การบ้าน
เช้าวันทำงานวันหนึ่ง หลังจากผม ออกกำลังกาย และ อาบน้ำเสร็จ กำลังอารมณ์ดีกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของสบู่อาบน้ำที่ชอบ แม่ผมช่วยตรวจกระเป๋าชวินลูกชายวัยสิบขวบของผม แล้วเจอกระดาษแผ่นหนึ่ง หน้าตาเหมือนโจทย์เลขที่ถูกทำไปประมาณ 2 ใน 10 ส่วน
ผมประหลาดใจนิดหน่อย เพราะตั้งแต่ผมสอนชวินว่า สิ่งสำคัญให้ทำก่อน ชวินก็จะทำการบ้านก่อนค่อยเล่นมาตลอด หลายปีมานี้ชวินไม่เคยพลาดเลย จนใครต่อใครมักจะมาแอบชมชวินให้ผมฟังว่ามีวินัยสูงมาก
ผมตัดสินใจปลุกชวินเร็วกว่าปรกติ 5 นาที ระหว่างทางที่ชวินเดินงัวเงียกำลังจะไปล้างหน้าล้างตา ผมเอากระดาษนี้ให้ชวินดู แล้วถามว่า
ผม: อันนี้มันคืออะไรเหรอ
ชวินมองมันแล้วนิ่งไปนานมาก ท่าทางเหมือนยังคิดอยู่ พอชวินนิ่งไปเป็น 2 นาที ผมที่รอด้วยความร้อนใจมากเพราะด้านหนึ่งกังวลว่าผมและลูกจะสาย ขณะที่อีกด้านอยากได้ยินว่าลูกกำลังคิดอะไรในหัว แล้วเสียงตอบของชวินก็กระแทกใจผมอย่างแรง
ชวิน: เศษกระดาษมั๊ง
แวบแรกผมตัดสินไปแล้วว่าชวินคิดว่ามันเป็นการบ้านที่ไม่เสร็จแต่ไม่กล้าพูดความจริงกับผม ตอนนั้นผมรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ตลอดเวลา 10 ปีที่เลี้ยงชวินมา ผมพยายามมาก ๆ ที่จะไม่ใช้สถานะพ่อ หรือกำลังที่มากกว่าบังคับอะไรชวินเลย เราคุยกันด้วยเหตุผล และตัดสินใจร่วมกัน ผมพร่ำบอกชวินเสมอว่าผมรักชวินแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าเค้าจะผ่านประสบการณ์อะไรมา ตัดสินใจทำอะไร แม้ผมจะเห็นต่างกับสิ่งที่เค้าเลือกทำ แต่ผมจะรักเค้าไม่เปลี่ยนแปลง ผมพยายามด้วยความหวังว่าชวินจะโปร่งใสกับผมได้ทุกเรื่อง วันใดที่เค้ามีปัญหาหนักหนาที่สุด อับอายที่สุด ผมอยากเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เค้าจะปรึกษาตราบเท่าที่ผมยังมีชีวิตอยู่
ด้วยความผิดหวังที่ท่วมท้น บวกกับความร้อนใจที่กลัวสาย ผมเลยตอบไปอย่างไร้ความอ่อนโยนว่า
ผม: งั้นเราทิ้งมันดีไหม
แล้วชวินก็นิ่งไปอีก 2 นาที 🤣
หลายอึดใจถัดมา ขอบคุณออกซิเจนที่ช่วยให้การตัดสินผมยืดหยุ่นขึ้น ผมคิดได้ว่าผมอาจจะกำลังคุยกับเสี้ยวส่วนหนึ่งของชวินที่กำลังปฏิเสธความจริงและมองกระดาษแผ่นนี้เป็นเศษกระดาษจริง ๆ อยู่ก็ได้ ผมคิดว่าชวินต้องการเวลาเพื่อจะประมวลผลเหตุการณ์นี้ และผมตัดสินใจแล้วต่อให้ปรากฏว่าชวินลืมทำการบ้าน มันก็เป็นปัญหาของชวินที่ชวินต้องรับผิดชอบเอง ผมตัดใจไม่อยากหาคำตอบแล้วว่ากระดาษแผ่นนี้ต้องเสร็จก่อนไปโรงเรียนไหม แล้วกลับไปโฟกัสกับการแต่งตัวไปโรงเรียนให้ทันแทน ผมเลยเลือกทำลายความเงียบโดยการแนะนำชวินว่า
ผม: เราเอาใส่กลับเข้ากระเป๋าก่อน แล้วไปแต่งตัวดีไหม ไว้ลูกพร้อมค่อยมาคุยกันต่อว่ากระดาษนี้คืออะไร แล้วเราจะได้ไม่ไปโรงเรียนสาย
ซึ่งชวินพยักหน้า ผมก็เก็บกระดาษใส่กระเป๋า แล้วช่วยชวินแต่งตัวไปโรงเรียน
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน ชวินก็เล่าให้ผมฟังว่า
ชวิน: ชวินรู้แล้วว่ากระดาษนั้นคืออะไร มันคือการบ้านที่ไม่ต้องส่งวันนี้ แต่ต้องส่งวันพรุ่งนี้
ผม: ตามกฏที่เราตกลงกัน เราตกลงว่ายังไงนะ
ชวิน: สิ่งสำคัญให้ทำก่อน
ผม: แล้วเวลาไม่ได้ทำสิ่งสำคัญก่อนหล่ะ
ชวิน: โดนแบนไม่ได้เล่นไอแพด 1 วัน
ผม: ลูกคิดว่านี่เป็นกฏที่ดีไหม
ชวิน: ดี
ผม: งั้นลูกอยากแบนตัวเองเมื่อไหร่
ชวิน: ขอไปคุยกับเพื่อนพรุ่งนี้แล้วค่อยตัดสินใจได้ไหม
ผม: ได้สิ
หลังบทสนทนา เราก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง คืนนั้นระหว่างที่ผมนอนกอดชวิน ผมก็บอกชวินว่า
พ่อภูมิใจในตัวลูกนะที่รักษาสัญญากับตัวเอง คนที่รักษาสัญญากับคนอื่น เป็นคนที่คู่ควรจะไว้วางใจ ส่วนคนที่รักษาสัญญากับตัวเอง เป็นคนที่คู่ควรจะประสบความสำเร็จ
ที่ผมเลือกเอาเรื่องนี้มาแบ่งปันกับทุกคนเพราะในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ฝึกการสื่อสารเพื่อสานสัมพันธ์ (Nonviolent Communication) บ่อยครั้งที่ผมบอกตัวเองให้เคารพประสบการณ์ของทุกคนมากกว่าความจริงที่เกิดขึ้น เพราะผมพบว่าสิ่งที่ผมเรียกว่า “ความจริง” มันเป็นเพียงการให้คุณค่ากับประสบการณ์ของผมและไม่ให้คุณค่ากับประสบการณ์ของคนอื่นเฉย ๆ โดยเฉพาะจากมุมมองของผู้ถูกตัดสิน
ถ้าผมยึดมั่นว่ากระดาษแผ่นนั้นคือการบ้านที่ไม่เสร็จ มันคงจะไม่มีพื้นที่ให้บทสนทนาทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นมา ผมคงไม่มีโอกาสได้บอกชวินว่าผมภูมิใจในการตัดสินใจของเค้า