กๆ มีรายละเอียดโปรโมทแอป แล้วมุ่งตรงไปยังมาบุญครอง ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของร้านตู้รับลงแอปเลย แล้วก็ทำการ เอานามบัตรไปยื่นให้แต่ละร้าน บอกว่าถ้ามีลูกค้ามาให้ลงแอป ฝากพี่เพิ่มแอปผมลงไปด้วยนะ น่าจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าพี่ด้วย
ซึ่งมีร้านตู้หลายร้านได้นามบัตรตอนแรกแล้วระแวงนึกว่าเป็นสายจะมาจับเขา แต่พอรู้ว่าเป็นแอปคนไทย (ซึ่งแอปของคนไทยตอนนั้นมีน้อยมากก) เขายินดีและดีใจมาก
“เอ้ย แอปน้องทำเองเลยหรือ สุดยอด เดี๋ยวพี่ช่วยโปรโมทให้เต็มที่เลย”
และเวลาที่ไปตามร้านขายมือถือต่างๆ ที่มีมือถือตั้งโชว์อยู่แท่นขาย ผมก็จะแอบไปยืนเล่น เนียนโหลดแอปลงในทุกเครื่องที่โชว์ (สมัยนี้ไม่ได้แล้ว น่าจะโดนจับเลย 555)
#ผลตอบรับ
อยู่ๆ ยอดดาวน์โหลดก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ มากกว่ายอดดาวน์โหลดคือความดีใจที่ เฮ้ย มีคนโหลดไปใช้จริงๆ ด้วย แล้วแอปก็ขึ้นอันดับ 1 ในหมวด Finance จนมีรายการของคุณอู๋ Spin9 ในตอนนั้นที่จะมารีวิวแอปใหม่ๆ ก็มารีวิวแอปนี้ในรายการด้วย ดีใจมาก และที่ดีใจกว่านั้นคือ ช่วงนั้นมีเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ แล้วก็เหลือบไปเห็นว่าเพื่อนที่เรียนพิเศษใช้แอปที่เราทำด้วย
ซึ่งในแอปนั้นมีติดแบนเนอร์โฆษณา ก็คิดนะว่า ใครมันจะไปกด สรุปว่าได้เงินจากค่าโฆษณาด้วย อาจจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็เยอะกว่าที่คิดไว้มาก เลยได้ขอสรุปว่า อ๋ออ คนน่าจะกดพลาดไปโดนเยอะ 555
#ต่อยอด
หลักจากนั้นเริ่มสนุก เอาหลายๆ ข้อมูลที่เราอยากดูเร็วๆ มาทำเป็นแอป เช่น ดูค่าเงินบาท, ดูราคาทอง, ดูราคาน้ำมัน แต่ที่ชอบที่สุดคือ แอปแปลภาษาในหน้าเว็บ ที่เอานิ้วจิ้มคำไหน แล้วจะแปลคำนั้นได้เลย
หลังจากนั้นยอดดาวน์โหลดรวมทุกแอปก็เพิ่มขึ้นมา จนแตะเกิน 1 ล้านดาวน์โหลด คิดว่าจำนวนยอดดาวน์โหลดขนาดนี้เราจะไปคุยกับเอเจนซี่หาโฆษณามาลงเองได้นะ เลยเริ่มต้นทำระบบแสดงโฆษณาของตัวเอง
#จุดจบ
ในขณะที่ทุกอย่างไปได้สวย โอกาสในชีวิตตอนนั้นก็เข้ามา เพราะได้ไปทำงานใน บ. StartUp ข้ามชาติจริงๆ และงานที่ บ.ใหม่สนุกมาก งานก็เริ่มยุ่งขึ้น กับตัวโฆษณาที่ติดในแอปตอนนั้น ใช้ AdMob ถูก Google ซื้อไป และเปลี่ยนวิธีคิดเงิน คนกดโฆษณาต้องกดแบนเนอร์ 2 ครั้งถึงจะได้เงิน ทำให้รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่สาเหตุจริงๆ เกิดจาก มีโทรศัพท์ 1 สายโทรเข้ามา
“สวัสดีครับ โทรจาก Settrade นะครับ”
…ใช่ครับ Settrade โทรมาบอกว่า การที่ผมดึงข้อมูลตลาดหุ้น มาแสดงให้คนทั่วไปดูจะต้องเสียค่าบริการให้กับ Settrade เดือนละ 1 แสนบาท
แต่เขาก็ใจดีบอกว่าไม่ได้ต้องการเก็บเงินย้อนหลังนะ แต่ขอให้ปิดแอปเดี๋ยวนี้ และอยากรู้ว่าคุณเอาข้อมูลมาจากไหน แล้วเขาจะไปตามเก็บที่เจ้าของแหล่งข้อมูลเองซึ่งก็คือ Bloomberg กับ Yahoo
จนสุดท้ายผมเลยต้องปิดแอปไป ส่วนแอปที่เหลือก็แอบลุ้นอยู่ว่า แล้วข้อมูลที่เราดึงมา จะมีคนมาเก็บเงินเราย้อนหลังหรือเปล่า กับตอนนั้นมีอัพเดท iOS และ Android เวอร์ชั่นใหม่ ทำให้ต้องเปลี่ยนวิธีเขียนแอป และประกอบกับ งานใหม่ที่สนุกและยุ่งมาก เลยค่อยๆ ทยอยปิดไปทีละแอป
แต่ก็ถือเป็นช่วงชีวิตนึงที่สนุกมาก และได้เรียนรู้ประสบการณ์เยอะมาก อาจจะไม่ถึงขั้น StartUp แต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มสตาร์ท
ถ้าใครเคยใช้หรือเห็นแอปในรูปนี้ผ่านตา ฝากทักทายกันด้วยนะครับ :)