ทำไมคนมีลูกถึกกันจัง?

Chokchai Phatharamalai
odds.team
Published in
2 min readAug 23, 2018

ผมยังจำเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว มันเป็นเวลา 3 เดือนก่อนที่ผมจะตัดสินใจด้วยกันกับภรรยาว่าจะมีลูก แม่ยายคุยกับเราสองคนว่า…

แม่ยาย: อายุก็เยอะขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ถ้าจะมี ก็ต้องมีตอนนี้แหละ ช้ากว่านี้ พอแก่ตัวไป มันจะมีผลกับพัฒนาการของเด็กนะ แล้วพอเราอายุเยอะ จะอุ้ม จะเลี้ยง ร่างกายมันก็ไม่ไหว นอกจากนี้ ถ้ามีช้าไป จะตายก็ตายตาไม่หลับอีก

ผม: พวกเรายังไม่พร้อมเลยแม่ ด้วยเงินเดือนเราสองคนตอนนี้ ที่เหลือเก็บแต่ละเดือนมีแค่หน่อยเดียว จะเอากำลังที่ไหนไปส่งเสียลูก

แม่ยาย: ถ้าจะรอให้พร้อม มันไม่มีวันพร้อมหรอก มีไปก่อน เดี๋ยวความพร้อมมันจะตามมาเอง ตอนที่แม่มีเก๋ (ภรรยาผม) แม่เองก็ไม่ได้พร้อมเหมือนกัน พอมีแล้ว เดี๋ยวทางมันก็จะตามมาเอง

แล้วเราสองคนก็ตัดสินใจที่จะมีลูก แม้ว่าสิ่งที่แม่พูดไว้วันนั้นมันจะไม่เมคเซนส์เลยก็ตาม เป็น leap of faith ล้วน ๆ

https://flic.kr/p/8CBncF

สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก็คือ หลังจากมีลูกแล้ว เงินทอง เวลาก็ไหลมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วก็มีปัญญาเลี้ยงลูกได้จริง ๆ ด้วย ในความมหัศจรรย์นั้นประกอบด้วย การย้ายงาน, ไปคุยกับที่บริษัทเพื่อขอลดเงินเดือนเหลือ 60%, ผลัดกันทำงานคนละวัน ผมจะไปทำงาน จ. พ. ศ. ภรรยาไปทำ อ. พฤ. ศ. วันศุกร์ที่เราทำงานทั้งคู่ จะฝากแม่ผมเลี้ยง (อยากรู้ไปอ่านต่อในบล็อก เราจะเดินช้าลง เพื่อจะเดินไปด้วยกัน ด้านล่างเองนะ), ฯลฯ อีกมากมาย แต่สุดท้าย มันราวกับว่าจักรวาลจัดสรรให้การมีลูกของเรามันเวิร์คจนได้

ถ้าตอนนี้แม่ยายถามว่า เชื่อยัง มีไปก่อน เดี๋ยวทางจะตามมาเอง ก็ต้องตอบว่าเชื่อ แต่ถ้าถามว่าเข้าใจยังว่ามันจะตามมาได้ยังไง ก็ต้องสารภาพว่ายัง งง ๆ อยู่

ช่วงก่อนจะตัดสินใจมีลูก ผมก็ถามคนมีลูกแล้วหลาย ๆ คนนะ ว่ามันจะเวิร์คได้ยังไง หลาย ๆ คนก็ตอบเหมือน ๆ กัน ว่า เดี๋ยวทางมันจะตามมาเอง เราคิดตอนนี้คิดไม่ออกหรอก ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ จนกระทั่งตอนนี้มีลูกเองก็เข้าใจขึ้น แต่ไม่รู้จะอธิบายออกมาได้ยังไง จนกระทั่งได้มาเห็นรูปที่ 16 ของบล็อกด้านล่าง

16. Good Timber Does Not Grow With Ease

https://flic.kr/p/rKJRYm

ในบล็อกนั้นเค้าเล่าว่า มีชาวนาคนนึง ซื้อรถกระบะคันใหม่มา พอถึงหน้าหนาวหิมะตก ก็คิดว่าเป็นโอกาสดีที่จะทดสอบกระบะคันใหม่ เลยขับออกไปตัดไม้มาทำฟืน พอออกนอกถนนไปจอดข้างทาง ลงรถได้ซักแป๊ป ปรากฏว่าหิมะตกหนักมาก ล้อนี่จมหิมะเลย เลยมาลองถอยรถดูว่าจะถอยกลับมาบนถนนได้ไหม ปรากฏว่าล้อฟรีครับผม เอาไม้มายัดใต้ล้อก็ไม่เวิร์ค ลองขุดรอบๆล้อดูก็ไม่เวิร์ค หนาวก็หนาว จนเริ่มจนใจ ไม่รู้ทำไง เลยเริ่มสวดภาวนา แล้วอะไรไม่รู้ดลใจให้ลองตัดต้นไม้ ก็เลยตัดฟืนใส่เต็มหลังกระบะตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก พอโหลดฟืนเต็มหลังกระบะ ไปลองถอยรถดู ปรากฏว่าไอ้น้ำหนักฟืน มันก็เพิ่มแรงกดทำให้ถอยรถออกมาจากหลุมที่ติดอยู่ได้ แล้วก็ขับกลับบ้านได้

ถ้าไม่มีนำ้หนักจากฟืน รถก็คงยังติดหล่มอยู่ตรงนั้น เมื่อก่อนผมหลงคิดว่า ชีวิตที่มีความสุข คือ ชีวิตที่สบาย ไม่มีภาระใด ๆ อย่างไรก็ตาม พอได้ลองทำแบบนั้น ผมก็เรียนรู้ว่า มันสบายกายตลอดวันก็จริง แต่มันไม่สามารถหลับสนิทตลอดคืนได้ มันรู้สึกว่างเปล่าราวกับกำลังติดหล่มเลย มันได้มีเวลาไปเที่ยวกับภรรยานะ มีกินมีใช้ แต่มันไม่ก้าวหน้า มันย่ำอยู่ที่เดิม จนกระทั่งมีลูก เราถึงรู้ว่าเราย่ำอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว จนกระทั่งมีน้ำหนักมากดลงบนบ่า มันถึงบังคับให้เราคิด ให้เราแก้ปัญหา ให้เราเติบโต มาถึงตอนนี้ แม้มันจะไม่สบายเท่าเดิม แม้ชีวิตจะเปลี่ยนไปมาก เพราะเราไม่ได้คล่องตัวเหมือนตอนไปกันเป็นคู่เหมือนแต่ก่อน ตอนนี้เราไปกัน 3 คน มีของใช้เด็กพะรุงพะรังเต็มไปหมด แต่มันก็มีความสุข และผมเชื่อว่า ที่มาของความอิ่มเอมนี้ มาจากการเติบโต

ประเด็นที่อยากจะแบ่งปันไม่ได้จะสื่อว่า มีลูกกันเถอะนะ ผมเชื่อว่า การมีลูกเป็นวิธีการหนึ่งที่นำไปสู่การเติบโต ซึ่งแต่ละท่านก็น่าจะมีทางที่เหมาะกับตัวเองที่นำไปสู่การเติบโตได้เช่นกัน สิ่งที่ผมอยากแบ่งปันคือ วันนี้ผมแบ่งแยก ความสุข กับความสบายออกจากกันอย่างชัดเจน และบางครั้งผมก็มองเห็นความสุขที่ปลายอุโมงค์แห่งความลำบากได้เหมือนกัน หนังสือ the happiness advantage เรียกสิ่งนี้ว่า fall up (ล้มขึ้น) บางคนเรียกมันว่า พลิกวิกฤตเป็นโอกาส

--

--